Purposeful Brand ศรีจันทร์: จากวิกฤต Covid สู่รายได้ 1,600 ล้าน และรุ่งอรุณแห่ง Thai Beauty Era

“นี่คือรุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลงของ Thai beauty ที่ต้องคว้าโอกาสไว้” คือคำกล่าวของ รวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จํากัด ที่สะท้อนภาพความสำเร็จอันน่าทึ่งของแบรนด์เครื่องสำอางไทยระดับตำนานซึ่งเดินทางมากว่า 76 ปี จากร้านขายยาในยุคของคุณปู่ สู่การพลิกโฉมครั้งประวัติศาสตร์โดยทายาทรุ่นที่ 3

ในยุคที่ตลาดความงาม (Beauty) แข่งขันอย่างดุเดือดและถูกขับเคลื่อนด้วยเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การที่แบรนด์ไทยที่เคยถูกมองว่าเก่าแก่จะสามารถกลับมายืนหยัดและสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดต่อเนื่อง (Double Digit) ตั้งแต่ปี 2021-2024 จนมีรายได้รวมทะลุ 1,600 ล้านบาท พร้อมผงาดขึ้นเป็นแบรนด์ไทยอันดับต้นๆ ในตลาดสกินแคร์ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา

ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการวางกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งและชัดเจนภายใต้แนวคิด “Purposeful Brand” หรือแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย ซึ่งตกผลึกและแข็งแกร่งขึ้นอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 จนกลายเป็น DNA ที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายใหญ่ในการเป็นแบรนด์ไทยระดับสากลที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย

จุดเปลี่ยนในวิกฤต COVID-19 เมื่อ Purpose สำคัญกว่ากำไร

ช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดอย่างการระบาดของโควิด-19 คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงของศรีจันทร์ คุณรวิศเล่าว่า ในขณะที่ธุรกิจทั่วโลกพยายามรัดเข็มขัดและเก็บเงินสดไว้กับตัว ศรีจันทร์กลับตัดสินใจครั้งสำคัญที่ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคต

“เราคุยกันว่า สิ่งที่เราทำในวันนี้ จะเป็นสิ่งที่อีก 10 ปีข้างหน้าเรามองย้อนกลับมาแล้วรู้สึกภูมิใจ...มันจะเป็นตำนานขององค์กรเรา” คุณรวิศกล่าว

แทนที่จะเก็บเงินสดไว้กับตัว ศรีจันทร์เลือกที่จะดูแล 4 กลุ่มคนสำคัญที่สุด ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนกว่าการทำโฆษณาในช่วงเวลานั้น:

  1. พนักงาน: ท่ามกลางกระแสการเลิกจ้าง บริษัทประกาศนโยบายชัดเจน “ไม่มีการเลิกจ้าง และไม่ลดเงินเดือน” (ยกเว้นผู้บริหารระดับสูงที่สมัครใจ) เพื่อสร้างความมั่นคงทางใจให้พนักงาน พร้อมดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่
  2. ลูกค้า: เมื่อลูกค้ารู้สึกว่าการแต่งหน้าไม่ใช่สิ่งจำเป็น ศรีจันทร์จึงเปลี่ยนจากการขาย มาเป็นการส่ง “ของใช้จำเป็นและผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง” ให้กับลูกค้ากว่า 50,000 คน เพื่อบอกว่าแบรนด์ยังอยู่เคียงข้างและเข้าใจพวกเขา
  3. สังคม: บริษัทริเริ่มโครงการ “ชูชีพต่างกันไป” โดยพนักงานทั้งองค์กรได้ร่วมกันแพ็คของยังชีพและอาหารส่งมอบให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในกรุงเทพฯ ต่อเนื่องถึง 11 เดือน
  4. ผู้ถือหุ้น: คุณรวิศได้ขอความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นเพื่อนำงบประมาณมาใช้ในการดูแลคนทั้ง 3 กลุ่มข้างต้น โดยเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องและจะสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์ในระยะยาว

การกระทำเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ศรีจันทร์กลายเป็น “Purposeful Brand” ที่มีตัวตนชัดเจน และเป็นที่มาของความสำเร็จที่ตามมาอย่างมหาศาล

เจาะลึก 4 ความสำเร็จ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “ศรีจันทร์” ไม่ได้มีดีแค่แป้ง

ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งขึ้นหลังวิกฤต ศรีจันทร์สร้างการเติบโตจนน่าทึ่ง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ของแบรนด์ศรีจันทร์ และ ศศิ (sasi) สูงถึง 51% และ 53% ต่อปีตามลำดับ (2021-2024) ผ่าน 4 ความสำเร็จสำคัญ

1. พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งทุกมิติ: จากเจ้าตลาดแป้งฝุ่นสู่ผู้นำสกินแคร์

ศรีจันทร์สลัดภาพจำแบรนด์ที่เด่นแค่ "แป้ง" ได้สำเร็จ ด้วยการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมและแข็งแกร่งในทุกหมวดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สกินแคร์ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 148%

  • หมวดเมคอัพ: Bare to Perfect Translucent Powder ยังคงครองตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มแป้งฝุ่น
  • หมวดสกินแคร์: สินค้าเรือธงอย่าง SRICHAND Skin Moisture Burst Gel Cream (แบบซอง) คว้าแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากราคา 39 บาทที่เข้าถึงง่ายเพียงอย่างเดียว แต่หัวใจคือ “การอัดแน่นด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงที่มีงานวิจัยรองรับ” ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นและให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง

2. ศศิ (sasi) แบรนด์ลูกที่เข้าใจ Gen Z

ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ด้วย Positioning ที่ชัดเจนคือ The most value for money yet trendy beauty & lifestyle brand หัวใจของ sasi คือการเข้าใจอินไซต์ของวัยรุ่นอย่างแท้จริง

  • ที่มาของชื่อ ‘ศศิ’: มาจากความตั้งใจที่จะรักษาความเป็นไทย โดยคำว่า “ศศิ” แปลว่า “พระจันทร์” เช่นเดียวกับ “ศรีจันทร์” เป็นการเชื่อมโยงถึงรากเหง้าของแบรนด์แม่ในรูปแบบที่สดใสและทันสมัย
  • ผลิตภัณฑ์เด่น: Kiss & Blush (มัลติฟังก์ชัน) และ Acne Sol Collection (แก้ปัญหาสิว)

3. ผลประกอบการทะยานสู่ 1,600 ล้านบาท 

ตัวเลขการเติบโตสะท้อนความสำเร็จอย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายเติบโตในปี 2025 อีก +30% ถึง 40% และมีสัดส่วนช่องทางจำหน่ายมาจากออฟไลน์ 90% และออนไลน์ 10%

4. สัญญาณบวกจากตลาดต่างประเทศ: T-Beauty ได้รับการยอมรับ ศรีจันทร์ขยายสู่ตลาดนานาชาติและได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม

  • ตลาดลาว: เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 112.5% ต่อปี (2021-2024)
  • ตลาดญี่ปุ่น และปรากฏการณ์กาชาปอง BANDAI: ศรีจันทร์ไม่ได้เพียงแค่วางจำหน่ายสินค้ากว่า 2,000 ร้านค้าทั่วญี่ปุ่น แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ที่ตอกย้ำการยอมรับในระดับสากล เมื่อ BANDAI บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ระดับโลก ได้ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ดีไซน์ตลับแป้งอันเป็นเอกลักษณ์ของศรีจันทร์ เพื่อนำไปผลิตเป็น “กาชาปอง” (Gashapon) ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เพราะ ศรีจันทร์คือแบรนด์เครื่องสำอางไทยแบรนด์แรก ที่ได้ร่วมงานกับ BANDAI ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าดีไซน์แบบ Modern Classic Thainess นั้นมีเสน่ห์และเป็นที่ยอมรับในตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องความใส่ใจในรายละเอียดอย่างญี่ปุ่น โปรเจกต์นี้กลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย เมื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยได้พบและโพสต์ภาพกาชาปองศรีจันทร์ สร้างความประทับใจและความภูมิใจในแบรนด์ไทยไปพร้อมกัน

เปิด 4 กลยุทธ์ Purposeful Brand ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ

1. รักษาเอกลักษณ์ Modern Classic Thainess: ศรีจันทร์เคยผ่านช่วงเวลาที่เกือบจะเปลี่ยนชื่อแบรนด์เพราะมองว่าดูเก่า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเก็บชื่อเดิมไว้ด้วยความภาคภูมิใจ และต่อยอดด้วยการเพิ่มคำว่า “SRICHAND BANGKOK 1948” บนผลิตภัณฑ์ เฉกเช่นแบรนด์ระดับโลกที่ใช้ชื่อเมืองอย่าง Paris หรือ New York เพื่อตอกย้ำจุดกำเนิดและสร้างความภาคภูมิใจ

2. เลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นตัวแทนไทยร่วมสมัย: เลือกบุคคลที่เป็นตัวแทนคนไทยที่มีความสามารถและภาพลักษณ์ร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็น ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก, โบว์-เมลดา, แบมแบม-กันต์พิมุกต์, เก้า-สุภัสสรา, และวง PROXIE

3. พัฒนาคุณภาพสินค้าเทียบชั้นสากลด้วย R&D: ศรีจันทร์ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าอย่างสูงสุด เพราะเชื่อว่านี่คือแก่นแท้ของแบรนด์ โดยใช้เวลาพัฒนานานจนกว่าจะมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ดีที่สุดจริงๆ

  • ตัวอย่าง Skincare: ใช้ Glyceryl Glucoside (GG) สารให้ความชุ่มชื้น Gen ใหม่
  • ตัวอย่าง Base Makeup: พัฒนา Hybrid Foundation ที่มีส่วนผสมของ Skincare Active Ingredients มากถึง 86%

4. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง (Resilience): บริษัทสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้น Outcome, Accountability, Adaptability, และ Speed พร้อมมอบสวัสดิการที่ก้าวหน้า เช่น ลาคลอด 180 วัน, ลาดูแลภรรยาหลังคลอด, ลาเพื่อผ่าตัดแปลงเพศ และลาพักใจ (กรณีสูญเสียบุคคลในครอบครัวหรือสัตว์เลี้ยง) จนได้รับรางวัล องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยอันดับ 1 ปี 2025 จาก QGEN

T-Beauty: รุ่งอรุณแห่งโอกาส และ 3 เสาหลักสู่เวทีโลก

คุณรวิศย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของ T-Beauty (Thai Beauty) ที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก โดยมี 3 เสาหลักที่แข็งแกร่ง:

  1. ความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์: แบรนด์ไทยยุคใหม่เก่งในการสร้างเรื่องราวและ Brand Love ไม่ใช่แค่การขายของ
  2. ความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า: ผู้บริโภคทั่วโลกยอมรับว่าเครื่องสำอางไทยมีคุณภาพดี เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และมักเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Multi-functional ที่ทำได้หลายอย่างในชิ้นเดียว
  3. ฐานการผลิตระดับโลก: ประเทศไทยคือฐานการผลิตสำคัญของแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกมากมาย ทำให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการผลิตสูง

ศักยภาพนี้ยังสะท้อนผ่านเทรนด์ “สุวาอิ เมคุ” (Suwai Meku) หรือ "แต่งหน้าสวยแบบไทย" ที่กำลังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น ซึ่งมีเอกลักษณ์คือ ผิวแบบกึ่งแมตต์, ขนคิ้วตั้งเรียงเส้นเป็นธรรมชาติ, และการใช้ลิปสติกเนื้อเซมิแมตต์

ด้วยโอกาสนี้ ศรีจันทร์จึงตั้งเป้าขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้กลยุทธ์การหาคู่ค้าทางธุรกิจ (Distributor) ที่แข็งแกร่งในแต่ละประเทศ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเป็น 10-15% ภายใน 3 ปี

“จากรากฐานที่แข็งแรงของบริษัท บวกกับการยอมรับ T-beauty ในระดับสากล นี่จึงเป็นรุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง และศรีจันทร์จะใช้โอกาสนี้ในการต่อยอดธุรกิจ เพื่อนำความเป็นไทยแบบ Modern Classic Thainess ไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งสุดท้ายจะกลับมาตอบเป้าหมายการเป็นแบรนด์ไทยระดับสากลที่เป็นความภูมิใจของคนไทย” คุณรวิศกล่าวทิ้งท้าย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แว่นตาแห่งอนาคต ปรับโฟกัสอ่านใกล้-ไกล อัตโนมัติ ซ่อนเทคโนโลยีไว้ใต้กรอบแว่น ราคายังไม่เปิด แต่บริษัทเผยว่าแพง

IXI เปิดตัวแว่นอัจฉริยะที่ปรับโฟกัสตามดวงตาอัตโนมัติ ใส่สบาย น้ำหนักเบา ดีไซน์เหมือนแว่นปกติ แต่เทคโนโลยีล้ำสุด...

Responsive image

Suno ขึ้นแท่น 'ยูนิคอร์น' เต็มตัว หลังระดมทุนรอบล่าสุด ดันมูลค่าบริษัทแตะ 2.45 พันล้านดอลลาร์

Suno บริษัทสตาร์ทอัพด้านดนตรีที่ใช้เทคโนโลยี AI ประกาศระดมทุนรอบล่าสุดได้ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.45 พันล้านดอลลาร์...

Responsive image

ปฏิวัติวงการวัสดุศาสตร์! นักวิจัยสร้าง ‘Structural Color’ เปลี่ยนสีได้ดั่งใจ ไม่พึ่งสารเคมี

นักวิจัย University of Florida พัฒนาวัสดุอัจฉริยะเปลี่ยนสีได้ทันทีด้วย Vanadium Dioxide ไม่ง้อสีย้อมเคมี ใช้หลักการ Structural Color ประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ่งทอ แฟชั่น และชุดพรางตัวทห...