
ในยุคที่ AI ตอบคำถามหรือเขียนโค้ดได้ง่าย ๆ คำถามสำคัญที่โผล่ขึ้นมาในแวดวงการศึกษาคือ แล้วเราจะวัด “ความรู้จริง ๆ” ของนักศึกษาได้อย่างไร ?
ท่ามกลางความกังวลนี้ Jure Leskovec ศาสตราจารย์จาก Stanford ก็เจอทางออกที่น่าสนใจ แถมยังสวนกระแส นั่นคือการกลับไปใช้การสอบข้อเขียน แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือไอเดียนี้ไม่ได้มาจากตัวเขา แต่มาจากนักศึกษาที่อยากพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง
Leskovec เล่าว่าตั้งแต่การเปิดตัวของ Chat GPT มันสร้าง Existential Crisis หรือวิกฤชีวิตให้กับเหล่านักศึกษา หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับอนาคตของตัวเองว่า “ถ้า AI ทำวิจัยแทนเราได้ แล้วจะเหลืออะไรให้ทำ" และท่ามกลางการเกิดคำถามนี้เหล่านักศึกษาก็ได้เสนอไอเดียง่าย ๆ ว่าให้กลับไปใช้การสอบข้อเขียนแบบเดิม
ก่อนหน้านี้ในคลาสของ Leskovec จะใช้ข้อสอบแบบ take-home ที่นักศึกษาสามารถเปิดหนังสือและหาข้อมูลออนไลน์ได้ แต่พอมี AI เข้ามา ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าวิธีนี้วัดความรู้จริง ๆ ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่านักศึกษาทำเองหรือ AI เป็นคนช่วยme แม้ว่าการกลับไปใช้ข้อสอบแบบเขียนจะทำให้อาจารย์ต้องมานั่งตรวจเป็นร้อย ๆ ฉบับ แต่ทั้งอาจารย์และนักศึกษาก็เห็นตรงกันว่านี่คือวิธีที่ดีและยุติธรรมที่สุด
อะไรคือทักษะของมนุษย์ อะไรคือทักษะของ AI และเส้นแบ่งอยู่ตรงไหน?
Jure Leskovec เปรียบเทียบ AI ว่าไม่ต่างจาก "เครื่องคิดเลข" ในยุคก่อน คุณจะกังวลไหมถ้านักเรียนใช้เครื่องคิดเลขโกงข้อสอบ? ถ้าคุณอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลข ข้อสอบก็จะเป็นแบบหนึ่ง แต่ถ้าไม่อนุญาตข้อสอบก็จะเป็นอีกแบบ
เขามองว่า AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังแต่ก็ "ยังไม่สมบูรณ์แบบ" เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีใช้มัน ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของมนุษย์โดยปราศจากเครื่องมือได้ด้วย
และสิ่งที่เห็นในห้องเรียน ก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกการทำงาน เพราะข้อมูลจากตลาดแรงงานก็สะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้เหมือนกันเพราะฝั่งงานประจำตอนนี้ก็ยังคงเซาซบอยู่ แต่ฝั่งฟรีแลนซ์ โดยเฉพาะ งานที่เกี่ยวกับ AI กลับโตแรงขึ้นกว่า 40% ที่เด็ดกว่านั้นคือไม่ใช่แค่คนที่เขียนโค้ดหรือทำ AI เก่ง ๆ เท่านั้นที่เป็นที่ต้องการ แต่เป็น คนที่ทำงานร่วมกับ AI ได้ ก็กำลังเป็นที่ฮอตฮิตเช่นกัน
หนึ่งในสกิลที่มาแรงสุด ๆ คือการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะถึง AI จะเก่งยังไงก็ยังมีหลุดแต่งเรื่องเองอยู่เรื่อย ๆ เลยต้องมีคนจริง ๆ มาคอยเช็ก
Kelly Monahan ผู้บริหารจาก Upwork บอกว่า “มนุษย์กำลังกลับมาเป็นตัวละครสำคัญ” เพราะการตรวจงานจาก AI ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ ต้องมี ความรู้เฉพาะทางจริง ๆ ไม่งั้นก็มีสิทธิ์โดน AI หลอกง่าย ๆ
Jure Leskovec ชี้ให้เห็นถึงความน่ากังวลที่สุดในตอนนี้คือ “ช่องว่างทางทักษะ” (Skill Gap) โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดงาน เขาอธิบายว่า “นี่คือหัวใจของปัญหาคนรุ่นใหม่จะไปหาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากที่ไหน เพื่อที่จะทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
คำตอบของเขาคือ เราจำเป็นต้อง Re-skill และทบทวนหลักสูตรการศึกษาใหม่ ทั้งในมหาวิทยาลัยและในองค์กร เพราะหากไม่เริ่มลงทุนพัฒนาคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ต้น ก็ยากที่จะหวังพึ่งแรงงานอาวุโสที่มีทักษะสูงได้ตลอดไป
เมื่อถูกถามว่าตอนนี้เราปรับตัวเข้ากับยุค AI ไปถึงไหนแล้ว เขาตอบสั้นๆ ว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นมากๆ..เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการค้นหาทางออก”
ซึ่งบางครั้งทางออกก็อาจดูเหมือนเป็นการถอยหลัง เช่น การกลับไปใช้ข้อสอบกระดาษ แต่ Leskovec มองว่านั่นอาจเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เราได้ค้นพบว่า ท่ามกลางความฉลาดล้ำของ AI อะไรคือแก่นแท้ของ “ความรู้” และ “ปัญญา” ของมนุษย์ที่เทคโนโลยีไม่สามารถแทนที่ได้
อ้างอิง: fortune
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด