Starbucks ประกาศแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจสำหรับหน้าร้านทั่วสหรัฐอเมริกาหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤต covid-19 โดยตั้งเป้าปิดหน้าร้านกว่า 400 สาขาภายในช่วง 18 เดือนที่จะถึงและปรับให้หน้าร้านในหลายๆ แห่งเป็นแบบ pickup อย่างเดียว รวมถึงเพิ่มจำนวนร้านสำหรับ drive-thru ในพื้นที่นอกเมืองและตกแต่งร้านที่ขายดีให้มีเคาน์เตอร์สำหรับออเดอร์ที่สั่งผ่านมือถือ ให้ลูกค้าสามารถรับสินค้ากลับได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤต covid-19 Starbucks มีปริมาณออเดอร์ที่สั่งกลับบ้าน คิดเป็นกว่า 80% และมีลูกค้าจำนวนมากที่สั่งผ่านแอปของ Starbucks ทำให้บริษัทตั้งใจที่จะปรับโมเดลของหน้าร้านอยู่แล้วในช่วง 3-5 ปีนี้ แต่การเข้ามาของวิกฤตครั้งนี้ทำให้ต้องเลื่อนแผนให้เร็วขึ้น
Kevin Johnson CEO ของ Starbucks กล่าวในแถลงการณ์ว่า “จากการสำรวจสถานการณ์ในช่วงวิกฤต covid-19 เราได้ตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับเปลี่ยนหน้าร้านให้เร็วขึ้นเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยยังสามารถให้บริการอย่างปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า”
Starbucks เชื่อว่าการเพิ่มหน้าร้านสำหรับ pickup จะช่วยให้เกิดการสัมผัสน้อยและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค
ปัจจุบัน Starbucks ได้กลับมาเปิดทำการแล้วกว่า 95% ในอเมริกา แม้ยังมีหลายแห่งในนครนิวยอร์คที่ยังคงปิดอยู่ ขณะที่ในประเทศจีนได้กลับมาเปิดประมาณ 90% แล้ว โดยกว่า 70% เปิดให้ลูกค้านั่งได้ตามปกติ
CNBC รายงานว่า Starbucks อาจสูญเสียรายได้มากถึง 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงวิกฤต covid-19 จากการปิดร้าน โดยปัจจุบัน Starbucks มีหน้าร้านกว่า 32,000 สาขาทั่วโลก
อ้างอิง Today
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด