เผยอินไซต์ พร้อมแนวปฏิบัติพา SMEs สู่ ‘ธุรกิจยั่งยืน’ โดย UOB FinLab x Techsauce

ในวันที่ 6 สิงหาคม วันสุดท้ายของการจัดงาน Techsauce Global Summit 2025 เป็นวันที่ UOB FinLab หน่วยงานบ่มเพาะนวัตกรรมภายใต้กลุ่มธนาคารยูโอบี และ Techsauce ประกาศ Kick-off ‘Sustainability Innovation Programme (SIP) 2025’ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถนำแนวคิดความยั่งยืนไปปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่กำลังสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับแผนการตลาด หรือต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ในยุคนี้ ถึงเวลาที่จะต้องใส่เรื่อง ‘ความยั่งยืน’ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผน แต่หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เทคซอสชวนอ่านบทความเชิงสรุปด้านความยั่งยืนจาก 2 วงเสวนา ในหัวข้อ Sustainability Insights and Innovation Trends และ Driving Sustainable Business Practices ดังนี้

Sustainability Insights and Innovation Trends เจาะเทรนด์นวัตกรรมและอินไซต์ด้านความยั่งยืน 

UOB FinLab

วิทยากรที่มาร่วมพูดคุยบนเวทีในหัวข้อนี้ ได้แก่ คุณรัชดา อภิรมย์เดช ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ THINK NEXT ASIA (TrendWatching) คุณเชา วง ยวน (Chow Wong Yuen) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย โดยมี คุณชวิศา เฉิน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ WENDAYS เป็นผู้ดำเนินการเสวนา

คุณรัชดาจาก THINK NEXT ASIA เผยผลสำรวจแนวคิดที่มีอิทธิพลต่อความต้องการสินค้ายั่งยืนของผู้บริโภค 3 ด้าน ดังนี้

  • 61% ของผู้บริโภคเห็นว่า บริษัทพูดถึงความยั่งยืน แต่มีเพียง 20% เท่านั้นที่ดำเนินการเชิงรุก
  • 72% ของผู้บริโภคมีเป้าหมายในการใช้ของกรีนแต่มองว่าสินค้ากรีนนั้นแพง 
  • 41% ของผู้บริโภคคาดหวังเกี่ยวกับ AI ว่าจะมีบทบาทในด้านความยั่งยืนมากขึ้น 

THINK NEXT ASIA

นำมาสู่เทรนด์ที่ SMEs ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ 

  • เทรนด์ที่ 1 Proficient in Purpose จุดประสงค์ที่จะทำต้องชัด โปร่งใส จับต้องได้ | ผู้ประกอบการสามารถบูรณาการความยั่งยืนเข้าไปในธุรกิจ ไม่เน้นแค่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนในขั้นดำเนินการ อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มจากขั้นตอนเล็กๆ ที่เป็นรูปธรรมก่อน เพราะสามารถนำไปสู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ เช่น แบรนด์ PIPATCHARA ที่เปลี่ยนขยะพลาสติกสู่แฟชั่นระดับโลก และใส่ใจเรื่องความยั่งยืนในทุกขั้นตอนการผลิต 

  • เทรนด์ที่ 2 Environment - All ข้อนี้เกี่ยวข้องกับความเชื่อที่ว่า ผลิตภัณฑ์ยั่งยืนมักมีราคาสูง ธุรกิจจึงควรทำให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ยั่งยืนมีราคาที่เข้าถึงได้ และไม่แพงสำหรับผู้บริโภค สอดคล้องกับความพร้อมทางการเงินของผู้บริโภคโดยไม่ลดทอนคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องความคาดหวังของผู้บริโภคยังเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิด The Expectation Economy หรือ เศรษฐกิจแห่งความคาดหวัง ซึ่งแบรนด์ต้องแสดงความจริงใจ จัดการกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภค เช่น คาดหวังที่จะให้เทคโนโลยี เช่น AI เข้ามามีบทบาทในการแนะนำตัวเลือกเพื่อไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มให้เช่าเสื้อผ้าของ H&M ที่นำเสนอเสื้อผ้าทางเลือกเพื่อความยั่งยืนในราคาไม่แพงและเข้าถึงสะดวก

UOB FinLab

ด้านคุณเชา วง ยวน จาก ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงการเดินทางสู่ความยั่งยืนของธนาคารยูโอบี ว่าเริ่มต้นจากแรงกดดันภายนอก โดยเฉพาะจากนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแล ที่มักถามถึงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของธนาคารยูโอบี  จึงสำรวจวัตถุประสงค์ของบริษัทในมุมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เนื่องจากบทบาทหลักของธนาคารคือ การปกป้องและจัดสรรเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจภายใน แต่เมื่อมีแนวคิดเรื่องความยั่งยืน เข้ามา ธนาคารยูโอบี ก็มุ่งมั่นที่จะนำเรื่องการลงทุนไปสู่เป้าหมายที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคต โดยใช้คำว่า ‘สร้างอนาคตของเราเอง (Make Our Future)’ 

สำหรับประเทศไทย คุณเชา วง ยวนบอกว่า ต้องเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและเผชิญความท้าทายอีกมาก เพราะการลดคาร์บอนต้องย้อนไปมองตั้งแต่การผลิต ซึ่งการพลังงานในไทยยังคงพึ่งพาก๊าซสูง จึงเป็นเรื่องท้าทายเมื่อต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียน และสังเกตได้ว่า ธุรกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะ SMEs เน้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจพบข้อจำกัดในทางปฏิบัติอยู่บ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของธุรกิจแต่ละรายด้วย

ดังนั้น ธุรกิจต้องตระหนักและบริหารจัดการการใช้พลังงานภายในบริษัทให้ดี และจำเป็นต้องผนวกรวมความยั่งยืนเข้ากับทุกฟังก์ชัน เพื่อทำให้ความยั่งยืนเป็นพาร์ตสำคัญของการดำเนินงาน แทนที่จะเป็นเพียงโครงการแยกต่างหาก

คุณเชา วง ยวนยังชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคและลูกค้ามีความคาดหวังเพิ่มขึ้นในด้านความยั่งยืนจากธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องปรับแนวปฏิบัติเพื่อให้สอดรับกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องจัดการความซับซ้อนในเรื่องต้นทุนและลดอุปสรรคในการเข้าถึงด้วย

จากนั้นคุณเชา วง ยวนกล่าวถึง UOB Sustainability Compass หรือ เข็มทิศเป้าหมายความยั่งยืนของธนาคารยูโอบี เครื่องมือที่ธนาคารยูโอบีพัฒนาขึ้น ซึ่งมี 14 คำถามที่ช่วยให้ SMEs ประเมินธุรกิจตัวเอง รู้ว่าควรดำเนินการตามความพร้อมในระดับใด เพื่อระบุจุดเริ่มต้นและรู้ขั้นตอนต่อไปในการเดินทางสู่ความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น โดยประเด็นสำคัญของ Sustainability Compass คือ เน้นการดำเนินการในอนาคตและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต

ในตอนท้าย คุณเชา วง ยวนเสริมว่า แม้ผู้บริโภคจะเต็มใจซื้อสินค้ายั่งยืน แต่ก็ยังมีอุปสรรคสำคัญต่อการนำไปใช้ในวงกว้าง โดยยกตัวอย่าง โปรตีนทางเลือก ที่คนยังติดเรื่องรสชาติ ยานยนต์ไฟฟ้า ที่คนกังวลโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จและระยะทางที่วิ่งได้ ดังนั้น หากจะทำให้เกิดการใช้สินค้ายั่งยืนในวงกว้าง ทางเลือกที่ยั่งยืนจะต้องเทียบเท่ากับทางเลือกเดิม ทั้งในเรื่องราคา คุณภาพ และการเข้าถึง

Driving Sustainable Business Practices แนะแนวปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน


UOB FinLab

สำหรับวิทยากรที่มาร่วมใน Session นี้ ได้แก่ คุณสาธิต บุญโฉลก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย Product Management, Customer Experience and Digital ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย, คุณบัลลังก์ ว่องธวัชชัย ผู้อำนวยการอาวุโส, Head of Digital Engagement & Ecosystem Partnerships, ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย, คุณปราโมทย์ เดชะบุญศิริพานิช กรรมการผู้จัดการ PAÑPURI, คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Techsauce และ คุณชวิศา เฉิน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ WENDAYS รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเสวนา

ในหัวข้อ Driving Sustainable Business Practices แนะแนวปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน เป็นพาร์ตต่อเนื่องจากประเด็นก่อนหน้าที่ตอกย้ำว่า ‘ความยั่งยืน’ สำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาว และบริษัทที่มุ่งเน้นแต่การทำธุรกิจเพื่อผลกำไรอย่างเดียวจะอยู่ได้แต่ไม่ยืนยาว

ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเรื่องใด เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


Techsauce

คุณอรนุช จาก Techsauce กล่าวถึงความยั่งยืนในมุม 4P ได้แก่ Purpose (วัตถุประสงค์), People (ผู้คน/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย), Planet (โลก) และ Profit (กำไร) ว่าการทำธุรกิจไม่สามารถให้ความสำคัญแค่ P ตัวใดตัวหนึ่งได้ แต่หากเริ่มต้นที่ P-Purpose คือ มายด์เซ็ตที่คำนึงถึงความยั่งยืน แล้วบูรณาการความยั่งยืนลงในวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ หลังจากนั้นอีก 3P ก็จะตามมาสนับสนุนธุรกิจในระยะยาว

คุณปราโมทย์ จาก PAÑPURI บอกว่า คนรุ่นใหม่ทั้งเจน Z และ Millennial มีมายด์เซ็ตด้าน ESG และต้องการให้ภาคธุรกิจทำสิ่งที่ดียิ่งขึ้นให้แก่โลก ซึ่งถ้าผู้ประกอบธุรกิจไม่ทำอะไรที่แสดงถึงความยั่งยืนจริงๆ นั่นจะเกิดปัญหาตามมา เพราะผู้บริโภคจะมองหาสิ่งนี้เป็นอย่างแรก อย่างที่สอง สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในอนาคต ถ้าคุณไม่สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและให้ความยั่งยืนอยู่ในกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำแต่แคมเปญ CSR เช่น ปลูกป่าโกงกาง 500 ต้น แล้วนำภาพกิจกรรมไปลงในเว็บไซต์ คนก็จะไม่สนใจแล้ว ดังนั้น ถ้าจะทำให้คนสนใจต้องใส่ความยั่งยืนลงไปในแต่ละวัน เช่น ความยั่งยืนในกลยุทธ์ ความยั่งยืนในแผนการตลาด

มาที่ฝั่งธนาคาร คุณสาธิต จากธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงบทบาทในการให้กู้ยืมสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจว่า ถ้า SMEs ไม่ปรับตัวมาทำเรื่องความยั่งยืน อาจเจออุปสรรคหรือข้อจำกัดในการขอสินเชื่อจากธนาคารในอนาคต ดังจะเห็นได้จากธนาคารต่างๆ ออกโปรแกรมเพื่อช่วยธุรกิจทำกิจกรรมด้านความยั่งยืน ซึ่งถ้าไม่เริ่มตอนนี้ ต่อไปอาจพลาดโอกาสในการขอสินเชื่อก้อนที่ใหญ่ขึ้น

UOB FinLab

จากประเด็นลูกค้า คุณบังลังก์ จากธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ชวนมองอีกด้านหนึ่งโดยยกผลวิจัยของ Mckinsey ว่า บริษัทที่ดำเนินกิจกรรมด้านความยั่งยืนแล้วได้ผลคะแนนดี แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว แต่ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าบริษัทคิดแต่เรื่องอนาคต สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ดี แต่พนักงานด่านหน้าที่พบเจอปัญหาต้องคิดอยู่เสมอว่าจะเกิดอะไรต่อไป จะรับมืออย่างไร นั่นหมายความว่า คนในองค์กรนั้นอยู่ในโหมดเอาชีวิตรอด ไม่ใช่ความยั่งยืนที่แท้จริง ดังนั้น ความยั่งยืนจึงต้องสร้างขึ้นจากภายใน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรม แต่เป็นมายด์เซ็ตที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนในองค์กรก้าวไปด้วยกัน

ความหมายของ ‘การลงมือทำเพื่อความยั่งยืน’ ในบริบทของแต่ละอุตสาหกรรม

คุณอรนุชบอกว่า คือ การมั่นใจได้ว่าคุณสามารถสร้างสมดุลไปพร้อมๆ กัน ระหว่างธุรกิจที่มีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอกับธุรกิจที่สร้างขึ้นใหม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเป็น SMEs ต่างก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ปัญหาสังคมที่เราเผชิญอยู่ จึงโฟกัสไปยังธุรกิจที่ยังคงทำเงินได้ดี แต่เพื่อให้อยู่รอดในอีก 3 ปี 5 ปี ผู้ประกอบการต้องมองหาธุรกิจใหม่ (New S-Curve) ซึ่งก็คือพาร์ต Profit ที่จะทำให้คุณอยู่รอดได้ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณไม่สนใจ People กับ Planet ที่กล่าวถึงข้างต้น มันจะนำปัญหาใหญ่มาให้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการระดมทุนหรือขอสินเชื่อจากธนาคาร 

“กระโดดออกจากคอมฟอร์ตโซน อย่าโฟกัสแค่โมเดลธุรกิจที่ทำอยู่ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ SMEs ให้มองหาธุรกิจที่เป็น Blue Ocean น่านน้ำที่เป็นตลาดใหม่ คู่แข่งน้อย” 

สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คุณอรนุชสรุปว่า มี 3 เรื่องที่ต้องคำนึงถึงคือ 1) อะไรคือ Pain Point ที่แท้จริงของลูกค้า 2) ลูกค้าต้องการอะไร และ 3) คุณจะสร้างโมเดลธุรกิจอะไรให้จับต้องได้ ซึ่งต้องอินทิเกรตเข้ากับ People, Planet รวมถึง Technology ที่เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วย (Enabler) ให้ธุรกิจสเกลต่อได้ 

UOB FinLab

ฝั่งคุณปราโมทย์ พูดถึงการลงมือทำเพื่อความยั่งยืนในธุรกิจของตัวเองว่า เริ่มที่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ล่าสุดลดการใช้กระดาษลง 30% ส่วนแพ็กเกจจิงที่เป็นกล่องด้านนอกก็เลิกทำ นอกจากลดต้นทุนแล้วยังลดการสร้างขยะได้อีกด้วย

“สินค้าที่ไม่มีกล่องอาจไม่ดูพรีเมียม เราจึงต้องบาลานซ์ระหว่างความต้องการลูกค้า ต้นทุน และวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความยั่งยืน ไปสู่ Net Zero นี่เป็นเรื่องท้าทายของ SMEs มาก ซึ่งแตกต่างจากองค์กรใหญ่ๆ อย่างเรื่องต้นทุน ถ้ามันแพงขึ้นอีกหน่อย องค์กรอาจจะเดินหน้าทำต่อ SMEs อาจไม่สู้” 

คุณปราโมทย์ยกตัวอย่าง Clean Beauty ผลิตภัณฑ์ความงามและสกินแคร์ที่ดีต่อผู้ใช้และดีต่อโลกเพราะใช้ส่วนผสมที่ปลอดภัย ปราศจากสารอันตราย ซึ่งเป็นเทรนด์ที่อยู่มานับ 10 ปี ซึ่งเมื่อมีสารมากมายถูกแบน PAÑPURI ก็ Ban ชุดใหญ่ 

“เรา Ban ส่วนผสมมากกว่า 7,000 ชนิด ไม่ให้มีในสูตรของเรา เข้มกว่ามาตรฐาน FDA ประเทศอื่นๆ ในโลก ต้นทุนของเราจึงสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป เราทำเพราะมันดีต่อผู้บริโภค ดีต่อสิ่งแวดล้อม และดีต่อแบรนด์ ดังนั้น บางทีเราไม่จำเป็นต้องทำให้ต้นทุนดีที่สุด ถูกที่สุด แต่ทำกำไรได้ แล้วแบ่งมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนบ้าง เป็นการบาลานซ์ต้นทุน ความหรูหรา และความยั่งยืน ที่ผมคิดว่ายังไงลูกค้าก็ซื้อ”

UOB FinLabมาที่เส้นทางสู่ความยั่งยืน ธนาคารจะสามารถซัพพอร์ตได้อย่างไร คุณบัลลังก์กล่าวถึงเทรนด์ที่ SMEs และองค์กรต้องพาธุรกิจรอดว่า มี 4 ข้อ ข้อแรก สังคมสูงวัย ข้อสอง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ข้อสาม Digital Transformation และข้อสี่ ความยั่งยืน

“ที่ UOB FinLab เราโฟกัสที่ Digital Transformation และ Sustainability ซึ่งในด้าน Digital Transformation อาจนำ AI มาใช้เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน หรือถ้าเป็นฟาร์มสีเขียวแล้ว อาจนำ Smart Contract มาใช้ ออก NFT ให้ชาวนาใช้ซื้อสินค้ากรีนได้ และสุดท้ายที่เราให้ความสนใจคือ Measurement ถ้ามีเครื่องมือช่วยวัดผลไปสู่ความกรีน เช่น AI หรือนวัตกรรมอื่นๆ มาวัดผลกระทบจากการดำเนินงานในระยะยาว มันก็จะกรีนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ชาวนาอาจเข้าถึงสินเชื่อได้เร็วยิ่งขึ้น เป็นหลักวันหรือชั่วโมง ไม่ต้องรอเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนอีก เพราะมีแพลตฟอร์มที่ตรวจสอบและรับรองข้อมูลได้ คล้ายการประทับตรา Green Certification”

คุณสาธิตกล่าวต่อในด้านการช่วยลดอุปสรรคและสนับสนุนภาคธุรกิจให้สเกลได้ว่า  ธนาคารยูโอบี เริ่มจากหาโซลูชัน หาพาร์ตเนอร์มาช่วยอำนวยความสะดวก และผลิตภัณฑ์ทางการเงินราคาไม่สูงมาช่วยลูกค้า เพราะ SMEs มักกังวลไปว่า เส้นทางแห่งความยั่งยืนต้องจ่ายเงินพิเศษ ซึ่งอาจกระเทือนกระแสเงินสดของบริษัท 

“จริงๆ แล้วเรามีหลายเคสที่ก้าวสู่ความยั่งยืนแล้วทำให้กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เช่น ถ้าจ่ายบิลค่าไฟอยู่เดือนละแสน หากเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดไฟได้มากกว่า อาจช่วยลดบิลค่าไฟลง 50% หรือการที่ลูกค้ามาธนาคาร เราจะบอกลูกค้า ให้ความรู้ลูกค้าว่า คุณลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานโดยขอสินเชื่อผ่านธนาคาร จะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าที่ลงทุนไปในระยะยาว” 

คุณบัลลังก์เชื่อมเข้าสู่พาร์ตการลงมือทำจริง โดยบอกว่า SMEs ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า การทำธุรกิจให้ยั่งยืนควรเริ่มจากตรงไหน จะ Implement เข้ากับการดำเนินธุรกิจอย่างไร จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการเข้าไปใช้ UOB Sustainability Compass หรือ เข็มทิศเป้าหมายความยั่งยืนของธนาคารยูโอบี เพื่อประเมินว่าความพร้อมด้านความยั่งยืนของธุรกิจคุณอยู่ในระยะใด และเมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็ SMEs ก็สามารถสมัครเข้าร่วม Sustainability Innovation Programme (SIP) 2025 โครงการช่วย SMEs ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ซึ่งมี Techsauce ร่วมจัดทำโครงการนี้ด้วย 

“ยูโอบี เป็นธนาคารระดับภูมิภาค เราเริ่มต้นโครงการ SIP ภายใต้การดูแลของหน่วยงาน ยูโอบี ฟินแล็บ  โดยไม่ได้ให้เพียงคำแนะนำในการทำธุรกิจให้ยั่งยืน แต่ยังต้องการให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีโอกาสทำตลาดที่กว้างขึ้นในอนาคต เช่น ขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ยูโอบี ฟินแล็บ จะช่วยสร้างระบบนิเวศให้ SMEs อยู่รอดได้ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ช่วยในด้านสินเชื่อ ช่วยแนะโอกาสใหม่ๆ ที่เราเห็นให้ผู้ประกอบการได้ แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือ การทำเรื่องกรีน ทำวันเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยเวลา ความร่วมมือ และความสัมพันธ์ระยะยาว เพื่อให้บรรลุตามคำมั่นสัญญา (Commitment) ด้านความยั่งยืนที่ให้ไว้” คุณบัลลังก์กล่าว

UOB FinLab

และเนื่องจาก Techsauce จับมือกับ UOB FinLab ทำโครงการ Sustainability Innovation Programme (SIP) คุณอรนุชจึงเชิญชวนให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาสมัคร โดยเผย 4 ด้านที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้และลงมือทำจริง ดังนี้

  1. เวิร์กช็อปวิเคราะห์โมเดลธุรกิจ เนื่องจาก SMEs มักมองว่า ความยั่งยืนเป็น ‘ภาระ’ การจะเปลี่ยนสิ่งที่รับรู้นั้นเป็น ‘โอกาสทางธุรกิจ’ จึงต้องเริ่มจากหาจุดแข็งของโมเดลธุรกิจก่อน โดยให้ SMEs เข้าเวิร์กช็อปเพื่อวิเคราะห์ธุรกิจ แล้วหาทางปลูกฝังแนวคิดและอินทิเกรตความยั่งยืนเข้าไปในโมเดลธุรกิจ

  2. ทำงานแบบ Project-based ร่วมกับการลงมือทำในกิจกรรมต่างๆ โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนจะได้เรียนรู้เฟรมเวิร์กธุรกิจของตัวเอง แล้วนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาธุรกิจที่ทำอยู่

  3. มี Mentoring Service หรือบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัว (One-on-One) โดยข้อนี้สำคัญต่อการสเกลหรือเร่งการเติบโตทางธุรกิจและการสร้างคอนเน็กชัน

  4. เพิ่มชุดทักษะและชุดเครื่องมือ (Skillset & Toolset) ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการทุกคนที่เข้าร่วมโครงการนี้

UOB FinLab

หัวข้อเสวนาทั้งสองจึงกระตุ้นและตอกย้ำให้ผู้ประกอบการตระหนักรู้ว่า ความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น 'สิ่งจำเป็น' ที่ต้องการการลงมือทำจริง โดยทาง UOB FinLab กับ Techsauce พร้อมเป็นโค้ชที่ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจ SMEs เดินหน้าทำเรื่องความยั่งยืน ผ่านโครงการ Sustainability Innovation Programme 2025 นอกจากนั้น วงเสวนาดังกล่าวยังฝากข้อความถึง SMEs ไทยว่า 'ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วใคร?' และ 'ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่?'

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

วิจัยเผย 'การเล่นเกม' ช่วยลดอายุสมองได้ 4 ปี เพิ่มสมาธิ เรียนรู้เร็วขึ้น ชะลอความเสื่อมได้แค่เล่นให้ถูกวิธี

มีนักวิจัยหลายคนพบว่า เกมอาจไม่ใช่ผู้ร้ายอย่างที่คิดและในบางกรณียังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่า “ยิ่งเล่นเกมเยอะยิ่งดี” ผู้เชี่ยวชาญย้ำตรงกันว่าประโยชน...

Responsive image

รู้จักเทคโนโลยี ‘เกราะล่องหน’ ที่ช่วยป้องกันเครื่อง MRI และ อุปกรณ์แพทย์ จากคลื่นสนามแม่เหล็กทุกรูปทรง

นักวิจัย Leicester เผยคอนเซปต์ Magnetic Cloaking ใช้วัสดุตัวนำสร้างเกราะป้องกันสนามแม่เหล็กให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รองรับทุกรูปทรง เตรียมปฏิวัติวงการแพทย์...

Responsive image

ถอดบทเรียนการเงิน SMEs จาก Financial Clinic+ โดย Techsauce x ThinkMate Business Advisory เปลี่ยนตัวเลขหลังบ้าน ให้เป็นกลยุทธ์นำธุรกิจ

Techsauce ผนึกกำลังกับ ThinkMate Business Advisory ริเริ่มโครงการ Financial Clinic+ ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ช่วยปลดล็อกศักยภาพ SMEs ไทยผ่านความเข้าใจเรื่องบัญชีและการเงินท...