นายกฯ ชี้ Bitcoin มีความเสี่ยง สั่งกระทรวงการคลังให้ความรู้ประชาชน ระบุยังไม่มีกฎหมายรองรับ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตือนประชาชนอย่าไปลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ เพราะถือเป็นการพนัน
14 ธันวาคม 2560 - หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์รายงานข่าวในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม ครม. สั่งการให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลต่าง ๆ เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) ให้ถูกต้อง โดยควรชี้แจงและเน้นย้ำให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงข้อควรระวังและความเสี่ยงในการลงทุน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวกับโพสต์ทูเดย์ว่า
ขณะนี้มีการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนไปเล่นเก็งกำไรในบิตคอยน์เป็นจำนวนมาก หลังในต่างประเทศราคาสูงทำสถิติใหม่ ซึ่งแบงก์ชาติก็ทำได้แค่เตือนว่าหากประชาชนไปลงทุนและเกิดความเสียหายจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้หากถูกหลอกลวง เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย นำไปซื้อสินค้าในร้านค้าไม่ได้ และมูลค่าผันผวนรวดเร็ว กลายเป็นไม่มีค่าเมื่อไม่มีความต้องการ
15 ธันวาคม 2560 - นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) กล่าวภายหลังการเปิดงาน "Thailand Smart Money Bangkok 2017" ครั้งที่ 8 หลังจากนายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ โดยระบุว่าบิตคอยน์เป็นประเด็นที่ทั่วโลกยังให้ความสนใจ โดยเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่ราคามีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา บางช่วงเวลามีความผันผวนมากกว่า 10% แต่บางประเทศเริ่มให้ทดลองโดยเชื่อมต่อกับธนาคารกลางแล้ว
ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างศึกษาด้านประโยชน์และผลกระทบอยู่ แต่ปัจจุบันยังไม่มีระบบรองรับ
นายอภิศักดิ์กล่าวว่า
ขอเตือนประชาชนอย่าไปลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ เพราะถือเป็นลักษณะของการพนัน ในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการลงทุนประเภทดังกล่าว ขอให้เลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้าใจชัดเจน
นอกจากนี้นายอดิศักดิ์ยังมองว่าปัจจุบันภาคการเงินมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสอดรับยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันมีธุรกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งมองว่า Blockchain ควรสามารถปรับใช้ในเทคโนโลยีในธุรกิจอื่น ๆ ได้ด้วยไม่เพียงแต่รองรับการซื้อขายสกุลเงินบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency เช่น อาจนำมาปรับใช้เพื่อระบุตัวตนในระบบพร้อมเพย์ และสำหรับเป็นฐานข้อมูล
หากทำระบบ Blockchain ได้สำเร็จ อาจมีการนำระบบดังกล่าวนำไปใช้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ทำให้ในอนาคตเป็นไปได้ว่าการซื้อขายหุ้นอาจไม่มีตัวกลางหรือโบรกเกอร์อีกต่อไป
ข้อมูลจาก โพสต์ทูเดย์, อินโฟเควส, กรุงเทพธุรกิจ และประชาชาติธุรกิจ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด