หลังจาก คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขับเคลื่อนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ 'อว. for EV' ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดมีการเปิดตัวนโยบาย 'อว. for AI' ติดอาวุธให้คนไทยมีทักษะด้าน AI และใช้พัฒนาประเทศได้ผ่าน 3 แนวทางที่เรียกได้ว่าเป็น flagship ของประเทศ
คุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย 'อว. for AI' โดยมี คุณเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศ.ดร. บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. เข้าร่วม พร้อมมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชนชั้นนำของโลกร่วมแสดงผลงาน เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย อว. for AI ณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
รมต.ศุภมาสแถลงว่า กระทรวง อว. วิเคราะห์ปัญหาหลักด้าน AI ของประเทศไทยพบว่ามี 2 ปัญหาหลักคือ การขาดแคลนบุคลากร และ การประยุกต์ใช้ AI ยังมีน้อย ซึ่งกระทรวง อว. ได้หาทางแก้ปัญหา และเตรียมความพร้อมในการใช้ AI เพื่อพัฒนาประเทศ โดยสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) ซึ่งมี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
ด้านนโยบาย อว. for AI จะใช้ศักยภาพด้าน AI ของกระทรวง อว. เป็นจุดตั้งต้นสำคัญในการสร้างขีดความสามารถของประเทศบนฐานของ AI โดยในรายละเอียดของนโยบาย อว. for AI จะดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ได้แก่
ปัจจุบันมีทักษะหลายๆ ด้านที่คนไทยยังไม่สามารถพัฒนาให้เพียงพอ และมีคุณภาพตามความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว กระทรวง อว.จึงมีแนวคิดการนำ AI มาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการใช้เครื่องมือด้าน education tools ต่าง ๆ เป็นแนวทางที่จะเพิ่มจำนวนคนในทักษะที่จำเป็นได้ในเวลาอันสั้น
นอกจากนี้จะต่อยอดโดยการนำ AI มาทำหน้าที่เหมือนครูหรือโค้ช ช่วยให้คนไทยได้เรียนรู้นอกเวลาเรียน ในหัวข้อที่สนใจ เน้นการพัฒนาทักษะเสริมตามความต้องการส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ เช่น e-learning platform ที่รัฐบาลจีนสนับสนุนให้มีการใช้ AI ตอบสนองความต้องการการเรียนรู้เฉพาะคน และเสริมทักษะสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสามารถรองรับนักเรียนกว่า 200 ล้านคน ในประเทศไทยเรามี Thai MOOC (Thailand Massive Open Online Course) แพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิด ที่เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานให้กับคนไทย โดยสามารถเรียนออนไลน์ได้ฟรี และเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วย AI ที่สามารถพูด อ่าน เขียน มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Thai MOOC
โดยแพลตฟอร์ม ThaiMOOC มี AI ช่วยทำหน้าที่เหมือน Teacher Tutor หรือ Coach ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการสนทนา ถาม ตอบในเวลาเรียนแบบ interactive ในลักษณะการเรียนเฉพาะบุคคล (personalize) แบบตัวต่อตัวกับผู้เรียนทุกคน หรือ เลือกเรียนกับผู้สอนที่อยากเรียนด้วย เช่น ดารา หรือแม้กระทั่งเรียนกับ รมต. อว. ก็ได้ นอกจากนี้ AI ยังสามารถประเมินความรู้ ความสามารถของผู้เรียนผ่านระบบทดสอบ ออกแบบหลักสูตรหรือเนื้อหาการเรียนให้เหมาะกับระดับความรู้ ประเมินการเรียนรู้ในระหว่างเรียน ปรับระยะเวลา ความเร็วในการเรียนจนจบหลักสูตร ที่เราไม่ต้องเริ่มต้นที่ Level 1 สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา และเรียนพร้อมๆกันเป็นแสนคนก็ได้ วิธีการเรียนแบบนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในด้านการศึกษา
ทั้งนี้ AI Teacher จะทำให้เด็กทุกคนได้รับโอกาสเท่ากัน ทำให้เพิ่มโอกาสในการเข้าเรียนในคณะ หรือมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน เพิ่มโอกาสในการได้งานดีๆ ค่าตอบแทนสูงๆ นโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาของกระทรวง อว. ได้ตั้งเป้าหมายให้นิสิต นักศึกษาเข้าใจและสามารถใช้งาน AI ได้ตั้งแต่ ปี 2 โดยต้องรู้เท่าทัน AI (AI Literacy) มีทักษะความเข้าใจและสามารถนำ AI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ (AI Competency) รวมทั้งนิสิต นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยจะต้องมีจริยธรรมในการใช้ AI (AI Ethics)
"อยากขอความร่วมมือทุกๆ มหาวิทยาลัย สนับสนุนการปฏิรูปอุดมศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี AI โดยการปรับปรุง ออกแบบ หลักสูตรการเรียนการสอนให้นิสิต นักศึกษาได้เรียน AI ตั้งแต่ปี 1 เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือ (tool) หรือเป็นปัจจัยที่ 5 ของนิสิต นักศึกษา จบเป็นบัณฑิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน หรืออุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ดิฉันจะสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในมหาวิทยาลัย (AI Infrastructure) กระทรวง อว. จะใช้ AI ในการตอบโจทย์ทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ Lifelong Learning โดยในระยะแรก จะเน้นการสอนภาษาอังกฤษซึ่งจะเป็น flagship ที่สำคัญของกระทรวง อว. ต่อจากนั้นจะขยายผลนำไปใช้กับการเรียนนอกเวลาเรียนสำหรับผู้ที่จบการศึกษาไปแล้ว และต้องการ Reskill Upskill หรือ Newskill” คุณศุภมาสกล่าว
โดยภาครัฐจะเร่งดำเนินการเพื่อผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด AI โดยเร็ว ผ่านโครงการพัฒนากำลังคนด้าน AI ในทุกระดับ เช่น โครงการขับเคลื่อนการเข้าใจ AI ในระดับประถม มัธยม และอาชีวศึกษา โครงการพัฒนาศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ระดับนานาชาติ โครงการพัฒนากำลังคนด้าน AI สำหรับสถาบันการศึกษากลุ่ม AI degree โครงการ Super AI engineer โครงการ AI สำหรับบุคลากรภาครัฐ และ โครงการ Credit Bank โดยตั้งเป้าให้สามารถผลิตกำลังคนได้ใน 3 ระดับ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 3 หมื่นคนภายใน 3 ปี ได้แก่
ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ปัจจุบันมีการขาดแคลนคนทำงานด้าน AI กว่า 8 หมื่นคน แต่คน AI กว่าครึ่งไม่ได้ทำงานด้าน IT และธุรกิจยังมีความต้องการจ้างคนไปทำวิจัยพัฒนาในสัดส่วนที่สูงที่สุด (ร้อยละ 35)
เป็นการสนับสนุนการทำนวัตกรรมด้าน AI อย่างเต็มที่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทย จากผลการสำรวจความพร้อมในการใช้ AI ขององค์กร โดยเนคเทค สวทช. และเอ็ตด้า พบว่าหน่วยงานที่อยู่ระหว่างตัดสินใจใช้ AI ยังขาดความมั่นใจและแรงกระตุ้นที่จะลงทุนและใช้งานอยู่มากกว่าครึ่ง โดยมีสาเหตุมาจากประเทศไทยยังมีการใช้งานน้อย ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และงบประมาณ ทำให้ยังไม่เห็นถึงการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ในอีก 6 ปีข้างหน้า AI จะเติบโตขึ้นกว่า 18% ต่อปี ด้วยมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนล้านบาท แต่อุปสรรคที่สำคัญในขณะนี้คือ การนำมาใช้งานได้จริง และยังขาดการสนับสนุนเงินทุนที่เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวง อว. จะเร่งสนับสนุนการนำนวัตกรรม AI มาใช้ให้เกิดการใช้งานจริง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ผ่านกลไกสนับสนุนนวัตกรรมจากหน่วยงานภายใต้ กระทรวง อว. เช่น การสนับสนุนทุนจากกองทุน ววน. ต่อไป
ดิฉันขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่ AI กำลังมีบทบาทในการเปลี่ยนเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของเรา กระทรวง อว. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และพร้อมมุ่งมั่นให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง นโยบาย อว. for AI จะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการสร้างระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยไทยให้เป็น Education 6.0 ที่เป็นการเรียนรู้แบบ Immersive Education เป็นการศึกษาแบบไร้รอยต่อระหว่าง Offline และ Online โดยนำ AI และ เมตาเวิร์ส มาช่วยในการเรียนการสอน นำมหาวิทยาลัยเข้าสู่การเป็น AI University
"กระทรวง อว. มีหน่วยงานหลักที่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนนโยบายนี้คือ เนคเทค สวทช. ที่ถือว่าเป็นหัวหอกในการพัฒนา AI ของประเทศ และเป็นหน่วยงานเดียวในประเทศไทยที่มี Supercomputer ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนา AI และสวทช. ยังได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายบริษัท ที่พร้อมจะร่วมมือพัฒนา AI solutions ให้กับหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ด้วยความพร้อมเหล่านี้ กระทรวง อว. จะเป็นศูนย์กลางที่จะสามารถ short cut และเร่งพัฒนา solution ที่ตอบโจทย์ความต้องการให้ออกสู่ตลาดภายใน 1 ปี ดิฉันขอให้ทุกหน่วยงานของกระทรวง อว. มุ่งมั่นร่วมดำเนินการสนับสนุนนโยบาย อว. for AI อย่างจริงจัง เต็มความสามารถ เพื่อที่จะใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” คุณศุภมาสกล่าว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด