TDG Tech Horizon: Enterprise Edition เป็นงานเปิดโลกเทคโนโลยีเพื่อร่วมขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยี พร้อมสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ชัดเจน โดยนำเสนอโซลูชันครบวงจร ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยี AI, IoT, Cloud, Data, Cybersecurity, Blockchain และ Robotics
ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป (True Digital Group) เปิดตัวเทคโซลูชันยุค AI กันชัดๆ ในงาน 'TDG Tech Horizon: Enterprise Edition' โดยชูไฮไลต์ 'Digital Intelligence Fabric' โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทุกองค์กรจำเป็นต้องมี ซึ่งประกอบด้วย 8 องค์ประกอบหลัก ที่ผสานหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เป็นนวัตกรรมโซลูชันอัจฉริยะที่เชื่อมโยงได้ทุกระบบ ทุกกระบวนการทำงาน เข้ากับเทคโนโลยีและข้อมูลอย่างชาญฉลาด

รายงานอุตสาหกรรมชี้ว่า ปี 2568-2573 จะเป็นช่วงที่การลงทุนด้านดิจิทัลเติบโตสูง และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้ 'การบูรณาการเทคโนโลยี' กลายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกองค์กร
คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ปี 2569 จะเป็นปีสำคัญที่องค์กรไทยต้องเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลใหม่อย่างจริงจัง เพราะการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นเงื่อนไขของการแข่งขัน
เราจะเห็น 3 การเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน คือ การหลอมรวมเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน (Integration), การสร้างนวัตกรรมที่นำไปใช้ได้จริงในธุรกิจ (Innovation at Scale) และความเร็วในการส่งมอบผลลัพธ์ (Acceleration)

"เทคโนโลยีดิจิทัลจะเชื่อมโยงและหลอมรวมกันอย่างไร้รอยต่อมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมี AI เป็นกลจักรสำคัญ หากองค์กรยังไม่เริ่มวางรากฐานที่สามารถเชื่อมโยงต่อยอดเทคโนโลยีและระบบเข้าด้วยกัน อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เกิดความเสี่ยงในการเติบโตและลดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นแรงผลักสำคัญให้ทุกองค์กรต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ที่เชื่อมต่อได้แบบครบวงจร
"Digital Intelligence Fabric ก็จะเข้ามาช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยทำหน้าที่เชื่อมต่อทุกระบบเข้าด้วยกัน ลดความซับซ้อน เพิ่มความเร็ว และทำให้เทคโนโลยีสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจจริง เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคใหม่ที่จำเป็นสำหรับองค์กรธุรกิจทุกขนาด”
คุณเอกราชกล่าว และบอกเพิ่มว่า นวัตกรรมโซลูชันอัจฉริยะ Digital Intelligence Fabric จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจให้ก้าวผ่านทุกความท้าทายและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การตัดสินใจเชิงธุรกิจทำได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสร้างผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

Digital Intelligence Fabric เป็นองค์ประกอบของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ถักทอเชื่อมโยงตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน คือ การเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายทั้งโมบายล์และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ต่อยอดเชื่อมต่อไปจนถึงระดับซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน เพื่อเสริมพลังระบบต่างๆ ขององค์กรให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อน เพิ่มความแม่นยำ และทำให้การใช้เทคโนโลยีเกิดผลลัพธ์จริง ไม่ใช่แค่การทดลองเหมือนในอดีตที่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะจับต้องได้เป็นรูปธรรม โดย Digital Intelligence Fabric ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
คลาวด์อัจฉริยะพร้อมระบบความปลอดภัยในตัวตั้งแต่ต้นทาง (Cloud Embedded Security) ลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี ลดภาระด้านบุคลากรไอที ช่วยให้องค์กรสามารถใช้งานคลาวด์ได้อย่างมั่นใจและขยายระบบได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity)
เชื่อมทุกสิ่งรอบตัว ทั้งอุปกรณ์ เครื่องจักร และเซ็นเซอร์ต่างๆ เข้ากับโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ รวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ (Hardware) ภาคสนาม อาคาร ยานพาหนะ ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม การตรวจสอบ และการวิเคราะห์เชิงลึก
เปลี่ยนกล้องวงจรปิดเดิมให้ฉลาดขึ้นทันทีด้วย AI โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ ตรวจจับ วิเคราะห์ แจ้งเตือนความผิดปกติแบบเรียลไทม์ ทั้งด้านความปลอดภัย การปฏิบัติงาน และประสบการณ์ลูกค้า ช่วยลดต้นทุนขณะที่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เช่นที่ใช้ในโลตัส
แพลตฟอร์มบริหารอาคารและพลังงานเพื่อประหยัดต้นทุนและตอบโจทย์ความยั่งยืน (Sustainability) ควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง และการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบรายงานการปล่อยคาร์บอนครบวงจร รองรับเป้าหมาย ESG ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ เช่นที่ใช้ในโรงพยาบาล ช่วยคำนวณคาร์บอนได้ และใช้ได้ใตทุกองค์กร
ระบบจัดการขนส่งและซัพพลายเชนแบบอัจฉริยะ เพื่อความรวดเร็ว ปลอดภัย และคุ้มค่าสูงสุด เก็บข้อมูล Telemetric วิเคราะห์พฤติกรรมการขับ เลือกเส้นทางที่เหมาะสม ลดอุบัติเหตุ ลดค่าใช้จ่าย ใช้กับทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ วัดความเร็ว วัดระยะเบรก ทำให้คนขับขับดีขึ้น และบริหารส่วนอื่นๆ ในระบบซัพพลายเชน เช่น การต่อเชื่อมกับระบบคลังสินค้า (warehouse)
ดึงพลังจากข้อมูลทุกแหล่งเพื่อนำไปสร้างรายได้ ลดต้นทุน และเร่งการสร้าง AI ให้เร็วขึ้น รวมข้อมูลทั้งองค์กร ใช้งานง่ายแบบ No-code / Low-code ช่วยให้หน่วยธุรกิจสร้างแดชบอร์ด วิเคราะห์โมเดล AI และพัฒนาบริการใหม่ได้อย่างทันที รวมถึงการควบรวมข้อมูลจาก Telco ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ช่วยให้เข้าใจเทรนด์การใช้ชีวิต เห็นพฤติกรรมใหม่ๆ ของคนไทย
ระบบความปลอดภัยครบวงจรที่ช่วยปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามยุคใหม่ตลอด 24/7 บริหารจัดการความเสี่ยงเชิงรุก ปรับมาตรฐานความปลอดภัยรองรับการขยายระบบ ช่วยองค์กรลดภาระด้านเครื่องมือและบุคลากร พร้อมผลลัพธ์ด้าน Compliance รองรับการใช้งาน 14 ประเทศ
ยกระดับคนให้พร้อมเติบโตไปกับเทคโนโลยี เรียนรู้ ทดลองทำจริง และสร้างวัฒนธรรมดิจิทัลในองค์กร พัฒนาความรู้ด้าน Data / AI / Cyber / Cloud พร้อมวางโรดแมปการ upskill & reskill เพื่อให้บุคลากรพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ตลอดเวลา และมั่นใจได้ว่า ทุกคนไปต่อได้

“โครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกวันนี้เทคโนโลยีสามารถใช้ได้ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้นผ่าน Platform as a Service องค์กรจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่เหมือนในอดีต สามารถเริ่มต้นเล็ก ปรับขยาย หรือยกเลิกได้ตามความต้องการ ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจมีความยืดหยุ่นสูง มั่นใจว่า Digital Intelligence Fabric จะยกระดับองค์กร เชื่อมกระบวนการทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อการทำงานที่รวดเร็วขึ้น แก้ปัญหาได้ตรงจุด และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
คุณเอกราชให้ข้อมูลในตอนท้ายเพิ่มอีกว่า บริการ Digital Intelligence Fabric นี้ บริษัทต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีในทุกอุตสาหกรรม ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นเก็บตามโซลูชันที่ใช้งาน โดยเริ่มที่หลักร้อยและจ่ายรายเดือนแบบ Subscription
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด