UN เตือนเวลาเหลือน้อยกับเป้าหมาย Net Zero ปี 2050 ถ้าไม่แก้ให้ไวและแบบถอนรากถอนโคน | Techsauce

UN เตือนเวลาเหลือน้อยกับเป้าหมาย Net Zero ปี 2050 ถ้าไม่แก้ให้ไวและแบบถอนรากถอนโคน

รายงานล่าสุดจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุว่า รัฐบาลทั่วโลกต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะสั้นเพื่อลดจากก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงแบบถึงรากถึงโคน เพราะตอนนี้เวลาเหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว 

เป้าหมาย Net Zero ปี 2050 จะเป็นไปไม่ได้ ? 

ภายใต้ความตกลงปารีส ประเทศต่าง ๆ ได้วางเป้าหมายร่วมกันว่าจะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส (เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม) และมีการวางเป้าหมายที่สูงขึ้นตั้งไว้ควบคู่กันว่าจะพยายามควบคุมการเพิ่มของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสถ้าทำได้ 

อย่างไรก็ตามจากรายงานล่าสุดพบว่าเวลาที่จะทำเป้าหมายดังกล่าวให้สำเร็จกำลังลดลงไปอย่างรวดเร็ว และโลกอาจเข้าสู่จุดที่ไม่อาจหวนคืนได้ เนื่องจากยังคงมีการปล่อยมลพิษอยู่ทั่วโลก โดยปีที่แล้วเพิ่มขึ้นเกือบ 1%

และภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อเป้าหมายด้านสภาพอากาศ นั่นก็คือการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 75% ของมลพิษทางอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ นอกจากนั้นยังมีการตัดไม้ทำลายป่า การทำเกษตรแบบเร่งรัด 

ทางรอดเดียวคือต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน 

António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ ยืนยันผ่านแถลงการณ์ว่าเป้าหมายที่จะไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียสยังคงเป็นไปได้ แต่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนในทุกภาคส่วนเศรษฐกิจและสังคม

โดยเขาเรียกร้องให้มีการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและลงทุนในพลังงานหมุนเวียน นอกจากนั้นยังแนะนำให้ใช้เทคโนโลยีเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์คงไม่สามารถเลิกใช้พลังงานฟอสซิลได้อย่างเบ็ดเสร็จในเวลาอันสั้น วิธีที่มีประสิทธิภาพกว่าจึงเป็นการสร้างเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการมลพิษเหล่านั้นออกจากชั้นบรรยากาศ

ระเบิดเวลาด้านสภาพอากาศกำลังเดินไปเรื่อย ๆ

รายงานของ IPCC ในวันนี้เป็นคำแนะนำในการปลดมัน มันเป็นแนวทางเอาชีวิตรอดสำหรับมนุษยชาติ” António Guterres กล่าวในแถลงการณ์วันนี้ 

เขายังบอกว่าประเทศร่ำรวยต้องรับผิดชอบกับสัดส่วนการปล่อยมลพิษที่มากกว่าประเทศอื่น ๆ และจำเป็นต้องทำให้อยู่ในกรอบเวลาที่เร็วกว่ากลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมถึงต้องระดมทรัพยากรทางการเงินและทางเทคนิคเพื่อสนับสนุนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วย เพราะกลุ่มประเทศเปราะบางเหล่านั้นต้องรับผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมากที่สุด โดยที่พวกเขาไม่ได้ก่อ

ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีประชากรจำนวนมาก เศรษฐกิจขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมที่หลากหลาย จะมีการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สูงมาก ในทางกลับกันประเทศที่ยากจนนั้นมีการใช้พลังงานน้อยกว่าเป็นสิบเท่า 

https://ourworldindata.org/fossil-fuels


นอกจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานที่เป็นต้นกำเนิดหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างบริษัทน้ำมัน ก๊าซ ก็จำเป็นต้องมีส่วนในการแก้ไขนี้ด้วย รวมถึกลุ่มการขนส่ง การบิน เหล็ก ซีเมนต์ อลูมิเนียม เกษตรกรรม ซึ่งควรจะมีเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ทั้งแผนระยะยาวและระยะสั้นที่ชัดเจน 

อ้างอิง : CNN The Verge

RELATED ARTICLE

Responsive image

อินโดนีเซียพร้อมท้าไทย ชิงตำแหน่งงดีทรอยต์แห่งเอเชีย ในยุคที่รถ EV เป็นที่นิยม

อินโดนีเซียกำลังก้าวขึ้นมาเพื่อท้าชิงตำแหน่ง “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” จากไทย หลังทั่วโลกหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ก็มาจากความได้เปรียบในด้านทรัพยากรพลังงานของอินโดนีเซีย...

Responsive image

NIA เปิดลิสต์ 12 นวัตกรรมดีพเทคจากสตาร์ทอัพฝีมือดี เปลี่ยนวิถีชีวิตเกษตรกรไทยให้ทัน 6 เมกะเทรนด์

NIA เปิดลิสต์ 12 นวัตกรรมดีพเทคจากสตาร์ทอัพฝีมือดี เปลี่ยนวิถีชีวิตเกษตรกรไทยให้ทัน 6 เมกะเทรนด์ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การทำเก...

Responsive image

SCB 10X ผนึกกำลัง VISTEC ศึกษาและพัฒนา “WangChanGLM” โมเดล AI ภาษาไทยเพื่อคนไทยทุกคน

SCB 10X จับมือ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ศึกษาและพัฒนา WangChanGLM โมเดลภาษาที่เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยและสามารถรองรับภาษาอื่นๆ ได้ในรูปแบบ Generative AI และ Large Language Model...