Rapid Antigen Test หรือชุดตรวจโควิดด้วยตัวเอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพิ่งจะปลดล็อก หลังจากที่กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว โดยเริ่ม 12 กรกฎาคมนี้
Rapid Antigen Test เป็นชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ด้วยวิธีการเก็บตัวอย่างจากทางจมูกและน้ำลาย ทำได้ง่าย รู้ผลเร็ว โดยขณะนี้มีที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้วทั้งหมด 24 ยี่ห้อ ซึ่งทั้ง 24 ยี่ห้อ จะมีคุณภาพที่แตกต่างหลากหลาย
แต่สิ่งสำคัญคือ ชุดตรวจนี้ยังมี “ผลลวง” เกิดขึ้นได้ กล่าวคือ หากผลตรวจออกมาเป็นลบ ไม่ได้หมายความว่าไม่ติดเชื้อ แต่อาจมีเชื้อน้อย และไม่สามารถตรวจเจอได้ด้วยวิธีนี้ แต่หากตรวจแล้วผลเป็นบวก ก็อาจต้องยืนยันผลตรวจด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้ง
1. เลือกชุดตรวจที่ผ่านการประเมินและขึ้นทะเบียน อย. แล้ว
2. เก็บตัวอย่างโดยการแหย่จมูกถึงด้านหลังคอ, แหย่ผ่านช่องปากถึงคอหอย หรือจมูกอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของชุดตรวจ
3. การใช้ชุดตรวจนี้เป็นการใช้เพื่อตรวจอาการเบื้องต้นเท่านั้น ควรได้รับการตรวจยืนยันด้วย RT-PCR อีกครั้ง
4. ในส่วนของสถานที่รับตรวจ ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการให้ตรวจเองที่บ้าน โดยจะต้องเป็นสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนและได้รับการรับรองโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เท่านั้น ซึ่งมีอยู่กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากจะต้องนำผลตรวจเข้าสู่กระบวนการ RT-PCR เพื่อยืนยัน
5. ต้องเตรียมพร้อมระบบทางการแพทย์ เพราะเมื่อมีการตรวจมากขึ้น ก็จะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น และอาจควบคู่ไปกับ Home Isolation ด้วยการให้กักตัวอยู่ที่บ้านอย่างมีคุณภาพ หรือ Community Isolation ที่มีสถานที่ระบบดูแลไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ ป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะมีการประชุมเรื่องนี้อีกครั้ง โดยเบื้องต้น สิ่งสำคัญคือ ณ ขณะนี้ยังขายให้ประชาชนไม่ได้ เพราะยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งการใช้ชุดตรวจดังกล่าวจะต้องมีคู่มือแนะนำประชาชน เนื่องจากการตรวจด้วยวิธีนี้เป็นเพียงการทราบผลเบื้องต้น อันเหมาะสมกับเฉพาะผู้ที่มีเชื้อในปริมาณมาก โดยหากตรวจพบเชื้อก็จะต้องเข้าสู่ระบบรองรับที่กระทรวงจัดเตรียมไว้ต่อไป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด