หมอชนะ-ไทยชนะ เหมือนกันหรือไม่ ต่างกันอย่างไร | Techsauce

หมอชนะ-ไทยชนะ เหมือนกันหรือไม่ ต่างกันอย่างไร

นับว่าตั้งแต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้นเกิดขึ้น บุคคลากรแนวหน้า ทั้งบุคคลากรทางการแพทย์และบุคคลากรที่เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อมนั้นทำงานกันอย่างหนักในการป้องกันไม่ให้การติดเชื้อนั้นขยายวงกว้าง รวมถึงฝั่งประชาชนที่ช่วยเหลือปฎิบัติตามกฎต่างๆ อย่างเคร่งครัด จนตัวเลขผู้ติดเชื้อนั้นเหลือ 0 ในหลายๆ เดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีนั้นเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการช่วยเหลือบุคคลากรเหล่านี้ให้ทำงานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นและทำให้ประชาชนนั้นสามารถที่จะติดตามความเสี่ยงของตัวเองได้ง่าย เราอาจจะเห็นหลายๆ แอปพลิเคชั่นหรือแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ถูกพัฒนามาช่วยในเรื่องของ COVID-19 โดยเฉพาะ 

ซึ่ง ‘หมอชนะ’ และ ‘ไทยชนะ’ ก็เป็นอีกสองแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือให้ป้องกันการแพร่ระบาด หลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าทั้งสองแอปฯ นี้ใช่แอปฯ เดียวกันหรือไม่ มาดูกันว่าระหว่างแอปฯ หมอชนะและไทยชนะ นั้นเหมือนกันหรือไม่ และแตกต่างกันอย่างไร

รู้จักแอปฯ หมอชนะ-ไทยชนะ

เรียกได้ว่าแอปฯ หมอชนะนั้นเกิดขึ้นจากปัญหาที่ทางบุคลลาการทางการแพทย์นั้นได้พบเจอและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานอย่างมาก นั่นก็คือการที่ผู้ป่วยหรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนั้นปกปิดข้อมูลการเดินทาง ทำให้แพทย์และพยาบาลนั้นมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการติดเชื้อ ดังนั้นแอปพลิเคชัน หมอชนะ จึงเกิดมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งจะใช้ GPS และ Bluetooth เพื่อติดตามตำแหน่งของผู้ใช้แอปฯ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ได้เดินทางผ่านพื้นที่เสี่ยงมาหรือไม่ หากผู้ใช้ไปพื้นที่เสี่ยงมาทางแอปฯ ก็จะแจ้งเตือนค่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และถ้าหากผู้ใช้แอปฯ ไปเข้ารับบริการทางการแพทย์ ก็สามารถที่จะแสดงแอปฯ ให้แพทย์ได้ดู เพื่อที่พวกเขาจะสามารถประเมิน วิเคราะห์และสามารถที่จะจัดลำดับการรับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ในส่วนของแอปฯ ไทยชนะ หรือ www.ไทยชนะ.com นั้นเกิดขึ้นมาเพื่อติดตามความเสี่ยงจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการล็อกดาวน์ครั้งที่ผ่านมา โดยประชาชนสามารถที่จะแสกน QR Code เพื่อเช็กอินและเช็กเอาท์ตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปมา โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บและสามารถที่จะย้อนกลับไปตรวจสอบย้อนหลัง เมื่อพบเจอผู้ติดเชื้อ COVID-19 และสามารถที่จะแจ้งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงผ่าน SMS หรือทางโทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงนั้นสามารถที่จะเข้ารับการตรวจได้ทันที

หมอชนะ-ไทยชนะ ต่างกันอย่างไร

1. ระบบการติดตามข้อมูล

  • หมอชนะ: ระบบบอกพิกัดจาก GPS และ Bluetooth รวมถึงการเช็กอินตามสถานที่ต่างๆ ผ่าน QR Code หมอชนะ

  • ไทยชนะ: ระบบจะจัดเก็บข้อมูลผ่านการเช็กอินและเช็กเอาท์ตามสถานที่ต่างๆ ผ่าน QR Code ไทยชนะ

2. การลงทะเบียนใช้งานหมอชนะ-ไทยชนะ

  • หมอชนะ: การลงทะเบียนใช้งานในหมอชนะนั้นเป็นการลงทะเบียนใช้งานแบบไม่ระบุตัวตน (Anonymous) โดยทางแอปฯ จะไม่มีการขอข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลชื่อ บัตรประชาชนหรือโทรศัพท์ เพียงแค่ต้องการรูปถ่ายหน้าของผู้ใช้งานรูปเดียวในการเข้าใช้งานครั้งแรกเท่านั้น

  • ไทยชนะ: หากผู้ใช้ไม่มีแอปพลิเคชันไทยชนะก็สามารถที่จะสแกน QR Code เพื่อเช็กอินและเช็กเอาท์ได้เลยโดยแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น เช่นเดียวกันกับการใช้แอปฯ ไทยชนะ ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนผ่านเบอร์โทรศัพท์และรอ OTP คอนเฟิร์มการลงทะเบียนก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น

3. การใช้งานและการแจ้งเตือนความเสี่ยง

  • หมอชนะ: โดยเมื่อเริ่มใช้งานแอปฯ หมอชนะ จะต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนเป็นอย่างแรก เมื่อทำเสร็จแล้วระบบจะประเมินความเสี่ยงของผู้ใช้ออกมา โดยแบ่งออกเป็น 4 ค่าสี ซึ่งถ้าหากผู้ใช้มีประวัติเดินทางเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทางแอปฯ นั้นจะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้รู้ถึงค่าสีใหม่ที่ได้เปลี่ยนไป

    • สีเขียว สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ำมาก
    • สีเหลือง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงน้อย
    • สีส้ม สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยง
    • สีแดง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงมาก

  • ไทยชนะ: ผู้ใช้สามารถที่จะเช็กอินและเช็กเอาท์ผ่านการสแกน QR Code ได้ทันที หากใช้ผ่านแอปฯ ก็จะมีการแสดงผลการเดินทางอยู่บนหน้าแรก และถ้าหากผู้ใช้งานนั้นได้เดินทางไปพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ทางหน่วยงานก็จะแจ้งผู้ใช้งานไปผ่านทาง SMS และผ่านทางโทรศัพท์

4. ผู้พัฒนาแอปฯ

  • หมอชนะ: หมอชนะนั้นเกิดจากความร่วมมือของหลายๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน ซึ่งนำโดยกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระชื่อว่า  “Code for Public” และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้ชื่อ “กลุ่มช่วยกัน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการศึกษา เครือข่ายโรงพยาบาลและองค์กรสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรธุรกิจจำนวนมาก

  • ไทยชนะ: ไทยชนะของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) นั้นเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้กระทรวงสาธารณะสุข ที่ได้พัฒนาแอปฯ โดยธนาคารกรุงไทย

จากการเปรียบเทียบระหว่างหมอชนะและไทยชนะ เราอาจจะเห็นข้อแตกต่างระหว่างสองแอปฯ หลักๆ นั้นอยู่ที่การใช้งาน โดยหมอชนะนั้นจะติดตามพิกัดของผู้ใช้ผ่านทั้งทาง GPS, Bluetooth และการเช็กอินผ่านสถานที่ต่างๆ และระบบนั้นจะทำการเปลี่ยนสีค่าความเสี่ยงหากเราไปพื้นที่หรืออยู่ใกล้ผู้ที่ติดเชื้อ และจะแจ้งเตือนผ่าน Notification ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงนั้นได้ทราบ แต่สำหรับไทยชนะแล้ว ผู้ใช้นั้นจะต้องเช็กอินและเช็กเอาท์ตามสถานที่ต่างๆ และระบบจะจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ เมื่อพบผู้ติดเชื้อ ทางหน่วยงานนั้นย้อนกลับไปตรวจสอบและสามารถที่จะแจ้งเตือนผู้มีความเสี่ยงผ่าน SMS และผ่านโทรศัพท์

ต้องยอมรับว่าทั้งแอปฯ หมอชนะและไทยชนะนั้นได้เข้ามามีส่วนช่วยให้การจัดการควบคุมการระบาดของรัฐนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้นในการเช็กความเสี่ยง ตรวจสอบตนเอง และตื่นตัวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งในตอนนี้สถานการณ์การระบาดก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง ดังนั้น Techsauce ก็ขอสนับสนุนให้ทุกคนนั้นยังใช้แอปฯ เหล่านี้ในการป้องกันทั้งตนเองและผู้อื่น เพื่อที่เราทุกคนจะได้รู้ตัวได้ทันเวลาและสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที





ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สภาดิจิทัลฯ ผนึกกำลังรัฐบาล ตั้งเป้าดันไทยสู่ Digital Hub แห่งอาเซียนภายใน 3 ปี

ในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเร่งพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล ประเทศไทยก็ไม่ยอมนิ่งนอนใจ ล่าสุดสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (สภาดิจิทัลฯ) นำโดย ...

Responsive image

OpenAI ท้าชน Google เปิดตัว ChatGPT Search พลัง AI ใช้ง่าย แม่นยำ ทันสมัย พร้อมใช้งานวันนี้

OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ค้นหา ChatGPT Search ท้าชน Google ในตลาด Search Engine ด้วยความสามารถที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว แม่นยำและให้ข้อมูลที่ทันสมัย พร้อมให้ใช้งานจริงได้แล้ววันนี้!...

Responsive image

ทำไมสิงคโปร์ ถึงกลายเป็นที่ลงทุนด้าน Deep Tech จากทั่วโลก ?

แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่การลงทุนเกิดการชะลอตัว แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘สิงคโปร์’ ที่กำลังผงาดขึ้นอย่างเงียบๆ ในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “Deep Tech” ซึ่งเป็...