ทำไมถึงไม่มี Startups สายเลือดสิงคโปร์ที่แตะมูลค่าบริษัทถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ดูเหมือนว่าสิงคโปร์จะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับ Startups ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดีและการสนับสนุนของภาครัฐ ทำให้มี Startups หลายรายเลือกไปจดทะเบียนบริษัทในสิงคโปร์กันทั้งนั้น ยกตัวอย่าง Grabtaxi ซึ่งเป็น Startups สายเลือดมาเลเซียก็จดทะเบียนและมีฐานปฏิบัติการอยู่ในสิงคโปร์ พวกเขาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าแตะ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่มี Startups ที่เป็นสายเลือดสิงคโปร์แท้ๆประสบความสำเร็จและมีมูลค่าบริษัทถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐบ้าง

singapore-430643_640

ทำไมเราถึงยังไม่เห็นสิงคโปร์ Startups ยูนิคอร์น (บริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญขึ้นไป)

กว่าจะมาเป็น Startups ยูนิคอร์นได้มันต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้สิงคโปร์ถือว่ายังอยู่ในช่วงฟูมฟักเมื่อเทียบกับซิลิคอนแวลลีย์ที่พวกเขาพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 60 ปี พวเขามีระบบ ecosystem ที่แข็งแรง

ถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีตของซิลิคอนแวลลีย์ พวกเขามีการร่วมตัวของบุคลากรที่มากด้วยความสามารถเช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยดังของ Standford วิศวกรระดับเทพที่ต้องการจะเปลี่ยนโลกด้วยนวัตกรรมที่สร้างจากมือพวกเขา แต่สิงคโปร์ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาเริ่มต้นโดยการสร้างสรรค์สภาพแวดดล้อมธุรกิจที่เอื้ออำนวยแก่การลงทุนของ Startups ในขั้น seed funding จนทำให้สิงคโปร์เป็นจุดส่วนร่วมนักลงทุนมากมายในเอเชีย แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอกับการดัน Startups สายเลือดสิงคโปร์ให้เป็นยูนิคอร์นได้

การเติบโตของประเทศสิงคโปร์จะว่าไปแล้วมีทฤษฎีที่แตกต่างออกไปจากประเทศอื่นๆ ยกตัวอย่างกีฬา สิงคโปร์จะดึงเอานักกีฬาที่มีฝีมือจากนอกประเทศมาเล่นให้ในนามของพวกเขา เช่น นักกีฬาโอนสัญชาติจากจีนมาเป็นสิงคโปร์เป็นต้น พอนักกีฬาเหล่านี้ไปออกไปประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก ก่อให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจแก่นักกีฬาที่มีสายเลือดเป็นสิงคโปร์แท้ๆให้พัฒนาตามกันไป ทฤษฎีนี้เอามาเปรียบเทียบกับ Startups ในสิงคโปร์ได้เหมือนกัน มีนักลงทุนและ Startups มากมายที่เข้ามาประสบความสำเร็จบนแผ่นดินของสิงคโปร์มากมาย ฉะนั้น Startups ที่เป็นสายเลือดสิงคโปร์แท้ๆควรที่จะต้องพัฒนาตาม เพราะว่าการประสบความสำเร็จของ Startups สิงคโปร์จะส่งผลถึงการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

คำแนะนำจากเหล่า VC และ Angel ถึง Startups สิงคโปร์ของการเป็นยูนิคอร์นในอนาคต

Ho Kee "ฝันให้ไกลและพยายามไปให้ถึงมัน คำนึงถึงการไหลเวียนของเงินและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จาก ผู้คน ตลาดและเทคโนโลยี อัตราความเสี่ยงที่สูงส่วนมากจะตกไปอยู่ที่ผู้คนซะมากกว่า เราต้องมีทีมที่พร้อมเพื่อรับมือกับมัน"

Kuo-Yi "ทำความรู้จักกับคนอื่นๆในภูมิภาคให้ได้เยอะๆ รับฟังคนอื่นและเรียนรู้ถึงสิ่งใหม่ๆ"

Benjamin "ถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการอะไร ชื่อเสียง เงินทองหรือทำไปเพราะต้องการความโก้ ถ้าคำตอบคืออะไรพวกนี้แสดงว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะทำ Startups คุณต้องเสียสละความสุขที่มีในตอนนี้และมี execution ที่ดี นั้นแหละจะเป็นตัวบ่งชี้ระหว่างประสบความสำเร็จและล้มเหลว"

Virginia "เดินตามความฝันไม่ใช่ความสำเร็จ พอเราเดินตามความฝันและรู้แล้วว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนของเราจริงๆ จากนั้นแหละความสำเร็จจะวิ่งเข้ามาหาเรา จะว่าไปความสำเร็จที่แท้จริงอาจจะไม่ได้มาในรูปแบบของเงินตรา บางทีการที่เราได้ทำในสิ่งที่ชอบและเปลี่ยนแปลงโลกนี้ด้วยนวัตกรรมที่เราสร้างมากับมือ นั้นแหละคือการประสบความสำเร็จที่แท้จริง"

ที่มา: Tech in Asia

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แว่นตาแห่งอนาคต ปรับโฟกัสอ่านใกล้-ไกล อัตโนมัติ ซ่อนเทคโนโลยีไว้ใต้กรอบแว่น ราคายังไม่เปิด แต่บริษัทเผยว่าแพง

IXI เปิดตัวแว่นอัจฉริยะที่ปรับโฟกัสตามดวงตาอัตโนมัติ ใส่สบาย น้ำหนักเบา ดีไซน์เหมือนแว่นปกติ แต่เทคโนโลยีล้ำสุด...

Responsive image

Suno ขึ้นแท่น 'ยูนิคอร์น' เต็มตัว หลังระดมทุนรอบล่าสุด ดันมูลค่าบริษัทแตะ 2.45 พันล้านดอลลาร์

Suno บริษัทสตาร์ทอัพด้านดนตรีที่ใช้เทคโนโลยี AI ประกาศระดมทุนรอบล่าสุดได้ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.45 พันล้านดอลลาร์...

Responsive image

ปฏิวัติวงการวัสดุศาสตร์! นักวิจัยสร้าง ‘Structural Color’ เปลี่ยนสีได้ดั่งใจ ไม่พึ่งสารเคมี

นักวิจัย University of Florida พัฒนาวัสดุอัจฉริยะเปลี่ยนสีได้ทันทีด้วย Vanadium Dioxide ไม่ง้อสีย้อมเคมี ใช้หลักการ Structural Color ประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ่งทอ แฟชั่น และชุดพรางตัวทห...