นักวิชา มธ. เผย 3 มาตรการระดับชาติ ท้องถิ่น ชุมชน ที่ทำให้จีนฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ได้เร็ว | Techsauce

นักวิชา มธ. เผย 3 มาตรการระดับชาติ ท้องถิ่น ชุมชน ที่ทำให้จีนฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ได้เร็ว

นักวิชาการจีนศึกษา วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ (PBIC) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยจีนใช้เน้นความเข้มงวดและความรวดเร็วในการแก้ไขวิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายภายในประเทศรับสิทธิรับเงินคืนเมื่อใช้ผ่านโมบายเพย์ มอบสิทธิพิเศษด้านภาษีและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหวังช่วยฟื้นฟูภาคเอกชน พร้อมแนะประเทศไทยควรนำหลักการดังกล่าวมาปรับประยุกต์ใช้ เน้นไปที่ความรวดเร็วและเด็ดขาดในการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

ดร.เกียรติศักดิ์ ฟงปรีชากุล หัวหน้าหลักสูตรจีนศึกษา วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มธ. (พีบีไอซี) กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ประเทศจีนสามารถฟื้นตัวจากจากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้นั้น มาจากระบบการปกครองของประเทศจีนที่รัฐบาลกลางมีอำนาจสูงสุดในการที่จะสั่งการได้อย่างเด็ดขาด และรวดเร็วในการออกมาตรการและนโยบายในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ประกอบกับข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษขั้นรุนแรงในกรณีที่หากประชาชนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งจะเห็นได้จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมานั้น จะมีการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับมณฑล และระดับพื้นที่ เช่น มีการควบคุมการเข้า-ออกในแต่ละชุมชนอย่างเข้มงวด ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีการประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 10 ล้านคน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่ได้ผลภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชากรของจีนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด 

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังมีความรวดเร็วในการสั่งการเพื่อระดมบุคคลากรที่มีความรู้และความสามารถ รวมถึงการรวบรวมเวชภัณฑ์และเครื่องมือต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำมารักษาผู้ติดเชื้อไวรัส เช่นการระดมบุคลากรทางการแพทย์กว่า 10,000 คนให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในเมืองอู่ฮั่นภายในเวลา 1 สัปดาห์ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

“ด้านนโยบายการเติบโตทางเศรษฐกิจ จีนจะยังคงอัตราการเติบโตอย่างมั่นคง เนื่องจากจีนมีความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับระยะเวลาในการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในจีนสามารถควบคุมได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ยังรวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ โดยเฉพาะการคืนเงินให้กับผู้ที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยผ่านทางโมบายเพย์ อาทิ อาลิเพย์ และวีแชทเพย์ ฯลฯ โดยไม่จำกัดวงเงินต่อหัว แต่จะเป็นการตั้งงบก้อนโตเอาไว้ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการสนับสนุนภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี หรือให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งนับว่าเป็นมาตรการที่สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศได้เป็นอย่างดี” ดร.เกียรติศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ การที่จีนส่งทีมแพทย์พร้อมเวชภัณฑ์เข้าไปช่วยเหลือในประเทศต่างๆ ที่เกิดการแพร่ระบาด อาทิ อิตาลี อิหร่าน ประเทศในกลุ่มแอฟริกา และประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย ทำให้จีนสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการพัฒนาด้านการแพทย์ โดยเฉพาะในเรื่องของวัคซีนรักษาไวรัส COVID-19 หรือ “แคร์รีมัยซิน” ที่อยู่ระหว่างการวิจัยในขณะนี้ รวมถึงยารักษาโรคต่างๆ โดยอาศัยคำ หรือ วลี ที่ว่า “ชุมชนแห่งชะตากรรมร่วมกันของมวลมนุษยชน” ซึ่งมีความหมายว่า ไม่ว่าจะมีวิกฤตอะไรเกิดขึ้น ทุกประเทศทั่วโลกล้วนเกี่ยวข้องกัน ต้องช่วยเหลือกัน ทิ้งกันไม่ได้ เพื่อให้ชาวโลกได้เห็นว่าจีนเป็นมิตรกับทุกๆ ประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและทางด้านการแพทย์ ฯลฯ

ดร.เกียรติศักดิ์ ยังวิเคราะห์ถึงเศรษฐกิจของจีนหลังจากผ่านวิกฤตไวรัส COVID-19 ว่า จีนจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับ

แบรนด์สินค้าของตัวเอง เพราะที่ผ่านมามีกระแสว่าสินค้าที่ถูกส่งมาจากจีนยังมีเชื้อไวรัส COVID-19 ติดมากับสินค้า ซึ่งจีนจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับประเทศคู่ค้าเป็นการเร่งด่วน ควบคู่กับกระตุ้นภาคการส่งออกของจีน และปรับลดค่าเงินหยวน เพื่อเพิ่มเสถียรภาพทางด้านการค้า พร้อมทั้งส่งเสริมและรณรงค์ให้ประชากรเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ และหันมาใช้จ่ายภายในประเทศให้มากขึ้นในระยะแรก รวมถึงสนับสนุนภาคการลงทุนต่างๆ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ กับนักลงทุนชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษีเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ จีนจะถือโอกาสนี้แสดงสปิริตของความเป็นประเทศมหาอำนาจในการช่วยเหลือประเทศต่างๆ ที่ผ่านพ้นวิกฤตจากไวรัส COVID-19 ด้วยการซื้อสินค้า หรือเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของโลก เพื่อให้สอดคล้องกับวลีที่จีนกล่าว คือทุกประเทศล้วนเป็น “ชุมชนแห่งชะตากรรมร่วมกัน”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประเทศไทยสามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตลอดจนการรับมือกับวิกฤตโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คือ ความเด็ดขาดและความรวดเร็วในเรื่องของการออกมาตรการและนโยบายต่างๆ ในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในเรื่องของคำสั่งการจะต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ การประสานงานจะต้องไม่เกิดความสับสน หรือควรมีศูนย์รวมอำนาจในการสั่งการ และที่สำคัญประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่งของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ดร.เกียรติศักดิ์ กล่าวสรุป

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

กรุงศรีตั้ง ปาลิดา อธิศพงศ์ นั่งรักษาการกรรมการผู้จัดการของ Krungsri Finnovate เดินหน้าสตาร์ทอัปไทย

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศแต่งตั้ง นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ Krungsri Finnovate...

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...