ผลการทดลองระยะ 3 วัคซีน AstraZeneca ป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงและเสียชีวิตจาก COVID-19 ได้ 100% | Techsauce

ผลการทดลองระยะ 3 วัคซีน AstraZeneca ป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงและเสียชีวิตจาก COVID-19 ได้ 100%

ผลการทดลองทางคลินิกระยะสามยืนยันวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca  สามารถป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงและการเสียชีวิตจาก COVID-19 ได้ 100% โดยวัคซีนจะยิ่งมีประสิทธิผลสูงขึ้นเมื่อยืดระยะเวลาระหว่างการฉีดโดสแรกและโดสที่สองให้นานขึ้น สามารถป้องกันโรคโควิด-19ได้มากกว่า 70% ตั้งแต่ 22 วันหลังจากฉีดวัคซีนโดสแรก ซึ่งผลบ่งชี้เบื้องต้นพบว่า สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อได้ถึง 67%

บทความฉบับก่อนเผยแพร่วารสารการแพทย์ เดอะ แลนเซต (Preprints with The Lancet) รายงานผลวิเคราะห์เบื้องต้นการทดลองคลินิกระยะที่สามจากกลุ่มวิจัยในสหราชอาณาจักร บราซิลและแอฟริกาใต้ ยืนยันวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ AstraZeneca ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค COVID-19 โดยไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจาก 22 วันหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก

ผลการวิเคราะห์ระบุหลังจากได้รับโดสแรก วัคซีนปรากฏประสิทธิผลเฉลี่ย 76% (ดัชนีค่าประสิทธิผลอยู่ระหว่าง 59% ถึง 86%) และมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ยาวนานจนถึงการฉีดวัคซีนโดสที่สอง โดยวัคซีนจะมีประสิทธิผลสูงถึง 82% (ดัชนีค่าประสิทธิผลอยู่ระหว่าง63% ถึง 92%) เมื่อเว้นระยะเวลาระหว่างการฉีดวัคซีนโดสแรกและโดสที่สองเป็นเวลา 12 สัปดาห์ขึ้นไป

ผลวิเคราะห์จากการตรวจหาผู้ติดเชื้อในกลุ่มอาสาสมัครที่เข้าร่วมทดลองในอังกฤษ ยังได้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนสามารถลดการติดเชื้อไวรัสที่ไม่แสดงอาการได้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหลังจากได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว อัตราตรวจพบการติดเชื้อ (ตามเทคนิค PCR) ลดลง 67% (ค่าดัชนีระหว่าง 49% ถึง 78%) และภายหลังได้รับวัคซีนครบสองโดสอัตราตรวจพบการติดเชื้อลดลงเหลือ 50% (ค่าดัชนีระหว่าง 38% ถึง 59%) ตอกย้ำว่าวัคซีนมีผลในการลดการแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างมาก

ข้อมูลการวิเคราะห์การทดลองคลินิกระยะที่สามโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนก้า มาจากการศึกษาจากกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 17,177 ราย โดย 332 รายจากจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ร่วมกลุ่มการวิจัยระยะสามในสหราชอาณาจักร (กลุ่ม COV002) บราซิล  (กลุ่ม COV003) และแอฟริกาใต้ (กลุ่ม COV003)นับเป็นจำนวนผู้ป่วยซึ่งเพิ่มขึ้นจากรายงานครั้งก่อน 201 ราย

เซอร์ เมเน่ แพนกาลอส รองประธานบริหารวิจัยและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ กล่าวว่า “ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นยืนยันว่าวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการติดเชื้ออย่างรุนแรงและช่วยลดอัตราผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นอกจากนี้การยืดระยะเวลาระหว่างการให้วัคซีนโดสแรกและโดสที่สองไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีนเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มให้ประชาชนอีกส่วนหนึ่งสามารถได้รับวัคซีนอีกด้วย อีกทั้งผลวิเคราะห์ล่าสุดยังระบุว่าวัคซีนสามารถลดการแพร่เชื้อเราจึงเชื่อว่าวัคซีนนี้จะมีผลสกัดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้อย่างแท้จริง”

ศาสตราจารย์ แอนดรูว์ โพลลาร์ด หัวหน้าผู้ตรวจสอบการวิจัยวัคซีนออกซ์ฟอร์ดและผู้ร่วมเขียนรายงานวิจัยกล่าวว่า “ผลการวิเคราะห์ชุดใหม่ช่วยยืนยันผลการทดลองขั้นต้นที่รายงานไปก่อนหน้านี้และยังช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลการอนุมัติใช้วัคซีน อาทิ สำนักงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (MHRA) ในสหราชอาณาจักรและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆทั่วโลกสามารถอนุมัติการใช้วัคซีนในภาวะฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังสนับสนุนข้อเสนอด้านนโยบายการให้วัคซีนโดยคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI)ที่เสนอให้ระยะเวลาระหว่างการให้วัคซีนโดสแรกและโดสที่สองห่างกัน 12 สัปดาห์ ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวเห็นพ้องว่าเป็นรูปแบบการให้วัคซีนที่เหมาะสมที่สุดและสามารถป้องกันโรค COVID-19 ได้ตั้งแต่ 22 วันหลังการฉีดวัคซีนโดสแรก”

การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมแก่หน่วยงานกำกับดูทั่วโลกจะยังคงดำเนินขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อประกอบการพิจารณาการอนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนในภาวะฉุกเฉินหรือการรับรองอย่างมีเงื่อนไขในช่วงเกิดวิกฤตการระบาด แอสตร้าเซนเนก้ายังรอการพิจารณาจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ขึ้นทะเบียนวัคซีนสำหรับการใช้ฉุกเฉินเพื่อเร่งกระบวนการจัดส่งวัคซีนไปยังประเทศที่มีรายได้ต่ำ

วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถเก็บและจัดส่งที่อุณหภูมิเครื่องแช่เย็นทั่วไปที่มีใช้อยู่แล้วในระบบสาธารณสุข (อุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียส)ได้นานอย่างน้อย 6 เดือนบรรจุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีอยู่แอสตร้าเซนเนก้ายังคงทำงานร่วมกับภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศและหน่วยงานต่างๆทั่วโลกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สนับสนุนให้ประชาชนจำนวนมากในประเทศต่างๆ

สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมกันในราคาต้นทุนและไม่แสวงหาผลกำไรในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19

COV002

การศึกษากลุ่ม COV002 จากการวิจัยในระยะที่สองและสามในกลุ่มควบคุมแบบสุ่มอำพรางฝ่ายเดียวจากหลายๆ ศูนย์วิจัยเพื่อประเมินวัคซีน AZD1222 ในด้านความปลอดภัยประสิทธิผลและความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีจำนวนอาสาสมัคร 12,390 รายในสหราชอาณาจักรซึ่งมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ประกอบด้วยผู้มีสุขภาพแข็งแรงและอาสาสมัครที่โรคประจำตัวซึ่งยังควบคุมอาการได้ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัส SARS-C0V-2 มากกว่าบุคคลทั่วไป กลุ่มอาสาสมัครสุ่มรับวัคซีน AZD1222 หนึ่งหรือสองโดสจากการฉีดเข้ากล้ามเนื้อซึ่งมีปริมาณอนุภาคไวรัสเทียบเท่ากับครึ่งโดส (มีจำนวนอนุภาคไวรัสที่ ~2.5 x1010) หรือ เต็มโดส(มีจำนวนไวรัสที่ ~5x1010 ) เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น MenACWY มีการนำตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครไปตรวจในช่วงเวลาต่างๆ เป็นเวลา 1 ปีหลังการฉีดวัคซีนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการสร้างภูมิคุ้มกัน อาสาสมัครที่แสดงอาการใกล้เคียงกับการติดเชื้อจะต้องตรวจยืนยันการติดเชื้อ COVID-19 ด้วยเทคนิค PCR นอกจากนั้นยังมีการเก็บเชื้อในโพรงจมูกไปตรวจสอบทุกอาทิตย์เพื่อตรวจการติดเชื้อและเก็บข้อมูลด้านประสิทธิผลของวัคซีน

COV003

การศึกษากลุ่ม COV003 จากการวิจัยในระยะที่สองและสามในกลุ่มควบคุมแบบสุ่มอำพรางฝ่ายเดียวจากหลายๆ ศูนย์วิจัยเพื่อประเมินวัคซีน AZD1222 ในด้านความปลอดภัย ประสิทธิผลและความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีจำนวนอาสาสมัคร 10,300 รายในประเทศบราซิลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ประกอบด้วยผู้มีสุขภาพแข็งแรงและอาสาสมัครที่โรคประจำตัวซึ่งยังควบคุมอาการได้ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัส SARS-C0V-2 มากกว่าบุคคลทั่วไป กลุ่มอาสาสมัครสุ่มรับวัคซีน AZD1222 ด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อจำนวนเต็มโดส (มีปริมาณอนุภาคไวรัสที่ ~5x1010)  2 ครั้ง เปรียบเทียบกับกลุ่มที่สุ่มรับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น MenACWY ในโดสแรกและฉีดน้ำเกลือซาลีนหลอกในโดสที่สอง มีการนำตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครไปตรวจในช่วงเวลาต่างๆ เป็นเวลา 1 ปีหลังการฉีดวัคซีนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการสร้างภูมิคุ้มกัน อาสาสมัครที่แสดงอาการใกล้เคียงกับการติดเชื้อจะต้องตรวจยืนยันการติดเชื้อ COVID-19 ด้วยเทคนิค CPR นอกจากนั้นยังมีการเก็บเชื้อในโพรงจมูกไปตรวจสอบทุกอาทิตย์เพื่อตรวจการติดเชื้อและเก็บข้อมูลด้านประสิทธิผลของวัคซีน

COV005

การศึกษากลุ่ม COV005 จากการวิจัยในระยะที่สองและสามในกลุ่มควบคุมแบบสุ่มอำพรางจากหลายๆ ศูนย์วิจัยเพื่อประเมินวัคซีน AZD1222 ในด้านความปลอดภัย ประสิทธิผลและความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีจำนวนอาสาสมัครจำนวน 2,070 รายในประเทศแอฟริกาใต้ที่มีอายุ 18-65 ปีประกอบด้วยอาสาสมัครที่มีและไม่มีเชื้อเอชไอวี สุ่มรับวัคซีน AZD1222 ด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 โดส ซึ่งมีปริมาณอนุภาคไวรัส 5 - 7.5 x1010 หรือฉีดยาหลอก มีการนำตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครไปตรวจในช่วงเวลาต่างๆ เป็นเวลา 1 ปีหลังการฉีดวัคซีนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและการสร้างภูมิคุ้มกัน มีการตรวจอาสาสมัครเพื่อยืนยันการติดเชื้อ COVID-19 ด้วยเทคนิค PCR เป็นระยะเวลา 1 ปีหลังจากได้รับวัคซีนวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือ เดิมเรียก AZD1222วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าคิดค้นและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและบริษัท วัคซีเทค ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดวัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรมที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซีที่ถูกทำให้อ่อนแรงลงและไม่สามารถแบ่งตัวได้ โดยหลังจากฉีดวัคซีนเซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนองโดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในกรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง

นอกเหนือจากการวิจัยซึ่งนำโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแล้ว แอสตร้าเซนเนก้ายังได้ทำศึกษาจากกลุ่มการวิจัยขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกอีกด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนก้าตั้งเป้าจำนวนอาสาสมัครจากทั่วโลกเข้าร่วมการวิจัยมากกว่า 60,000 รายจากทั่วโลกวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในประเทศต่างๆ เกือบ 50 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุม 4 ทวีป รวมถึงกลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มละตินอเมริกา อินเดีย โมร็อคโคและสหราชอาณาจักร



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

กรุงศรีตั้ง ปาลิดา อธิศพงศ์ นั่งรักษาการกรรมการผู้จัดการของ Krungsri Finnovate เดินหน้าสตาร์ทอัปไทย

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศแต่งตั้ง นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ Krungsri Finnovate...

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...