Dassault Systemes เผย 5 แนวโน้มเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการผลิตปี 2022 | Techsauce

Dassault Systemes เผย 5 แนวโน้มเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการผลิตปี 2022

เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อย่างกะทันหัน ส่งผลให้ปริมาณโควตาสินค้าเกิดความไม่เสถียรและการหยุดชะงักที่คาดไม่ถึง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยในโลกของการผลิต กล่าวได้ว่า Long Covid ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสุขภาพเรื้อรังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวนับจากนี้ ในอุตสาหกรรมการผลิตและซัพพลายเชนเอง ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นกลุ่มแรกๆ จึงจำเป็นต้องปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน ขณะที่ต้องรับมือความท้าทายที่สูงขึ้นไปพร้อมกัน เมื่อมองถึงปัจจัยดังกล่าว การปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “ความยั่งยืน วิวัฒนาการ ความยืดหยุ่น การเปลี่ยนแปลง” จะกลายเป็น 4 เสาหลักที่อุตสาหกรรมการผลิตและซัพพลายเชนทั่วโลกต้องตระหนักถึงเสมอนับจากนี้ เพราะจะช่วยให้ธุรกิจการผลิตมีความคล่องตัว อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ยังถือว่าเชื่องช้า 

Dassault Systemes เผยบทสรุปเกี่ยวกับ 5 แนวโน้มเทคโนโลยีในภาคการผลิตสำคัญ ที่น่าจับตามองในปี 2565 พร้อมแนวทางการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ

เทคโนโลยีดิจิทัลถูกรวมเข้ากับธุรกิจเกือบทุกด้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับภาคการผลิตก็ไม่มีข้อยกเว้น เราจะเห็นได้จากแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตและโรงงานที่ได้ปรับตัวสู่รูปแบบสมาร์ทมากยิ่งขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางที่ธุรกิจใช้ เพื่อมอบประสบการณ์และคุณค่าให้กับลูกค้า แต่จะมีอะไรบ้างที่ผู้ผลิตจำเป็นต้องทราบ เพื่อที่จะนำหน้าคู่แข่ง?

ดิสรัปชั่นยังไม่หยุดและจะส่งผลต่ออุตสาหกรรม Manufacturing ไปอีกเกือบ 10 ปี

Deloitte ระบุ ปัจจัยที่เกิดจากการดิสรัปชั่นที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะพลิกศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตภายในปี 2573 โดยปัจจัยทั้ง 5 ประการมีดังนี้ 

  • รูปแบบเศรษฐกิจ
  • พลวัตทางการค้า
  • การแปลงเป็นดิจิทัล
  • ตำแหน่งงานในอนาคตที่เน้นผู้มีทักษะเฉพาะ / Talent
  • การผลักดันอุตสาหกรรมสู่ยุคของ Electrification / พลังงานไฟฟ้า

อย่างไรก็ดีในปี 2565 เราจะได้เห็นภาคอุตสาหกรรมการผลิตปรับใช้เทคโนโลยีสำคัญ ๆ มากมาย ซึ่งหากนำไปใช้อย่างถูกต้อง จะสามารถผลักดันนวัตกรรมและช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ และนี่คือบทสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับ 5 แนวโน้มเทคโนโลยีในภาคการผลิตสำคัญ ที่น่าจับตามองในปี 2565 พร้อมแนวทางการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ

เทรนด์ #1 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ขั้นสูง (Advanced Analytics)

การใช้เทคโนโลยี AI ของอุตสาหกรรมการผลิตจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในงานควบคุมคุณภาพ เนื่องจาก AI สามารถตรวจสอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงกระบวนการการผลิตและการประกอบชิ้นส่วนได้อย่างละเอียดและตรงตามคุณภาพที่ถูกกำหนดไว้ จากชิ้นส่วนที่ผลิตทั้งหมด จะมีชิ้นตัวอย่างที่จะถูกสุ่มเลือกมาใช้เพื่อหาข้อบกพร่องและการเปลี่ยนแปลงของสภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ ในขั้นตอนนี้เราอาจพบข้อบกพร่องที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ เนื่องจากไม่ได้มีการตรวจสอบชิ้นส่วนที่ผลิตทั้งหมด 

ดังนั้นการใช้เทคโนโลยี AI จะช่วยให้การตรวจสอบชิ้นส่วนที่ผลิตทั้งหมด (หรือส่วนใหญ่) ในอัตราการตรวจสอบที่สูงมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก และลดโอกาสการเกิดข้อบกพร่อง โดยการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนและการตรวจสอบสภาพของเครื่องจักร กระบวนการ และระบบสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ นั่นทำให้ระบบควบคุมคุณภาพการผลิตแบบอัจฉริยะเป็นส่วนสำคัญของการผลิตแห่งอนาคต ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดจริงในวันนี้และวันหน้า

เนื่องจากความต้องการในด้านการปรับแต่งสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้มีความเฉพาะตัวทั้งในด้าน Customization และ Personalization ที่มากขึ้น AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับผู้ผลิตในการใช้ระบบ Pull System ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลของผู้บริโภคเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการมากขึ้น และเทคโนโลยี AI จะถูกนำไปใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะให้กับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่เลือกที่จะแบ่งปันการตั้งค่าที่มีความเฉพาะของพวกเขา

เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) และ Industrial Internet of Things (IIoT) ในอุตสาหกรรมการผลิตกำลังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโรงงานผู้ผลิต โดยเฉพาะในด้านการตรวจสอบการปฏิบัติงานของกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ การคาดการณ์ในด้านการบำรุงรักษา การจัดการวัสดุ การจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน สินค้าคงคลัง และการประกอบชิ้นส่วน เป็นต้น จำนวนข้อมูลที่สร้างขึ้นจากระบบ IoT และ IIoT นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการนำระบบนี้ไปใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการฝังเซ็นเซอร์จำนวนมากขึ้นในห่วงโซ่การผลิตทั้งหมด เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่ได้มาจากการตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ และเพื่อใช้ในการตัดสินใจรวมถึงปรับปรุงคุณภาพการผลิตแบบเรียลไทม์ 

นอกจากนี้ การนำ AI, Edge Computing และ Cloud Computing มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมาก เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจความต้องการและสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ โดยใช้แบบจำลองการคาดการณ์จึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องทำ สำหรับผู้ผลิตที่มีความพร้อมจะใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ขั้นสูงมากขึ้นในอนาคต ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้แนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่ออกแบบมาอย่างดี

เทรนด์ #2 – ระบบอัตโนมัติที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม

บางบริษัท ไม่ได้มองว่าระบบอัตโนมัตินั้นเป็นทางเลือกในการผลิตสินค้า เนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอในการลงทุนที่จะนำโซลูชันที่จำเป็นมาปรับใช้งาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ต้นทุนของระบบอัตโนมัติลดลง ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถนำเทคโนโลยีและโซลูชันมาใช้สร้างความได้เปรียบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านความแม่นยำ ความสามารถในการผลิตซ้ำ ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการเพิ่มผลผลิต 

นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี IoT, IIoT, Data Analytics และ AI มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ผลิตเริ่มหันมาให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งความสำเร็จของบริษัทที่ใช้ระบบอัตโนมัติยังเป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทอื่น ๆ หันมาลงทุนในระบบอัตโนมัติเช่นกัน ผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจมากขึ้น และจัดลำดับความสำคัญว่าจะใช้ระบบอัตโนมัติในกระบวนการใด เพื่อสร้างมูลค่าในการผลิต แม้ว่าในปี 2565 จะมีบริษัทจำนวนมากเข้าใจว่าระบบอัตโนมัติเป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขัน แต่สิ่งสำคัญ คือ ไม่ใช่ทุกงานที่จะสามารถใช้ระบบอัตโนมัติได้

เทรนด์ #3 – หุ่นยนต์

ในอุตสาหกรรมการผลิตมีการนำหุ่นยนต์มาใช้งานเพิ่มมากขึ้นมาหลายทศวรรษ โดยนำมาใช้เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการผลิตที่มีกระบวนทำซ้ำ ๆ และไม่ต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์ และแนวโน้มนี้จะยังคงมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ผลิตจะนำหุ่นยนต์ใหม่ ๆ มาใช้มากขึ้น อาทิ หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน (Cobots) และยานยนต์นำทางอัตโนมัติ (AGV) หรือหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และมีคุณภาพพร้อมในตัวหุ่นยนต์เอง 

ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนมุ่งความสนใจไปที่งานสร้างสรรค์มากขึ้นเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้นหุ่นยนต์อัจฉริยะจะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง นอกจากนี้ การใช้หุ่นยนต์มากขึ้นจะเพิ่มโอกาสในการทำงานแบบรีโมท ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไปในปี 2565

เทรนด์ #4 – อาศัยห่วงโซ่อุปทานที่มาจากพื้นที่ใกล้เคียง

โลกเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)ในปี 2563 และ 2564 โดยผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทานจะยังคงสร้างความยุ่งยากในอุตสาหกรรมการผลิตต่อไป และผู้ผลิตมักจะใช้ห่วงโซ่อุปทานท้องถิ่นเพื่อจัดการกับความท้าทายดังกล่าว แม้อาจทำให้ต้นทุนของผลิตภัณฑ์สูงขึ้น แต่ก็สามารถมองได้ว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มความคล่องตัว สร้างความยืดหยุ่น และคุณภาพที่จะส่งผลให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจเพิ่มขึ้น 

ดังนั้นการรุกตลาดจึงเป็นแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในปี 2565 โดยเป็นส่วนหนึ่งของนำกลยุทธ์ระดับโลกมาปรับใช้ในระดับท้องถิ่น แนวโน้มนี้จะช่วยเร่งแนวคิดของการผลิตแบบกระจายศูนย์หรือการผลิตในท้องถิ่นซึ่งเป็นแนวทางที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ระบบห่วงโซ่อุปทานและการจัดส่งแบบกระจายศูนย์ใกล้แหล่งผลิตจะส่งผลให้เกิดการกำจัดการพึ่งพาแหล่งผลิตที่เดียว เพิ่มความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน บริษัทผู้ผลิตจะทบทวนรูปแบบธุรกิจและกลยุทธ์ที่ใช้อยู่ พร้อมมองหาโซลูชันใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านต้นทุน คุณภาพ และระยะเวลาการส่งมอบ การทำให้กระบวนการของห่วงโซ่อุปทานให้เป็นอัตโนมัติ ต้องใช้พลังของพันธมิตรและการทำงานร่วมกัน ผ่านการใช้ระบบ omnichannel เพื่อรับรู้ถึงการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพและการขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีดิจิทัลหลากหลาย เพื่อให้เข้าใจมองเห็นได้ชัดเจน มีความความยืดหยุ่น และปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม ล้วนเป็นโซลูชันที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตควรคำนึงถึงในปี 2565

เทรนด์ #5 – การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นเรื่องการปรับปรุงระบบดั้งเดิมให้มีความทันสมัย รวมถึงการดัดแปลงอุปกรณ์รุ่นเก่า และการใช้ประโยชน์จากพลังของเซนเซอร์ขั้นสูง จากเทคโนโลยีเสมือนจริงทั้ง VR และ AR และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างมูลค่ามากขึ้น และแข่งขันได้

นอกจากเทคโนโลยีที่มีความสำคัญดังกล่าวแล้ว ฝาแฝดเสมือน (Virtual Twin) สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์คือหนึ่งในเทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เช่นเดียวกับการนำมาใช้ปฏิบัติงานในโรงงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถนำมาใช้ได้ในทุกระดับ ตั้งแต่เพิ่มการมองเห็นแบบเรียลไทม์และบรรลุประสิทธิภาพสูงสุดและการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการใช้ IoT, IIoT, การวิเคราะห์ข้อมูล, AI และ Virtual Twin นั้น จำเป็นต้องใช้เซนเซอร์ในการตรวจจับและตรวจสอบสภาพแวดล้อม ชิ้นส่วน เครื่องจักร ระบบ เปนต้น ซึ่งต้องมีเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับแสดงข้อมูลที่บันทึกโดยเซนเซอร์หลากหลายเช่นเดียวกันกับใช้แสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้นด้วยการดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ 

การแสดงข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมการวิเคราะห์ข้อมูล จึงเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจะมีผู้ผลิตจำนวนมากหันมาลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลในปีนี้ ขณะที่ผู้ผลิตจำนวนมากมองว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเห็นด้วยกับการก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ โดยไม่มีใครสามารถหลีกหนีการเปลี่ยนแปลงนี้ได้

คลาวด์กับอนาคตอุตสาหกรรรมการผลิต

อนาคตของการผลิตและ Industry 4.0 ได้ถูกเร่งความเร็วชนิดที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว หากย้อนกลับไปช่วงก่อนการระบาดของ Covid-19 องค์กรและผู้ผลิตหลายรายได้สร้างการเติบโต พร้อมทั้งเห็นความรุดหน้าทางเทคโนโลยีและด้านสังคม ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ Deloitte ที่วิเคราะห์ถึงความท้าทายที่ว่า หากผู้ผลิตไม่ยอมรับแนวทางดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เราอาจได้เห็นโรงงานอุตสาหกรรมในปัจจุบันถึง 35 เปอร์เซ็นต์ต้องเลิกกิจการหรือเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญภายใน 10 ปีข้างหน้า 

ด้านผลสำรวจผู้บริหารระดับ C-level พบว่า การแข่งขันกับบริษัทดิจิทัลที่เกิดใหม่ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุด การลงทุนด้านดิจิทัลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะทำให้องค์กรที่ปรับตัวสู่องค์กรดิจิทัลก้าวนำคู่แข่งในตลาดร่วมแบบทิ้งห่าง ซึ่งสะท้อนให้อุตสาหกรรมการผลิตและดิจิทัลได้ตระหนักถึงความเร็วในการพัฒนาและยอมรับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปริมาณข้อมูลที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในอนาคตอันใกล้ และสิ่งต่อไปที่พวกเขาต้องมองหาคือ ระบบการจัดการที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น

ในอนาคต เทคโนโลยีคลาวด์จะยังคงพัฒนาต่อไป ซึ่งจะสร้างประโยชน์มากมายในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และประโยชน์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ผู้นำด้านการผลิตที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นไว้ได้ ในปี 2573 จะพบว่ามีผู้ให้บริการคลาวด์เกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงเชิงกระบวนการหลักและการดำเนินการหลักให้เป็นดิจิทัลไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นแนวทางที่ผู้ผลิตต้องพร้อมปรับใช้

เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้างความได้เปรียบ ปรับใช้ตามแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคงความสามารถในการแข่งขันไว้ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ผลิตในการสร้างวัฒนธรรมการพัฒนาบุคลากรและใช้แนวทางที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากบทบาทการทำงานของคนเป็นปัจจัยสำคัญในทุกด้าน นอกจากโซลูชันทางด้านเทคนิคเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในการผลิต เทคโนโลยีที่ดีควรสนับสนุนการทำงานของผู้คนและยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตรอบด้านให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในแง่ของความคิดสร้างสรรค์และการสร้างสรรค์นวัตกรรม

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

HD เพิ่มทุน Series A เป็น 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เดินหน้าขยายตลาด Health Care และ AI ใน SEA

HD แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลซชั้นนำสำหรับบริการสุขภาพและการผ่าตัดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศปิดรอบการระดมทุน Series A-1 โดยมี MSD บริษัทผู้นำด้านเวชภัณฑ์ระดับโลกเข้าร่วมลงทุน ทำให้ก...

Responsive image

Siam AI นำ NVIDIA GB200 NVL72 เข้าไทย ตอกย้ำเป้าหมาย AI Sovereignty

Siam AI ประกาศความสำเร็จในการเป็น NCP รายแรกในเอเชีย ที่นำ NVIDIA GB200 NVL72 สู่ไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ในภูมิภาค พร้อมเดินหน้าสร้าง AI Sovereign Cloud เพื่...

Responsive image

ETDA เปิดตัวโปรเจค 'EDC Trainer Season 4' ปั้นเทรนเนอร์ดิจิทัล พร้อมลุ้นเวที EDC Pitching สมัครด่วนก่อน 12 มี.ค.

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ร่วมมือกับ Dek-D เปิดโครงการ “ETDA Digital Citizen Trainer” หรือ EDC Trainer Season 4 ภายใต้แนวคิด “ส่งต่อความรู้ สู่สังคมดิ...