Sasin แนะรัฐ แก้วิกฤตได้ นโยบายล็อกดาวน์ต้องชัดเจน พร้อมเผยวิธีสื่อสารกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ | Techsauce

Sasin แนะรัฐ แก้วิกฤตได้ นโยบายล็อกดาวน์ต้องชัดเจน พร้อมเผยวิธีสื่อสารกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

   จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยทะลุ 11,000 คนต่อวัน และ จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้เคยก้าวทะลุ140 คนต่อวันไปแล้ว (ในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564) ซึ่งหากดูการเพิ่มขึ้นของอัตราผู้เสียชีวิตต่อวันจะเห็นได้ชัดเจนว่าการเพิ่มขึ้นนั้น เป็นแบบก้าวกระโดด (exponential growth) เราสามารถเห็นได้ว่าอัตราผู้เสียชีวิตต่อวันได้เพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ สิ่งนี้เป็นสัญญาณอันตรายว่าการระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยในครั้งนี้ มีความรุนแรงกว่าครั้งก่อน ๆ มาก ในขณะนี้ คณะผู้เขียนเชื่อว่าทุกภาคส่วน ได้มีความตระหนักอย่างแท้จริงถึงความรุนแรงของการระบาดในครั้งนี้ และพยายามที่จะช่วยกันลดการระบาด “เท่าที่กำลังของตนหรือฝ่ายตน” จะสามารถทำได้ (ในบริบทของแต่ละคน) คนไทยทุกคน ทุกฝ่ายควรร่วมแรงร่วมใจ ใช้พลังเชิงบวกในการแก้ปัญหา โดยรัฐต้องเป็นศูนย์กลางในการกำหนดนโยบายและนำนโยบายไปปฏิบัติอย่างเร่งด่วน และที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต้องสื่อสารให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

ล็อกดาวน์ยิ่งเข้มข้น ยิ่งเร็ว ยิ่งดี

งานวิจัยของ Kavakli (2020) พบว่า มีหลายประเทศในโลกที่เริ่มใช้การล็อกดาวน์ในระดับที่มีความเข้มข้นน้อย แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเมื่อสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น โดยสาเหตุหลัก เป็นเพราะประเทศเหล่านี้ ไม่อยากให้การล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ(ที่บอบช้ำอยู่แล้ว) จึงหวังว่าการใช้มาตรการในระดับเบานั้น อาจจะเพียงพอและสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจที่อาจจะรุนแรงเกินความจำเป็นได้ และไม่อยากให้ประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการทั้งเล็กและใหญ่ได้รับความลำบากและไม่พอใจกับการบริหารประเทศ อย่างไรก็ดีการตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคนั้น ได้ถูกกระทบจากความกลัวในสถานการณ์ของการระบาดอยู่แล้ว ซึ่งบทความของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) (2020) แสดงให้เห็นว่าการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นและเข้มงวดดีกว่าการล็อกดาวน์แบบเบาๆและไม่เข้มงวด ทั้งในด้านการควบคุมการระบาดและในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากการล็อกดาวน์ที่ไม่เข้มงวดทำให้ระดับจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคลดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเองเพราะยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพอยู่ ในขณะที่การล็อกดาวน์แบบเข้มงวดจะใช้เวลาควบคุมโรคที่สั้นกว่าโดยจะมีต้นทุนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากกรณีไม่เข้มงวดเพียงเล็กน้อย แต่จะทำให้การติดเชื้อลดลงอย่างมากและเร็ว จะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้น

ล็อกดาวน์จะดีต้องมีมาตรการทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจน 

ก่อนที่จะมีการประกาศล็อกดาวน์ รัฐต้องมีมาตรการทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจน เพื่อให้การล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนปฏิบัติตามได้และพร้อมให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการในด้านสภาพคล่องของประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งได้ทำในหลายๆประเทศ อาทิ ประเทศเยอรมนี ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศฝรั่งเศส

  1. มาตรการพักหนี้โดยไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการที่รวดเร็วและไม่มีขั้นตอนซับซ้อน 
  2. เสริมสภาพคล่องให้ประชาชนในด้านปัจจัย 4 
  3. พักชำระการจ่ายภาษีของประชาชนและผู้ประกอบการและเมื่อสถาณการณ์ดีขึ้นประชาชนและผู้ประกอบการสามารถจ่ายภาษีของปีที่ผ่านมาแทนในปีถัดไป 
  4. ช่วยผู้ประกอบที่ได้รับผลกระทบจ่ายค่าแรงลูกจ้างในอัตราที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดและไม่ต้องให้พนักงานออก 
  5. เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดที่ธุรกิจได้รับผลกระทบ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการบิน และธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
  6. อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ สามารถเข้าร่วมโครงการแก้วิกฤตการระบาดของไวรัส COVID-19 ของรัฐ (เช่น โครงการแปลงโรงแรมเป็น Alternative State Quarantine) ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส เพื่อเป็นรายได้ต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการและพนักงาน

อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการที่รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน และโปร่งใส รวมถึงมีหน่วยงานที่รับผิดชอบชัดเจนซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย

สื่อสารดี มีชัยไปกว่าครึ่ง 

องค์ประกอบหนึ่งที่หลาย ๆ ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ชัดเจน คือ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ หากอ้างอิงงานวิจัยของ Hyland-Wood และคณะ (2021) ที่ได้ทำการศึกษาและรวบรวมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในภาวะวิกฤตของรัฐบาล โดยสามารถสรุปเป็นประเด็นหลัก ดังนี้

  1. สื่อสารอย่างชัดเจนและครบถ้วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและทำให้ประชาชนไม่เกิดความสับสน เช่น สื่อสารว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ และมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อให้ความสนับสนุนแก่ประชานชนที่จะตอบสนองต่อนโยบายต่างๆของรัฐ ในทิศทางที่ชัดเจนและไม่ขัดแย้งกัน โดยเฉพาะข้อมูลที่ออกมาจากหน่วยงานของรัฐต้องเป็นข้อมูลที่ตรงกัน ถูกต้อง ชัดเจน และปราศจากความสับสน
  2. สื่อสารข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เช่น หากเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการแพทย์และมีผลกระทบในวงกว้าง ให้นักวิทยาศาสตร์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญ เข้าร่วมแถลง
  3. สื่อสารอย่างมีความเห็นอกเห็นใจ จริงใจและซื่อสัตย์ เช่น แสดงออกถึงความเข้าใจถึงปัญหาและสื่อสารออกไปอย่างเห็นอกเห็นใจ และสื่อสารด้วยคำพูดเชิงบวก
  4. สื่อสารถึงความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น ในสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 นั้นความไม่แน่นอนในสิ่งต่างๆอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และก็ควรสื่อสารออกไป เพื่อสร้างความคาดหวังที่ถูกต้อง
  5. สื่อสารโดยตระหนักถึงพื้นฐานและความเข้าใจของผู้ฟัง ซึ่งจะสามารถช่วยให้นโยบายต่างๆของรัฐดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ควรสื่อสารโดยยกตัวอย่างแบบง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิด 
  6. สื่อสารถึงโดยตระหนักถึงบรรทัดฐานทางสังคมและความหลากหลายและแตกต่างกันของกลุ่มคนในสังคม เช่น คำนึงถึง แรงงานต่างด้าว ผู้สูงอายุ หรือ เด็กและเยาวชน 
  7. สื่อสารเชิงรุกต่อข้อมูลเท็จ เช่น ต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และดำเนินคดีกับผู้ให้ข้อมูลเท็จอย่างเด็ดขาด

ในด้านการสื่อสาร รัฐต้องตระหนักถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกนโยบายใดๆจะต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจนต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ บทความของ IMF (2020) พบว่าการที่ประชาชนรับทราบถึงภาวะวิกฤติ จะช่วยให้ประชาชนตระหนักและเพิ่มความระมัดระวังตนเองมากยิ่งขึ้น ลดการเคลื่อนที่และให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดการระบาด ดังนั้นการนำเสนอข่าวที่เป็นความจริง แม้ว่าจะทำให้เกิดความหวาดกลัว แต่ความหวาดกลัวที่เกิดจากความจริง เป็นสิ่งที่ดี ไม่ควรห้าม สุดท้ายนี้ ฝ่ายที่มีหน้าที่หาวัคซีน ควรเร่งหาวัคซีนเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้วัคซีนอย่างทั่วถึง มีวัคซีนดีกว่าไม่มี ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนแบบไหนก็ควรฉีดไปก่อนเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต

บทความนี้เขียนโดย

รศ.ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส
ผศ.ดร.ชนวีร์ สุภัทรเกียรติ
ผศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ
ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์
คณาจารย์สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

NIA เปิดเวที AGROWTH เร่งการเติบโตดีพเทคสตาร์ทอัพเกษตร

NIA เดินหน้าสร้างสตาร์ทอัพ สายเกษตรให้เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อเร่งการเติบโตและแก้ไขปัญหาซ้ำซ้อนในภาคเกษตร ที่ต้องการปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบเดิมไปสู่การพึ่...

Responsive image

ไทยมี ‘ผู้บริหารหญิง’ นั่งบอร์ด แค่ 19% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก-อาเซียน

มีผู้หญิงจำนวนน้อยกว่าหนึ่งในสี่ (ร้อยละ 23.3) ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 นับตั้งแต่รายงานฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ในปี 2565...

Responsive image

EVAT จับมือ กฟผ. และ ม.กรุงเทพธนบุรี จัดแข่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง พร้อมลงนาม MOU พัฒนายานยนต์ไฟฟ้า

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จับมือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พร้อมเดินหน้าจัดงานแข่งขันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงเพื่อธุรกิจแห่งอนาคต ครั้งที่ 3 พร้อมลงนามบั...