แมทเธีย กุเอลล็อท วิศวกรฝ่ายเทคนิคดีเด่น เชี่ยวชาญด้าน Low Voltage Applications ชไนเดอร์ อิเล็คทริค
หากพูดถึงเรื่องอัคคีภัย การป้องกันคือวิธีที่จะรับมือได้ดีที่สุด การให้ความสำคัญจึงมุ่งเน้นด้านการออกแบบอาคาร รวมถึงวิธีการและขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคลากรและสินทรัพย์จะได้รับการป้องกันกรณีเกิดเพลิงไหม้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ก็นับว่าสายเกินไปสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ ซึ่งสอดคล้องตามข้อมูลจาก AXA Insurance กล่าวว่าจำนวนองค์กรกว่าครึ่งที่เดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ ต้องปิดกิจการลงภายในห้าปีต่อมา
ความสูญเสียจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ นับเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้บริษัทประกันต้องชดเชยค่าสินไหมทดแทนด้วยการรับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวคิดเป็นอัตราเกือบหนึ่งในสี่ (24 เปอร์เซ็นต์) สำหรับการเรียกร้องสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นทั้งหมด กว่า 470,000 รายการที่เกิดขึ้นกับบริษัท Allianz ภายในช่วงเวลาห้าปี มาจากเหตุเพลิงไหม้ที่ทำให้ต้องเสียเงินประกันสูงถึง 14 ล้านยูโร หรือเกือบ 540 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายจากการเกิดเพลิงไหม้กลายเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากเมื่อพิจารณาในแง่ของการเสื่อมเสียชื่อเสียงและเสียส่วนแบ่งทางการตลาดอันเป็นผลมาจากการหยุดชะงักของธุรกิจ
การเกิดเพลิงไหม้เป็นอันตรายโดยตรงต่อชีวิต รวมถึงสินทรัพย์และสภาพคล่องของธุรกิจ ฉะนั้นการมีแผนรับมือกับการเกิดเพลิงไหม้เพียงอย่างเดียวนับว่าไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ได้อย่างครอบคลุมด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจจับความผิดปกติ พร้อมทั้งการดำเนินการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที
เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
การเกิดเพลิงไหม้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งปัจจุบันมาตรฐานที่มี ช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าอาคารจะได้รับการปกป้องอย่างถูกวิธีจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าเกินซึ่งมีสาเหตุมาจากการเกิดโอเวอร์โหลดและลัดวงจร
อย่างไรก็ตาม การเกิดเพลิงไหม้จากกระแสไฟฟ้าเกินยังอาจเกิดจากความผิดพลาดระหว่างการติดตั้ง เช่น การเดินสายหลวมหรือใช้แผงวงจรเก่า ซึ่งระบบป้องกันกระแสไฟเกินจะไม่สามารถตรวจจับเรื่องเหล่านี้ได้ จริงๆแล้วฉนวนที่ชำรุดหรือสึกหรอเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้จากระบบไฟฟ้าภายในอาคารโดยคิดเป็นอัตรา 14 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาคารขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งสายไฟจำนวนมากจะยิ่งเกิดความเสี่ยงมากขึ้น
ยังคงมีจุดบอดที่คุณไม่สามารถมองข้ามได้ ผู้จัดการอาคารหรือวิศวกรที่ปรึกษาทำได้เพียงเล็กน้อยในการปกป้องอาคารหากเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งความสูญเสียและการหยุดชะงักของธุรกิจอาจสร้างความเสียหายอย่างมาก
สำหรับการป้องกันสูงสุดนั้น คุณจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเชื่อถือได้ซึ่งอยู่เหนือมาตรฐาน เพื่อป้องกันก่อนเกิดเพลิงไหม้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งหมายความว่ามีการป้องกันเสริมในส่วนของแผงสวิตช์และวงจรในการติดตั้งระบบไฟฟ้าในทุกกระดับ และเสริมความมั่นคงด้วยระบบตรวจสอบและจัดการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการได้ในเชิงรุก
ความเสี่ยงและความผิดปกติของฉนวนสายไฟมีให้เห็นมากขึ้นและอาจส่งผลต่อเนื่องที่ร้ายแรง โดยความผิดปกติของการเกิดประกายไฟที่มีความหนาแน่นต่ำ อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากและความชื้นสูง ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้จนกระทั่งเสียชีวิตได้ หากไม่มีการป้องกันไว้ก่อนหน้านี้ การจะช่วยให้ความมั่นใจเรื่องการป้องกันความผิดปกติของฉนวนสายไฟ คือการใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว ซึ่งจะทำงานกรณีเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินเกิน 300mA ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ ComPacT NSX และ NSXm ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ให้การป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินในลักษณะเดียวกับการป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจรและโอเวอร์โหลดแบบทั่วไป นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังสามารถตรวจวัดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมต่อเข้ากับระบบตรวจสอบ ก็จะช่วยเรื่องการแจ้งเตือนล่วงหน้า อีกทั้งคอยตรวจสอบการเกิดความต่างศักย์ของฉนวนไฟฟ้า
นอกจากนี้ วงจรที่เชื่อมต่อกับโหลดปลายทางมีการแนะนำตามมาตรฐาน IEC60364 ว่าควรได้รับการป้องกันด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบความผิดปกติของการเกิดอาร์ก (AFDD – Arc Fault Detection Device) ซึ่งเซอร์กิตเบรกเกอร์จะทำหน้าที่ตัดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเมื่อตรวจเจอความผิดปกติของการเกิดอาร์กในวงจร โดยอุปกรณ์ AFDD จะหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที ซึ่งจะช่วยหยุดความผิดปกติไม่ให้เกินจุดที่อุณหภูมิสูงจนเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้
ตู้สวิตช์บอร์ดอาจเป็นจุดอันตรายสำหรับการเกิดเพลิงไหม้ สิ่งสำคัญที่อยากจะเน้นคือ การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับด้านการออกแบบและการผลิตตู้สวิตช์บอร์ด อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงและปัญหาอันเนื่องมาจากการเชื่อมต่อยังสามารถเกิดขึ้น ด้วยปัจจัยสำคัญที่เป็นผลสืบเนื่องจากความต้านทานของจุดเชื่อมต่อในระบบไฟฟ้าก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิสูงขึ้น และทำให้พื้นผิวการเชื่อมต่อเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ก่อให้เกิดวงจรของปัญหาที่ทำให้ความต้านทานของหน้าสัมผัสเพิ่มขึ้นอีก ผลลัพธ์ของการที่ไม่สามารถควบคุมความร้อนได้จะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้การเชื่อมต่อล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงอาจทำให้เกิดการระเบิดและเพลิงไหม้ได้
นอกจากนั้น ยังมีอีกสองสามทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ตลอดช่วงอายุการใช้งานนั้น
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้อาจเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากอุปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ดังนั้น การเลือกช่วงเวลาของการซ่อมบำรุงได้อย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อีกทั้งระบบคลาวด์และระบบช่วยวิเคราะห์ จะสามารถวิเคราะห์สภาพการใช้งาน สถานะและประวัติการทำงานของอุปกรณ์สำคัญได้ การแจ้งเตือนพร้อมการให้บริการแบบ 24/7 ทั้งนี้โซลูชัน EcoStruxure™ Asset Advisor ยังสามารถให้การวิเคราะห์พร้อมคำแนะนำตามเงื่อนไขได้ในลักษณะเชิงรุกผ่านการรายงานตามช่วงเวลา
การเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อคุณทำตามวิธีที่ถูกต้องสำหรับการป้องกันอัคคีภัยด้วยเครื่องมือที่ดีที่สุด จะช่วยรักษาชีวิตผู้คนและธุรกิจของคุณได้ หัวใจสำคัญคือการปฏิบัติตามแนวทาง โดยใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมช่วยตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าของคุณทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง วิธีดังกล่าวช่วยให้คุณสามารถระบุความเสี่ยงที่เป็นปัจจัยหลักของการเกิดเพลิงไหม้ และดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์ด้านการป้องกันอัคคีภัยแบบมืออาชีพที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด