Gartner เผย พนักงานสายไอทีมีแนวโน้มลาออกจากงานที่ทำอยู่มากกว่าพนักงานสายอื่น ๆ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับพนักงานสายอื่น ๆ กลุ่มไอทีมีความตั้งใจอยู่ต่อกับองค์กรเดิมน้อยกว่าถึง 10.2% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดของทุกสายงานทั้งหมดขององค์กร
Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก ได้สำรวจลูกจ้างจำนวน 18,000 คนทั่วโลก ช่วงไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นพนักงานในสายงานไอทีจำนวน 1,755 คน โดยได้รวบรวมคำตอบเป็นรายเดือนจาก 40 ประเทศ ใน 15 ภาษา
เกรแฮม วอลเลอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยและนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า "การรักษาพนักงานที่มีความสามารถให้ทำงานต่อกับองค์กรเป็นเรื่องน่ากังวลของผู้บริหารระดับสูง และเป็นปัญหามาอย่างยาวนานของผู้บริหารด้านไอที (CIOs) เนื่องจากทีมงานของพวกเขาจำนวนมากสุ่มเสี่ยงที่จะลาออก เรารู้ว่าบริษัทไอทีที่นำนโยบายการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศมาใช้ต้องพบกับปัญหาการลาออกของทีมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องกลับมาทบทวนถึงการใช้แนวทางดังกล่าว ผู้บริหารไอทีอาจต้องปรับรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าแผนกอื่น ๆ ในองค์กร เนื่องจากแนวโน้มที่พนักงานไอทีจะลาออกนั้นมีสูงกว่า และเชี่ยวชาญการทำงานผ่านระยะไกลมากกว่าพนักงานส่วนใหญ่”
ยิ่งในเอเชียมีตัวเลขที่ต่ำมากเพียง (19.6%) ขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่ที่ (23.6%) และละตินอเมริกาที่ (26.9%) หรือแม้แต่ในยุโรป ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด กลับพบว่ามีพนักงานไอทีเพียง 4 ใน 10 คน (38.8%) ที่ตั้งใจอยู่กับองค์กรเดิม
ความท้าทายในการรักษาทีมงานไอทีระดับหัวกะทิแตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุและภูมิภาค ตัวอย่างเช่น พนักงานไอทีที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ตามรายงานระบุว่า มีโอกาสที่จะทำงานต่อกับที่เดิมน้อยกว่ากลุ่มที่อายุมากกว่า 50 ปีถึง 2.5 เท่า โดยพนักงานกลุ่มอายุ 18 - 29 ปี มีเพียง 19.9% เท่านั้นที่มีความตั้งใจจะทำงานต่อในองค์กรเดิม ในขณะที่พนักงานที่มีอายุ 50- 70 ปี มีความตั้งใจจะทำงานต่อในองค์กรเดิมถึง 48.1%
เมื่อปี พ.ศ. 2564 การ์ทเนอร์ได้สำรวจพนักงานไอที 3,000 คน โดยครอบคลุมอุตสาหกรรม สายงาน และภูมิภาคต่าง ๆ พบว่า 65% ของพนักงานไอทีบอกว่าการทำงานที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวส่งผลต่อการตัดสินใจอยู่ทำงานต่อกับองค์กร
นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ผู้บริหารไอทีควรใช้แนวทาง Data-Driven วิเคราะห์พนักงานที่สุ่มเสี่ยงต่อการลาออกและระบุว่าใครมีคุณค่าต่อองค์กรมากที่สุด พร้อมปรับนโยบายการทำงานให้มีความผสมผสานเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มประสิทธิภาพในหมู่พนักงานให้สูงขึ้น
รูปแบบการทำงานที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human - Centric) สามารถช่วยพัฒนาต่อยอดความสามารถของทีมงานระดับหัวกะทิรวมถึงสร้างผลตอบแทนให้ธุรกิจ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การ์ทเนอร์แนะนำให้ผู้บริหารไอทีทบทวนถึงประเด็นต่าง ๆ ของรูปแบบการทำงานที่ล้าสมัย และจำกัดความก้าวหน้าขององค์กรโดยไม่มีความจำเป็น ดังต่อไปนี้:
“ผู้บริหารไอทีที่นำแนวทางการทำงานแบบยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric) มาปรับใช้จะสามารถหลุดพ้นจากกรอบเดิม ๆ ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน การรักษาบุคลากร และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่หวนกลับไปสู่กระบวนทัศน์ต่าง ๆ ของการทำงานยุคอุตสาหกรรม” วอลเลอร์กล่าวสรุป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด