ไขความลับหลักสูตร 'บล็อกเชน' หนึ่งเดียวของไทย ที่เน้นผลิตบุคคลากรสาย 'บล็อกเชน' ผ่านสถาบัน DPU X โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ภายใต้หลักสูตร 'Geeks on the Block (Chain)' ด้วยการดึงนักเทคโนโลยีบล็อกเชนแถวหน้าของเมืองไทยที่มีผลงานระดับชาติ เข้ามาร่วมทีมสอนแบบทั่วถึงตลอดหลักสูตรกระชับแต่เข้มข้น ในระยะเวลาเพียง 7 ครั้ง จบออกมารับงานบล็อกเชนได้เลย
ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม ผู้อำนวยการสถาบัน DPU X โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และนายกสมาคมThailand Tech Startup Association (สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่) ผู้พัฒนาหลักสูตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันเวลาที่นักเขียนโปรแกรมต้องการเรียนรู้โปรแกรมใหม่ๆ เราสามารถลองเล่นเองและเรียนรู้จากการโหลดลงมา หาความรู้จากโลกออนไลน์ก็เข้าใจโปรแกรมนั้นๆ ได้
แต่แนวคิดของบล็อกเชนแตกต่างออกไป จากเดิมที่ฐานข้อมูลทั้งหมดจะวิ่งเข้ามาส่วนกลางเพื่อทำการตัดสินใจซึ่งเราเรียกว่า Centralized แต่บล็อกเชนฐานข้อมูลในการตัดสินใจจะเป็นแบบกระจาย Decentralized ดังนั้นการออกแบบบล็อกเชนจึงแตกต่างจากวิธีออกแบบโปรแกรมเดิม ซึ่งการที่นักออกแบบโปรแกรมจะเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นจะต้องใช้เวลานาน
หลักสูตรนี้จะเป็นทางลัดในการเรียนรู้ในการออกแบบโปรแกรมของ บล็อกเชน ซึ่งเมื่อผู้เรียนได้หลักคิดแล้ว ภาษาที่ใช้เขียนก็เป็นภาษาปกติที่คุ้นเคย การเขียนโปรแกรมก็จะทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น แน่นอนว่าหลักสูตรนี้ ยังให้ผู้เรียนได้เข้าใจหลักคิดอย่างถ่องแท้ ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนว่าเหมาะกับธุรกิจแบบไหน โปรแกรมมิ่งแบบไหน หรือการใช้งานแบบไหน โดยจะสอนตั้งแต่ฐานคิดเลยว่า หลักคิดเบื้องต้นเป็นอย่างไร กรณีศึกษาเป็นอย่างไร และจะออกแบบหลักคิดอย่างไร
ในส่วนของวิทยากรจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนแถวหน้าของเมืองไทยทั้งหมด นับตั้งแต่ ดร.ภูมิ ภูมิรัตน์ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ โดดเด่นด้วยผลงานการออกแบบ National Digital ID มีส่วนร่วมในการใช้นำบล็อกเชนมาใช้งานในระดับประเทศ อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาด้านการทำ ICO ให้กับ ก.ล.ต. อีกด้วย
ซึ่ง ดร.ภูมิ จะมาสอนวิธีคิดเชิงดีไซน์ ทั้งหมดของกระบวนการออกแบบโปรแกรมบล็อกเชน หลักคิดเชิงบล็อกเชน หลักปรัชญาของบล็อกเชน พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในหลักคิดของการออกแบบบล็อกเชน
ขณะที่ นายสถาพน พัฒนะคูหา CEO & Founder, SmartContract และ BlockM.D.และรองนายกสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของเมืองไทยด้านบล็อกเชนและ Smart Contact หรือสัญญาอัจฉริยะ จะมาสอนเรื่องราวของเทคโนโลยี อีเธอเรียม ซึ่งเป็นโครงสร้างหนึ่งที่สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นแบบกระจายศูนย์สู่บล็อกเชนได้ แทนที่จะรับ-ส่งได้เพียงแค่บิทคอยน์แบบเดิมเท่านั้น
โดยนายสถาพน จะมาสอนทั้งหมดของกระบวนการนำเทคโนโลยี อีเธอเรียม ( Ethereum ) ซึ่งเป็น Infrastructure รูปแบบหนึ่งบนพื้นฐานของบล็อกเชน ตั้งแต่การออกแบบ การเริ่มงานบนอีเธอเรียม แนวคิดในการนำเทคโนโลยีอีเธอเรียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาเพื่อต่อยอดไปสู่โปรแกรมที่ต้องการ
นอกจากนี้ยังมีนายญาณวิทย์ รักษ์ศรี Principal Visionary Architect KBTG ผู้เชี่ยวชาญจาก กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ในเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงการทำระบบหนังสือค้ำประกันขึ้นไปอยู่บนบล็อกเชนของไอบีเอ็มได้สำเร็จ โดยจะมาสอนเกี่ยวกับวิธีคิดการนำเทคโนโลยี ไฮเปอร์เลดเจอร์ (Hyperledger) มาใช้
เนื้อหาและระยะเวลาของหลักสูตร "Geeks on the Block Chain" จะเริ่มสอนวันแรกเรื่องหลักคิดบล็อกเชน วันที่สองเทคโนโลยีไฮเปอร์เลดเจอร์ และวันที่สามจะสอนเรื่องอีเธอเรียม แบบ 3 วันติดต่อกัน เพื่อให้ได้หลักคิด รูปแบบเครื่องมือ และตัวอย่างการนำไปใช้ หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่การเรียนสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งจะเป็นการเล่ากรณีศึกษาที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆในเชิงลึก
เช่น National ID ที่เกิดขึ้นออกแบบอย่างไร ทำไมถึงเลือกใช้เทคโนโลยีนั้น หรือกรณีของพาวเวอร์ เลดเจอร์ (Power Ledger) การออกแบบโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของออสเตรเลีย ที่เข้ามาต่อยอดจริงแล้วกับโครงการแสนสิริในประเทศไทย ซึ่งจะมาเล่าว่ามีแนวทางการออกแบบ ระบบการซื้อ-ขาย และวิธีการประยุกต์ใช้ แบบลงลึกในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีการติดต่อกับอีกหลายตัวอย่างกรณีศึกษาระดับชาติ เพื่อเข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ด้วย อาทิเช่น โครงการอินทนนท์ (Project Inthanon) ซึ่งเป็นโครงการของธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับพันธมิตร เพื่อทดสอบการนำเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology: DLT) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินไทย ภายใต้สกุลเงินดิจิทัลกลางซึ่งจะใช้ในการกระทบยอดการโอนเงินระหว่างธนาคารที่ชื่อว่า 'อินทนนท์'
อีกทั้งยังมีกรณีศึกษาของข้อมูลสุขภาพ บล็อกเอ็มดี (BlockM.D.) หรือเคสของ "กระต๊อบ" ในการพัฒนาระบบซื้อ-ขายตั๋วบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งจะมาบอกเล่าว่า การออกแบบเป็นอย่างไร โครงสร้างการออกแบบเป็นอย่างไร เบื้องหลังเทคโนโลยีเป็นอย่างไร บล็อกเชนเข้ามาช่วยให้ดีขึ้นอย่างไร เราจะไม่บอกว่าต้องใช้บล็อกเชน แต่เราต้องหาคำตอบว่าทำไมต้องบล็อกเชน ถ้าไม่ใช่บล็อกเชนมันทำได้ไหม
ทุกโครงการที่นำมาเล่าเป็นโครงการที่ทำด้วยบล็อกเชน บนพื้นฐานของเหตุผลว่าทำไมต้องใช้บล็อกเชนในการทำ ซึ่งการรับรู้กรณีศึกษาที่มากพอ จะช่วยทำให้เราวิเคราะห์ ออกแบบและสร้างสรรค์ ตลอดจนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในอนาคตได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีความเข้าใจในเหตุผลของเทคโนโลยีที่ถูกต้อง ผู้เข้าอบรมจึงสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้เข้าอบรมจะได้รับรู้เชิงลึก
ขณะที่ในสัปดาห์ท้ายๆ ผู้เข้าอบรมจะต้องจับกลุ่มออกแบบและเขียนโปรแกรมบนเทคโนโลยีบล็อกเชนขึ้นมาจริงๆ แล้วทำการรีวิวให้คณะกรรมการได้รับทราบ เพื่อประเมินความสามารถของผู้เรียน ในการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบว่ามีแนวคิดการออกแบบและเลือกใช้เทคโนโลยีถูกต้องหรือไม่ การประยุกต์ใช้เหมาะสมเพียงใด ตลอดจนการเลือกใช้ภาษาในการเขียนบล็อกเชนนั้นๆมีความเหมาะกับเทคโนโลยีเพียงใด ท้ายที่สุดประสิทธิภาพของบล็อกเชนนั้นๆตอบโจทย์ได้อย่างไร
โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะต้องสามารถเขียนโปรแกรมได้แล้ว มีความชำนาญในการเขียนโปรแกรมในระดับหนึ่ง เนื่องจากหลักสูตรนี้ไม่ได้สอนเขียนโปรแกรม แม้กระทั่งการเตรียมเครื่องมือในการเขียนบล็อกเชนก็ไม่ได้สอนในรายละเอียด แต่จัดเตรียมไว้ให้เลย เนื่องจากต้องการเน้นสอนเรื่องแนวคิดกรณีศึกษา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถ่องแท้ในการนำไปใช้ และสามารถนำแนวคิดและหลักการดังกล่าวไปเขียนขึ้นโครงการเองได้เลยทันที
บล็อกเชน จะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการพัฒนาแอปพลิเคชั่นในอนาคต การที่นักพัฒนาปฏิเสธโอกาสในการเรียนรู้บล็อกเชน เท่ากับเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งการก้าวเดินบนเส้นทางทางเทคโนโลยีในอนาคตอาจจะเป็นเรื่องยากไปในที่สุด
เราคาดหวังว่าผู้ที่เรียนจบหลักสูตรนี้ออกไปแล้ว สามารถรับงานบล็อกเชนได้เลย ซึ่งเราเชื่อว่าประเทศไทยยังขาดบุคคลากรที่เชี่ยวชาญด้านนี้อีกมาก ซึ่งเราจะสามารถพัฒนาคนที่จะเดินบนเส้นทางสายเทคโนโลยีบล็อกเชนจริงๆได้ราวๆปีละ 60-70 คน จากหลักสูตรนี้
"วันนี้บล็อกเชนยังไม่ได้แพร่หลายมากนัก เนื่องจากโปรโตคอลที่ยังไม่เอื้อในการ 'ส่งคุณค่า' ผ่านทางออนไลน์ระหว่างวงบล็อกเชนแบบสมบูรณ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการพัฒนาทักษะของนักพัฒนาโปรแกรมที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางของบล็อกเชน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเบื้องหลังของเทคโนโลยีในอนาคตและเมื่อเวลานั้นมาถึง
การพัฒนาตัวเองก่อน เป็นโอกาสของการขึ้นมาเป็นนักพัฒนาแถวหน้าของบล็อกเชนเมืองไทยที่ง่ายที่สุด เนื่องจากผู้สอนทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มบุคคลแถวหน้าทั้งสิ้น การที่เราพาตัวเองเข้ามาอยู่แถวหน้าก่อน นอกจากเราจะได้เรียนรู้ก่อนแล้ว เรายังจะเห็นโอกาสของการเข้ามาของบล็อกเชนก่อนอีกด้วย และเชื่อว่าอีกไม่เกิน 5 ปี บล็อกเชนจะถูกพัฒนาเข้ามาอยู่ในทุกอุตสากรรมในโลกใบนี้" ดร.พณชิต กล่าว
หลักสูตร "Geeks on the Block (Chain)" Blockchain Camp for Developers Batch#1 เริ่มเปิดรับสมัครแล้ววันนี้ ระยะเวลาการเรียน 7 ครั้ง ครั้งละ 8 ชั่วโมง เริ่มเรียนวันที่ 7 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2562 สามารถลงทะเบียนเรียนได้ที่ http://dpux.dpu.ac.th/geeksontheblock/register/batch1