IBM Security ประกาศผลสำรวจทั่วโลกเกี่ยวกับพฤติกรรมทางดิจิทัลของผู้บริโภคในช่วงการแพร่ระบาด รวมถึงผลกระทบระยะยาวด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ พบสังคมคุ้นชินกับการปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น โดยผู้ที่สำรวจเลือกความสะดวกมากกว่าที่จะใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว นำสู่การกำหนดพาสเวิร์ดและพฤติกรรมด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ที่หละหลวม
ความหละหลวมด้านการรักษาความปลอดภัยของผู้บริโภค ผนวกกับการการเร่งเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอย่างรวดเร็วของธุรกิจในช่วงโควิด อาจกลายเป็นการเพิ่มโอกาสในการโจมตีอุตสาหกรรมต่างๆ ให้กับอาชญากรไซเบอร์ ตั้งแต่การโจมตีแบบแรนซัมแวร์ไปจนถึงการขโมยข้อมูล ข้อมูลจาก IBM Security X-Force ระบุว่าพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสมในด้านการรักษาความปลอดภัย ยังอาจถูกนำไปใช้ในที่ทำงานและอาจนำไปสู่เหตุด้านซิเคียวริตี้ที่ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องสูญเสียเงินจำนวนมาก โดยการตั้งค่าประจำตัวผู้ใช้ที่ไม่เป็นไปตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการโจมตีไซเบอร์ในปี 2563 [1]
การสำรวจผู้บริโภค 22,000 คนใน 22 ประเทศทั่วโลก [2] ที่ดำเนินการโดยมอร์นิงคอนซัลท์ ในนามของ IBM Security ได้ระบุถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดที่มีต่อพฤติกรรมด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคไว้ดังนี้
อย่างไรก็ดี การที่ผู้บริโภคเน้นการปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ก็อาจนำสู่การเพิ่มขึ้นของการใช้เทคโนโลยีเกิดใหม่รูปแบบต่างๆ ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การดูแลสุขภาพระยะไกลหรือเทเลเฮลท์ ไปจนถึงดิจิทัลไอดี
“การแพร่ระบาดส่งผลให้มีบัญชีออนไลน์เพิ่มขึ้นสูงมาก และการที่สังคมเลือกความสะดวกสบายทางดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ นี้ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล” นายชาร์ลส์ เฮ็นเดอร์สัน Global Managing Partner และหัวหน้าทีม IBM Security X-Force กล่าว “เวลานี้องค์กรต่างๆ จะต้องพิจารณาผลกระทบจากการพึ่งพาช่องทางดิจิทัล ที่มีต่อความเสี่ยงด้านซิเคียวริตี้ เมื่อพาสเวิร์ดมีความน่าเชื่อถือน้อยลงเรื่อยๆ วิธีหนึ่งที่องค์กรสามารถนำมาใช้ได้ นอกเหนือจากการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย คือการเปลี่ยนไปใช้แนวทาง 'zero trust' โดยใช้ระบบ AI และการวิเคราะห์ขั้นสูงตลอดกระบวนการ เพื่อระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น แทนที่จะทึกทักเอาว่าสามารถไว้ใจผู้ใช้ได้หากผ่านกระบวนการการยืนยันตัวตนแล้ว”
การสำรวจชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมหลากหลายของผู้บริโภค ที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในขณะที่ผู้คนใช้ประโยชน์จากการปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลมากขึ้น แต่ก็มีความคาดหวังสูงในเรื่องความสะดวกในการเข้าถึงและใช้งานด้วยเช่นกัน
ในช่วงการแพร่ระบาด ช่องทางดิจิทัลได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตอบสนองความต้องการวัคซีน รวมถึงการทดสอบและการรักษาโควิด-19 IBM Security วิเคราะห์ว่าการที่ผู้บริโภคใช้ช่องทางดิจิทัลที่หลากหลายในการเข้าถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 อาจกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการเริ่มใช้งานของกลุ่มผู้ใช้ใหม่ [4] โดยการสำรวจชี้ว่า
เมื่อผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพพยายามผลักดันการแพทย์ทางไกล โปรโตคอลด้านความปลอดภัยที่ได้รับการออกแบบให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ตั้งแต่การทำให้ระบบไอทีสำคัญๆ สามารถออนไลน์ได้แบบไม่มีสะดุด การปกป้องข้อมูลผู้ป่วยที่มีความละเอียดอ่อน หรือแม้แต่การปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ HIPAA งานเหล่านี้ครอบคลุมการแบ่งส่วนข้อมูลและการควบคุมที่เข้มงวด เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้เฉพาะระบบและข้อมูลที่กำหนดไว้เท่านั้น รวมถึงเป็นการจำกัดผลกระทบจากบัญชีหรืออุปกรณ์ที่เคยถูกแฮ็ค ในการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุแรนซัมแวร์และการโจมตีแบบขู่กรรโชก ข้อมูลผู้ป่วยจะต้องได้รับการเข้ารหัสอยู่ตลอดเวลา และต้องมีระบบการสำรองข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อให้สามารถกู้คืนระบบและข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ระบบเกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุด
แนวคิดของดิจิทัลเฮลธ์พาส หรือที่เรียกว่าพาสปอร์ตวัคซีน ถือเป็นการปูทางให้ผู้บริโภคได้รู้จักข้อมูลประจำตัวดิจิทัลในโลกการใช้งานจริง โดยเป็นแนวทางบนพื้นฐานของเทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบลักษณะเฉพาะของตัวตนของเรา จากการสำรวจพบว่า 65% ของผู้ใหญ่ทั่วโลก กล่าวว่าพวกเขาคุ้นเคยกับแนวคิดของข้อมูลประจำตัวดิจิทัล และ 76% มีแนวโน้มที่จะเริ่มใช้หากเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
การเปิดประตูสู่แนวคิดการพิสูจน์ตัวตนแบบดิจิทัลในช่วงการแพร่รระบาดนี้ อาจช่วยกระตุ้นการยอมรับระบบดิจิทัลไอดีที่ทันสมัยในวงกว้าง ซึ่งมีศักยภาพพอที่จะเข้ามาแทนที่การใช้บัตรประจำตัวรูปแบบเดิมอย่างหนังสือเดินทางและใบขับขี่ โดยเป็นวิธีที่ผู้บริโภคจะสามารถเลือกให้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกรรมนั้นๆ เท่านั้น แม้การใช้ข้อมูลประจำตัวแบบดิจิทัลจะสร้างโมเดลที่ยั่งยืนสำหรับอนาคต แต่ก็ยังต้องมีมาตรการการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเพื่อป้องกันการปลอมแปลง นำสู่ความจำเป็นในการใช้โซลูชันบล็อกเชนเพื่อตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลยืนยันตัวตน โดยเฉพาะกรณีที่ข้อมูลถูกแฮ็ค
องค์กรจะสามารถปรับตัวตามภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนได้อย่างไร
ธุรกิจที่พึ่งพาการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลกับผู้บริโภคมากขึ้นอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาด ควรพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโพรไฟล์ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของตน ในสถานการณ์ที่พฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคกำลังปรับเปลี่ยนรับความสะดวกทางดิจิทัล IBM Security ได้แสดงข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
ดูรายงานฉบับเต็มและสื่อมัลติมีเดียได้ที่ http://ibm.biz/IBMSecurity_ConsumerSurvey
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด