กสิกรไทย เปิดยุทธศาสตร์ 3 +1 เดินเกมรุกก้าวสู่ธนาคารแห่งความยั่งยืน | Techsauce

กสิกรไทย เปิดยุทธศาสตร์ 3 +1 เดินเกมรุกก้าวสู่ธนาคารแห่งความยั่งยืน

เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งวิกฤตการเงิน ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งการระบาดของ COVID-19 ที่แม้ว่าจะผ่านพ้นช่วงวิกฤตเข้าสู่ยุค Post COVID มาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบที่ยังไม่ฟื้นตัวอีกเป็นจำนวนมาก 

ช่วงเวลาที่เปราะบางนี้ภาคการเงินซึ่งเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่นำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทุกอวัยวะในร่างกายอย่างทั่วถึง

ในแง่ของการใช้ชีวิตประจำวัน COVID-19 ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัลแบบภาคบังคับ จนกลายเป็นยุค Mobile First เพราะภาครัฐใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือหลักในการส่งมอบความช่วยเหลือให้กับคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 

แน่นอนว่ากลุ่มธุรกิจที่ต้องปรับตัวอย่างมาก ก็คือภาคการเงิน    

การเปลี่ยนแปลงของ 2 ปัจจัยสำคัญทั้งจากภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ ทำให้ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์แบบ 360 องศา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าบุคคล กลุ่มลูกค้า Wealth กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งการตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ได้อย่างสมดุล 

สำหรับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ของไทยก็ได้มีการประกาศนโยบายยุทธศาสตร์ 3+1 ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนแกนหลัก 3 ด้าน เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และภารกิจ +1 ที่จะสร้างรายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องปรับตัว และพัฒนาบริการเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงเพื่อการรับมือจากการเข้ามาของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่จำกัดอยู่แค่สถาบันการเงินอีกต่อไป โดยธนาคารมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่วางใจได้ของลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย และส่งมอบผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น”

เพื่อบรรลุเป้าหมาย ธนาคารกสิกรไทยได้วางกลยุทธ์ใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มตอกย้ำกลยุทธ์ Customer Centric ที่ยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เน้นผสมผสานการให้บริการของช่องทางสาขาและช่องทางดิจิทัลเข้าด้วยกัน และสร้าง Ecosystem โดยการร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างความแตกต่างในการนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ท้องตลาดแบบครบวงจร เพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิตและธุรกิจของลูกค้า ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมและต้นทุนที่ดีที่สุด และสามารถส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย 

ซึ่งนอกจากลูกค้าแล้วยังมี การสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้ผู้ถือหุ้น การสนับสนุนโอกาสให้พนักงาน การเป็นส่วนสำคัญในระบบการเงินของประเทศร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล และสุดท้ายในด้านสังคมกับการมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ลงลึกไปในรายละเอียดของยุทธศาสตร์ 3 +1 จะพบว่า ธนาคารกสิกรไทยมีการวางยุทธศาสตร์หลักไว้ 3 ด้าน 

ยุทธศาสตร์แรก ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตด้านสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ด้วยการทำงาน 2 ส่วน คือ 1) การนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อไปยังกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการอื่นของธนาคารอยู่แล้วแต่ยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อมาก่อน เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านกลุ่มนี้  2) ธนาคารจะมีการยกระดับการทำ CRM เพื่อการรักษากลุ่มลูกค้าที่มีสินเชื่อกับธนาคารในปัจจุบัน 

ทั้งนี้ปัจจัยพื้นฐานที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้ธนาคารขยายพอร์ตสินเชื่อให้ได้ตามเป้า  คือ การทำ Big Data และทักษะการทำ Data Analytics ที่มีความแม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ โดยในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้า การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ที่ 3-5% เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio - Gross) น้อยกว่า 3.25% และคาดว่า Credit Cost จะอยู่ในช่วง 175-195 bps โดยยังคงใช้หลักความระมัดระวังเพื่อรองรับสภาวะความไม่แน่นอนต่าง ๆ 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุน และการให้คำปรึกษาทางการเงินและประกันภัย เพื่อมุ่งสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในระยะยาวและเหมาะสมกับความต้องการตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า ผ่านช่องทางการนำเสนอและให้บริการอย่างครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ของธนาคารและจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (KAsset) และพันธมิตร อาทิ กองทุนรวม แบงก์แอสชัวรันส์ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ 

ความท้าทาย คือ การที่ธนาคารจะต้องนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์การลงทุนที่ครบวงจร เป็นแบรนด์บริการด้านเวลธ์ ที่จะเข้าไปยืนในใจลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง 

    นอกจากนี้ ธนาคารจะตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการชำระเงินทางดิจิทัล ด้วยการยกระดับและเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะส่งมอบความปลอดภัย สะดวก และง่ายในทุกฟังก์ชันการใช้งานทั้งการชำระเงินในประเทศ ระหว่างประเทศ และในภูมิภาค รองรับทุกประเภทของการชำระเงินใน Ecosystem ของลูกค้า ทั้งการทำธุรกรรมผ่าน K PLUS ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด และการชำระเงินบนแพลต์ฟอร์มดิจิทัลชั้นนำที่ลูกค้าใช้ชีวิตและทำธุรกิจ 

    ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ในปี 2567 จะเติบโตที่ Mid to high-single Digit และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อจากนี้ ผ่านการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า ควบคู่กับการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลให้มากขึ้น นับว่าเป็นโจทย์ที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นเราน่าจะได้เห็นธนาคารกสิกรไทยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำเสนอสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

    ยุทธศาสตร์ที่ 3 คือ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุกช่องทางการให้บริการของธนาคารที่มีอยู่ในปัจจุบัน ควบคู่กับการให้บริการบนเทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็น Seamless Banking เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าในทุกที่ทุกเวลา 

โดยทางธนาคารจะพัฒนาแอปพลิเคชัน K PLUS กับแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่หลากหลาย ผสมผสานกับการส่งมอบบริการผ่านบุคลากรของธนาคารที่จะเน้นในด้านการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่

สิ่งนี้สะท้อนว่าถนนเส้นหลักของช่องทางการให้บริการของธนาคารกสิกรไทยจะเป็นการพาลูกค้ามุ่งสู่ดิจิทัล เป็น Digital First Experience ขณะเดียวกันทางธนาคารก็จะนำความเชี่ยวชาญของบุคลากรร่วมให้บริการแก่ลูกค้าเป็น Human Assisted Experience ด้วย เพื่อช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมที่ซับซ้อนได้สะดวกยิ่งขึ้น 

นอกเหนือจากยุทธศาสตร์หลักแล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังมีการเพิ่มยุทธศาสตร์ ‘+1’ คือ มุ่งเน้นการแสวงหารายได้ใหม่ ทั้งในระยะกลางและระยะยาว ผ่านหน่วยธุรกิจสำคัญ อาทิ การลงทุนผ่านบริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด (KIV) เพื่อสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินให้แก่ลูกค้าเป็นวงกว้าง การขยายธุรกิจใน 3 ประเทศหลัก คือ จีน อินโดนีเซีย และ เวียดนาม การร่วมลงทุน (Venture Capital) และทำหน้าที่เป็น Venture Builder ผลิตสตาร์ทอัพหรือธุรกิจรูปแบบใหม่ผ่านบริษัท KASIKORN X (KX) และการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเชิงนวัตกรรมที่เป็นมากกว่าบริการทางการเงิน

ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้ายุทธศาสตร์ ‘+1’ จะมีสัดส่วนการสร้างรายได้ประมาณ 5% ของกำไรสุทธิของธนาคาร

โดยปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน (Enablers of K-Strategy) ทำให้ธนาคารสามารถเดินหน้าได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. เทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเป็นเครื่องมือในการสร้างนวัตกรรมที่ยกระดับให้ธนาคารเป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค 2. ความสามารถในการวิเคราะห์และการใช้ข้อมูล เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของธนาคาร และ 3. ทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ ด้วยรูปแบบการทำงานที่เห็นผลลัพธ์ เป็นหัวใจสำคัญในการทำแผนงานทั้งหลายให้เกิดขึ้นจริงและวัดผลได้

นางสาวขัตติยา กล่าวทิ้งท้ายว่า ท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจผันผวนและท้าทาย ธนาคารกสิกรไทยจึงให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างสมดุลสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ โดยแผนยุทธศาสตร์ใหม่นี้จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) ที่สามารถส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายตามความมุ่งหมาย นำพาเศรษฐกิจไทยเดินหน้าไปด้วยกันและคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายสร้างอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เป็นเลข 2 หลัก ได้ภายในปี 2569 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

BE8 จับมือ PTT Digital ยกระดับคอลเซ็นเตอร์ Genesys Cloud CX พร้อมให้บริการครบวงจรผ่านระบบคลาวด์

Beryl 8 Plus เผยได้รับความไว้วางใจจาก PTT Digital ยกระดับบริการคอลเซ็นเตอร์ ด้วยระบบคอนแทคเซ็นเตอร์โซลูชันคลาวน์จาก Genesys ผู้นำระดับโลกในด้านการจัดการประสบการณ์ลูกค้าด้วย AI เพื่...

Responsive image

ไทยพาณิชย์ผนึกกำลัง Sunline ปรับโครงสร้างสถาปัตยกรรมด้านไอที มุ่งยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

ธนาคารไทยพาณิชย์ เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ดิจิทัลแบงก์ โดยจับมือ ซันไลน์ (Sunline) ผู้นำด้านการให้บริการเทคโนโลยีสำหรับธนาคารระดับโลก เพื่อพัฒนา “ระบบไอทีหลักธนาคาร” หรือ “Core Ban...

Responsive image

Innovation One หนุนผู้ประกอบการสายนวัตกรรมไทย ร่วมพลิกโฉมนวัตกรรมไทย

เปลี่ยนไอเดียเจ๋งให้เป็นจริง! เส้นการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีเชิงลึก เปลี่ยนไอเดียเจ๋ง! Deep Tech ไม่ง่าย ต้องมีพลังเต็มที่ ทั้งนักพัฒนา ผู้ประกอบการ และนักลงทุน เพราะเทคโนโลยีนี้ต้...