
ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ประกาศผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิ 26,280 ล้านบาท แต่ในขณะเดียวกัน นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่น่ากังวล โดยชี้ว่ามีความเสี่ยงที่จะ "ไม่เติบโต" ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 26,280 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อย 260 ล้านบาท หรือ 0.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ 6.95% เหลือ 70,080 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.36%
อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยกลับเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจถึง 9.55% มาอยู่ที่ 27,622 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากกำไรของเครื่องมือทางการเงิน, รายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ ในขณะที่ธนาคารยังคงบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดลง 0.86% ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.82%
เมื่อมองเฉพาะไตรมาส 2 ปี 2568 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 12,488 ล้านบาท ลดลง 9.45% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงและมีค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อขยายช่องทางการบริการ
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ได้ให้มุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยว่า ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งการใช้จ่ายภาคเอกชน, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นที่ลดลง
สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 ซีอีโอ KBank ประเมินว่า "เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำกว่าครึ่งแรกของปีค่อนข้างมาก หรือมีความเสี่ยงที่จะไม่เติบโต" เนื่องจาก
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะยังคงกดดันต่อเนื่องไปจนถึงเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ด้วย
ท่ามกลางความท้าทาย KBank ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบภายใต้ยุทธศาสตร์ 3+1 พร้อมกับการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่อง
ธนาคารได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สำหรับงวด 6 เดือนแรกเป็นจำนวน 19,868 ล้านบาท เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมและรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจ
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 4,374,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.78% จากสิ้นปี 2567 โดยอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.18% และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 162.77% สะท้อนความระมัดระวังอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 20.66%
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด