KBank-KBTG-บุญเติม เปิดตัวเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้าผ่านตู้บุญเติมตอบรับโครงการ NDID | Techsauce

KBank-KBTG-บุญเติม เปิดตัวเทคโนโลยียืนยันตัวตนด้วยใบหน้าผ่านตู้บุญเติมตอบรับโครงการ NDID

กสิกรไทย เคบีทีจี และบุญเติม ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี การยืนยันตัวตน (e-KYC) ด้วยใบหน้าผ่านตู้บุญเติม สร้างมิติใหม่การให้บริการ ตอบรับโครงการ NDID (National Digital ID) หวังช่วยลูกค้ารายย่อยที่ไม่สะดวกมาสาขา ให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและสะดวก 24 ชั่วโมง ทั้งการเปิดบัญชีเงินฝาก ขอสินเชื่อ ซื้อประกัน ขอเครดิตบูโร และสมัคร e-Wallet ที่ต้องมีการยืนยันตัวตน ให้สามารถใช้บริการผ่านตู้บุญเติมกว่า 1,300 จุด หน้าร้านสะดวกซื้อและตามแหล่งชุมชนทั่วประเทศ และภายในปี 2563 จะขยายเป็น 3,000 จุด คาดมีผู้ใช้บริการยืนยันตัวตนผ่านตู้บุญเติม 2-3 ล้านครั้งต่อปี 

คุณสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล การขยายช่องทางให้บริการเพื่อเป็นธนาคารที่อยู่ในทุกที่ทุกเวลาเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ ธนาคารมีการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องกับพันธมิตร เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือบุญเติมซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของธนาคารในการเป็นธนาคารตัวแทนหรือแบงกิ้งเอเย่นต์ ในปี 2562 ที่ผ่านมามีปริมาณธุรกรรมการเงินลูกค้าธนาคารกสิกรไทยผ่านแบงกิ้งเอเย่นต์จากตู้บุญเติมกว่า 8 ล้านรายการ มูลค่าธุรกรรมกว่า 5,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตู้บุญเติมเป็นช่องทางที่ทำให้ลูกค้ารายย่อยที่ไม่สะดวกมาธนาคาร หรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสาขา เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น 

ด้วยเหตุนี้ธนาคารกสิกรไทย เคบีทีจี จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบุญเติม ในการพัฒนาเทคโนโลยี Facial Recognition การยืนยันตัวตน (e-KYC) ด้วยใบหน้าผ่านตู้บุญเติม สร้างมิติใหม่การให้บริการทางการเงินที่ง่าย สะดวก 24 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านตู้บุญเติม เพื่อการสมัครเปิดบัญชีเงินฝาก ขอสินเชื่อ ซื้อประกัน สมัคร e-Wallet รวมถึงบริการขอตรวจสอบประวัติกับเครดิตบูโร  และประวัติการเงินอื่นๆ ผ่านเครือข่าย NDID ความร่วมมือครั้งนี้นอกจากช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบุญเติมแล้ว ยังช่วยให้ลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น

คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส – เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ เคบีทีจี เปิดเผยว่า เทคโนโลยี Facial Recognition การยืนยันตัวตน (e-KYC) ด้วยใบหน้าผ่านตู้บุญเติม ของธนาคารกสิกรไทยและเคบีทีจี เป็นเทคโนโลยีสำหรับคู่ค้าหรือผู้ให้บริการที่สนใจใช้ช่องทางนี้ช่วยให้ลูกค้าของตนสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ที่ต้องยืนยันตัวตน Facial Recognition เป็นการเปรียบเทียบใบหน้าจากภาพถ่ายผ่านตู้กับบัตรประชาชนที่มีความปลอดภัยและแม่นยำสูง ซึ่งจะตรวจจับจุดบนใบหน้า 512 จุด แต่ละจุดเสมือนเป็นพาสเวิร์ด 1 ตัว จึงเป็นการยากต่อการถูกปลอมแปลงรหัสทั้ง 512 ตัว ระบบใช้งานง่าย ไม่กี่ขั้นตอน ไม่ต้องเซ็นเอกสาร หรือถ่ายสำเนาบัตรประชาชนอย่างเดิม โดยไม่จำเป็นต้องมาสาขาหรือหน้าร้าน  ก็สามารถสมัครบริการทางการเงินและบริการอื่นๆ ได้แบบเรียลไทม์ที่ตู้บุญเติมจากที่ไหนก็ได้ 

คุณพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส กล่าวว่า ความร่วมมือในวันนี้เป็นการตอบรับโครงการ NDID (National Digital ID) การยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ภาครัฐกำลังผลักดันให้เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในอนาคต ซึ่งการให้บริการยืนยันตัวตน (e-KYC) ด้วยใบหน้าผ่านตู้บุญเติมเป็นการเพิ่มโอกาสลูกค้าของตู้บุญเติมในการเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารและผู้ให้บริการอื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือลูกค้าที่ไม่สะดวกมาสาขาธนาคาร และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานประมาณ 2 – 3 ล้านครั้งต่อปี ปัจจุบันมีตู้บุญเติมที่ให้บริการยืนยันตัวตนได้ ติดตั้งหน้าร้านสะดวกซื้อและแหล่งชุมชนทั่วประเทศ 1,300 จุด และจะเพิ่มเป็น 3,000 จุด ในสิ้นปี 2563 

ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทฯ ที่ยังคงวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทางเลือกการให้บริการทางการเงินครบวงจรได้ด้วยตนเอง ซึ่งสามารถใช้บริการตั้งแต่การเปิดบัญชีธนาคาร, บัญชี e-wallet และบัญชีบริการการเงินประเภทอื่นๆ พร้อมบริการยืนยันตัวตนสำหรับการขอสินเชื่อ การซื้อประกัน และการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ รวมถึงการบริการขอตรวจสอบประวัติกับเครดิตบูโร  และประวัติการเงินอื่นๆ ผ่านเครือข่าย NDID ทั้งในส่วนของลูกค้าและสถาบันการเงิน โดยตู้บุญเติมยังคงมีแนวโน้มใช้บริการทางการเงินมากขึ้น จากพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ ทั้ง Content (Streaming Game) และ e-Commerce รวมถึงความต้องการซื้อประกันชีวิตและสุขภาพในช่วงโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องผ่านจากตู้บุญเติมทุกประเภทกว่า 130,000 จุดทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกพื้นที่ระดับจังหวัดจนถึงระดับชุมชน โดยบริษัทฯจะเพิ่มการบริการที่จำเป็นให้มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการมากที่สุด

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

WHA Group ดึงไฮเออร์ลงทุน 10,000 ล้านบาท ตั้งฐานการผลิตในไทย

WHA Group ดึงไฮเออร์ลงทุน ปักหมุดฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศครบวงจรมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทในไทย ที่นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 3...

Responsive image

NITMX เปิดตัว Hack to the Max Digital Infrastructure ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลของไทย

NITMX เปิดตัวโครงการ "Hack to the Max: Digital Infrastructure" Hackathon ระดับชาติ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจนวัตกรรมการเงินดิจิทัล เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเงินของไทยให้ก้าวไก...

Responsive image

SCB ‘Tap To Pay’ รับเงินผ่านบัตรเครดิต-เดบิต ง่ายแค่แตะผ่านแอปฯ ไม่ต้องพึ่งเครื่องรูดบัตร!

ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัว ‘SCB Tap To Pay’ นวัตกรรมรับชำระเงินที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้เป็นเครื่องรับชำระเงินได้ทันที ตอบรับกระแสสังคมไร้เงินสดที่กำลังมาแรง...