KPMG ย้ำเตือนกิจการให้ตรวจสอบสถานะด้านกฎหมายก่อนการทำ M&A | Techsauce

KPMG ย้ำเตือนกิจการให้ตรวจสอบสถานะด้านกฎหมายก่อนการทำ M&A

KPMG รายงานว่า ในปี 2564 การควบรวมกิจการ หรือ Merger & Acquisitions (M&A) มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2563 ซึ่งปี 2564 ถือเป็นปีที่ยอดรวมการทำ M&A สูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั่วโลก โดยองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในไทยได้ใช้โอกาสจากความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มากขึ้นเพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงแม้จะอยู่ในสภาพการเติบโตที่ต่ำ 

KPMG รายงานว่า การควบรวมกิจการ หรือ Merger & Acquisitions (M&A) มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น การตรวจสอบสถานะของกิจการด้านกฎหมาย (Legal due diligence) เป็นวิธีที่ทำให้สามารถประเมินความเสี่ยงในการลงทุน กำหนดราคาสำหรับการซื้อขายกิจการ

โดยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จุดประกายให้มีการลงทุนสูงขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านดิจิทัล ซึ่งตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เห็นได้ชัดว่าพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นถึงแม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวเนื่องจากมาตรการการลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในช่วงปลายปีที่แล้ว 

เรายังคาดการณ์ว่าการทำ M&A จะยังคงมีอยู่ต่อเนื่องและหลากหลายตลอดปีนี้ โดยเฉพาะด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเปลี่ยนแปลง (Digital transformation) การถอนการลงทุนและการสร้างความหลากหลายทางธุรกิจ (Divestments and diversification) การร่วมมือกันเพื่อลดต้นทุน (Synergy capture) การประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) และการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้ลงทุนประเภท Private Equity และ Venture Capital

“เนื่องจากในประเทศไทยมีการทำ M&A ที่เพิ่มขึ้น เราจึงขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบสถานะของกิจการ (Due diligence) ที่ครบถ้วนและครอบคลุม” คุณบุญญาพร ดอนนาปี กรรมการบริหารฝ่ายกฎหมาย เคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าว 

“ในขณะที่การตรวจสอบสถานะของกิจการในด้านการเงิน (Financial due diligence) เป็นขั้นตอนที่ทราบกันดีอยู่แล้วในการทำ M&A แต่บางครั้งขั้นตอนในการตรวจสอบสถานะของกิจการด้านกฎหมาย (Legal due diligence) อาจถูกมองข้ามไป การทำ Legal due diligence เป็นวิธีที่ทำให้สามารถประเมินความเสี่ยงในการลงทุน กำหนดราคาสำหรับการซื้อขายกิจการเมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงเหล่านั้น วางโครงสร้างการควบรวมกิจการ และกำหนดเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายได้”

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการตรวจสอบสถานะของกิจการด้านกฎหมาย (Legal Due Diligence)

  • เอกสารที่เกี่ยวข้องกับองค์กรธุรกิจหรือเอกสารสำคัญทางทะเบียนของบริษัท (Corporate organization matters) โดยตรวจสอบเอกสารสำคัญ หรือเอกสารทางทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับกิจการ รวมถึงบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องกับ Target เช่น การตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนที่ต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การโอนหุ้น การออกใบหุ้น การบันทึกลงสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น หรือการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น
  • ทรัพย์สินของบริษัท (Assets) เพื่อตรวจสอบว่า Target มีกรรมสิทธิ์ และสิทธิอื่นตามกฎหมาย หรือไม่ เช่น เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์เหนือทรัพย์สิน เป็นต้น ทั้งสินทรัพย์ถาวร เช่น ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง และที่ไม่ถาวร รวมถึงสิทธิอื่น ๆ เช่น สิทธิการเช่า หรือภาระติดพันที่มีเหนือทรัพย์สินนั้น 
  • ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Properties) เพื่อตรวจสอบว่า Target มีการจดทะเบียนสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ หรือเอกสารที่สำคัญอย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน เช่น สัญญาให้ใช้สิทธิ (Licensing Agreement) หรือไม่
  • การดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย (Regulatory Compliance) โดยตรวจสอบจากลักษณะธุรกิจของ Target ว่ามีการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือหนังสือรับรองสำหรับการประกอบธุรกิจ ที่ออกโดยหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งประเด็นที่พบมักจะนำไปสู่การกำหนดเงื่อนไขในสัญญาที่ต้องมีการแก้ไขประเด็นเหล่านั้นก่อนที่จะทำการซื้อขาย โดยจะเป็นการระบุไว้เป็นเงื่อนไขก่อนการซื้อขาย (Conditions Precedent) ในสัญญาการซื้อหุ้น (SPA)  
  • ลูกจ้าง (Labor) โดยตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง และสัญญาจ้างแรงงานว่าเป็นไปตามกฎระเบียบหรือไม่ ซึ่งรวมถึงตรวจสอบแผนสิทธิประโยชน์สวัสดิการ และเงินต่าง ๆ ที่จะต้องให้ลูกจ้างตามกฎหมาย ข้อบังคับการทำงาน ข้อตกลงอื่น ๆ สหภาพแรงงาน และข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของลูกจ้าง รวมไปถึงความชอบด้วยกฎหมายของการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว เพื่อสามารถกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ใน SPA เช่นเงื่อนไขการโอนลูกจ้าง เงื่อนไขการจ่ายค่าชดเชยเนื่องจากการเลิกจ้างหรือค่าชดเชยพิเศษอื่น ๆ เงื่อนไขการกำหนดสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือสวัสดิการต่าง ๆ
  • ประกันภัย (Insurance) โดยตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไขสัญญาประกันภัยและข้อจำกัดอื่น ๆ ในเอกสารประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ
  • สัญญาที่สำคัญ (Significant contracts) โดยอาจเป็นสัญญาทางการค้า สัญญาทางการเงินกับสถาบันการเงินต่าง ๆ หรือสัญญาระหว่างบริษัทในเครือ ที่ต้องทำการตรวจสอบข้อตกลงและเงื่อนไขภายใต้สัญญาที่อาจกระทบต่อการควบรวมกิจการ เช่นข้อกำหนดในการเปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุม (Change of control) หรือเงื่อนไขที่บังคับให้ Target ต้องมีการขอความยินยอมจากคู่สัญญาอีกฝ่ายก่อนการควบรวมกิจการ หรือมีข้อห้ามในการควบรวมกิจการภายใต้สัญญาเหล่านั้น
  • คดีความ (Litigation) โดยตรวจสอบว่า Target มีการฟ้องร้องหรือการดำเนินคดีอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฟ้องเองหรือถูกฟ้อง ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดยสามารถตรวจสอบจากเอกสารที่ Target เก็บบันทึกและจัดเตรียมไว้ หรือแยกทำเป็นการตรวจสอบแยก (Independent search) จากสารบบของศาลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในกรณีที่ Target ผู้ขาย หรือผู้ซื้อกิจการเป็นบริษัทจดทะเบียน ข้อพิจารณาทางกฎหมายอื่น ๆ ในการตรวจสอบสถานะของกิจการด้านกฎหมายจะมีมากขึ้นเช่นกัน เช่น หาก Target เป็นบริษัทจดทะเบียน เมื่อผู้จะซื้อดำเนินการการตรวจสอบสถานะของกิจการด้านกฎหมายอยู่นั้น Target ควรมีมาตรการในการป้องกันการรั่วไหลของข่าวหรือข้อมูล และยังต้องมีการระมัดระวังเรื่อง Insider Trading 

นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงข้อพิจารณาทางกฎหมายอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การควบรวมกิจการนี้จะเข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ หรือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของไทยหรือไม่ หรือหากมีการซื้อหุ้น การซื้อหุ้นนั้นจะเข้าข่ายที่จะต้องทำ Tender Offer หรือไม่ หรือจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่อย่างไร เป็นต้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงทั้งสิ้น หาก Target  ผู้ขาย หรือผู้ซื้อกิจการเป็นบริษัทจดทะเบียน

ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในปัจจุบัน ทำให้การซื้อ การควบรวม หรือการลงทุนในกิจการมีทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่แต่ละองค์กรจำเป็นต้องคำนึงถึงเหตุผลของการทำธุรกรรมว่าสามารถตอบโจทย์กลยุทธ์ทางธุรกิจในภาพรวมขององค์กรหรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบสถานะของกิจการเฉพาะในด้านการเงิน หรือภาษีนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการตรวจสอบสถานะของกิจการจำเป็นต้องคำนึงถึงวิธีการใหม่ ๆ และต้องทำให้มีลักษณะบูรณาการให้ครอบคลุมไปถึงการตรวจสอบสถานะของกิจการด้านกฎหมายด้วย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

SCB 10X เปิดเวที “Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand” เดินหน้าวิจัย AI ไทย พร้อมเปิดตัว ‘ไต้ฝุ่น 2.0’ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

SCB 10X เปิดตัว "ไต้ฝุ่น 2" โมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่สุดล้ำในงาน Typhoon 2 Unveiled: Advancing AI Research in Thailand พร้อมยกระดับวิจัย AI ไทยสู่เวทีโลก...

Responsive image

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 ภายใต้หัวข้อ “Chula-KBTG: AI for the Future”

จุฬาฯ จับมือ KBTG เปิดตัว AI LUCA และ Virtual Patient ในงาน Chula the Impact ครั้งที่ 29 มุ่งขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี AI สู่ยุคดิจิทัล...

Responsive image

ส.อ.ท. เตรียมจัด FTI EXPO 2025 รวมสุดยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรชั้นนำ จัดงาน FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด “4GO” ที่ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แ...