ลงทุนอย่างยั่งยืน ให้ Startup ไทยเติบโตอีกครั้งกับ Krungsri Finnovate | Techsauce

ลงทุนอย่างยั่งยืน ให้ Startup ไทยเติบโตอีกครั้งกับ Krungsri Finnovate

เป็นอีกหนึ่งปีที่ “แซม ตันสกุล” MD “Krungsri Finnovate” ได้เข้าร่วมงาน Techsauce Global Summit 2023 งานประชุมด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีเป้าหมายส่งเสริม Digital Economy ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการเปิดประตูแห่งโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SME และ Startup ไทย ได้สร้างการเติบโตของธุรกิจบนเวทีโลก

ในปีนี้ Krungsri Finnovate เข้าร่วมทั้งในฐานะ Speaker และผู้สนับสนุนงาน ซึ่ง “แซม ตันสกุล” ได้รับเกียรติเป็น Speaker ให้กับ 2 เวทีหลัก ทั้งด้าน Corporate Innovation และ Investment กับหัวข้อ “Why Open Innovation”  และ “Long-lasting Social Change with Impact Fund” หรือ “การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ยั่งยืนด้วย Impact Fund” 

“แซม” เผยว่า “โลกเรากำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลให้แนวโน้มการลงทุนทั่วโลกลดน้อยลง โดยจุดเริ่มต้นมีสาเหตุมาจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นจนทำให้เกิดการล้มละลายของ Silicon Valley Bank นักลงทุนหรือ Venture Capital จึงไม่กล้าลงทุนใน Startup ในช่วงนี้ เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง และเริ่มหันมาเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีผลกำไร และมีแผนธุรกิจที่สามารถหารายได้จากลูกค้าได้ มากกว่าธุรกิจที่มักจะ Burn Cash เพื่อสร้างฐานลูกค้า และยังไม่มีแผนการทำกำไรที่ชัดเจนในอนาคต นอกจากปัญหาด้านเศรษฐกิจการเงินแล้ว ปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกหลายปัญหาสำคัญที่โลกกำลังเผชิญอยู่เช่นกัน”

“Impact Investment” เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Return) และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม (Social & Environment Impact) ไปพร้อมกัน โดยต้องให้ทั้งสองส่วนนี้มีความสมดุลกัน ซึ่งมีความแตกต่างกับการลงทุนในรูปแบบ Traditional Investment หรือการลงทุนแบบดั้งเดิมที่เน้นลงทุนใน Startup ที่โตเร็วเพียงอย่างเดียว Impact Investment จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่อาจจะสามารถช่วยแก้ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่ได้

นอกจากนี้ “แซม” ยังพูดถึง 5 ความสำคัญของ Impact Investment ที่จะสามารถช่วยพัฒนาโลกได้อย่างยั่งยืนดังนี้ 1) Win-Win Situation ผู้ลงทุนได้รับผลประโยชน์ทางการเงิน ส่วนสังคมก็ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน 2) Promote Long term Sustainability ส่งเสริม และพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน 3) Risk Management มีแนวทางปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมความมั่นคง และการเติบโตในระยะยาว 4) Benefits Society ส่งเสริมสวัสดิการสังคม ความยั่งยืน และการดูแลสิ่งแวดล้อม และ 5) Higher ROI ผลสำรวจจาก GIIN Survey ปี 2020 รายงานว่า 88% ของ Impact Investment นั้นให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีกว่า 

โดยในปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ หรือที่เรียกว่า SDGs 17 เพื่อแก้ปัญหาสังคมใหญ่ๆ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า มลภาวะ และการเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นต้น ซึ่งการจะแก้ปัญหาทั้ง 17 ข้อนี้ได้จำเป็นต้องมีเงินทุนสูงถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการลงทุนในปัจจุบันของ Impact Investment อยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เราจึงขาดเงินทุนอยู่ประมาณ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อนี้ได้ ซึ่งเงินทุนเหล่านี้หามาได้ทั้งจากเงินทุนส่วนตัว สถาบันการเงิน องค์กรเอกชน หรือภาครัฐก็ได้เช่นกัน โดยในปี 2022 มีการระดมทุน Impact Fundraising ถึง 54 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุน Impact Fund ถึง 322 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเติบโตที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดย “IMPACT FUND” จะลงทุนในธุรกิจที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา การเงิน สุขภาพ การเกษตร สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นต้น อย่าง Cruise ธุรกิจบริการรถ EV ไร้คนขับในซานฟรานซิสโกที่เกิดมาจากความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาด้านมลภาวะ ส่วนที่ประเทศไทยก็จะมี “Freshket” แพลต์ฟอร์มสำหรับสั่งวัตถุดิบอาหารสด ใหม่ ราคาย่อมเยา ในกลุ่ม AgriTech และ “Meticuly” HealthTech ที่ผลิต และออกแบบกระดูกเทียมไทเทเนียมเพื่อผู้ป่วย และผู้พิการ และนี่คือตัวอย่างของธุรกิจ Startup ใน “IMPACT FUND”

พร้อมกันนี้ “แซม” ยังได้พูดถึงการขับเคลื่อนธุรกิจ ของ “Krungsri Finnovate” ในปีนี้ว่า “Krungsri Finnovate เรามีเป้าหมายในการขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้ชื่อ “MOONSHOT” เรามุ่งมั่นจะเป็น “Strategic Investor” ในการลงทุน และสนับสนุน Startup ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาโลก และสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ตอนนี้เราเปิดบริษัทมาแล้ว 6 ปี มีการลงทุนในกลุ่ม Startup ที่เป็น Series A ขึ้นไป ซึ่งเป็นธุรกิจมี Business Model ที่ชัดเจน และสามารถสร้างผลกำไรได้ โดยในปีนี้ “Krungsri Finnovate” อยู่ระหว่างการศึกษาดำเนินการและต้องเป็นไปตามกฎระเบียบและข้อสัญญาที่เกี่ยวข้อง สำหรับขยายการลงทุนไปในกลุ่มที่เป็น “Early Stage Startup” เพื่อเตรียมบ่มเพาะ และปลุกปั้นให้เติบโตไปสู่ Series A ได้

ปัจจุบัน “Krungsri Finnovate” มีการลงทุนใน Startup ทั้งหมดอยู่ที่ 2,893 ล้านบาท จำนวนทั้งหมด 23 บริษัท โดยใน 23 บริษัทนี้ มี 2 Unicorns ก็คือ Grab และ Flash Express ซึ่ง Krungsri คือธนาคารแรกในไทยที่ลงทุนใน “FLASH” ที่ถือเป็น Unicorns รายแรกในประเทศไทยด้วย และปัจจุบันมีอีก 5 บริษัทที่กำลังเตรียมตัว IPO เพื่อจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้เรายังมี Finnoventure Private Equity Trust l กองทุนมูลค่ากว่า 3,000 พันล้านบาท ที่ลงทุนไปแล้ว 9 ธุรกิจด้วยกัน และมีอีก 4 ธุรกิจที่อยู่ระหว่างเจรจาลงทุน ซึ่งนี่ถือว่าเป็นอีกผลงานด้านการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของของประเทศไทย

ทั้งนี้ “แซม” ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า กองทุนที่จะลงทุนใน Early Stage หรือ Startup ในระดับ Seed ถึง Pre-series A นั้น ทาง “Krungsri Finnovate” ได้จับมือร่วมกันกับ “ป้อม-ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ซึ่งเป็น Super Angel ในประเทศไทย โดยมุ่งหวังลงทุนใน Thai Startup ที่อยู่ในกลุ่ม Impact และ Digital Transformation นอกจากการลงทุนแล้วเราจะมีการเปิด Accelerator Program ด้วย เพราะเราเชื่อว่านอกจากเงินทุนแล้วการสนับสนุน การบ่มเพาะความรู้ในการทำธุรกิจก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน  โดยตัวเลขที่ต้องการระดมทุนสำหรับกองทุนนี้อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ Krungsri เองก็จะลงเงินด้วย ดังนั้น องค์กร หรือนักลงทุนไหนที่สนใจก็สามารถมาร่วมมือกันได้ 

ตอนนี้ Startup และประเทศไทยอยู่ในมือคุณ หากคุณต้องการให้กลุ่ม Startup เติบโต และต้องการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน มาร่วมลงทุนในกองทุนของ "Krungsri Finnovate"

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ม.มหิดล ชูความสำเร็จผลงานนวัตกรรมวัคซีนไข้เลือดออกเดงกี ชนิดเข็มเดียว เตรียมผลักดันออกสู่ตลาดโลก

โรคไข้เลือด เป็นหนึ่งในโรคประจำถิ่นในทุกประเทศเขตร้อนของโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี มียุงลายหรือยุงรำคาญเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน และในปัจจุบันมีประชากรประม...

Responsive image

ททท. ประกาศผู้ชนะ TAT Travel Tech Startup 2024 ทีม HAUP คว้าชัย ร่วมผลักดัน ท่องเที่ยวไทยกับ 11 ทีม Travel Tech

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศผลผู้ชนะโครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 กิจกรรมบ่มเพาะและโจทย์ด้านการท่องเที่ยวสุดท้าทาย ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้แนวคิด WORLD...

Responsive image

ทำความรู้จักกับซิม IoT จาก SoftBank และ 1NCE จ่ายครั้งเดียว ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ปี

รู้จักซิมการ์ด IoT จาก 1NCE เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทั่วโลกใน 173 ประเทศ ด้วยค่าใช้จ่ายครั้งเดียวใช้งานได้นาน 10 ปี เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันคุ้มค่าและจัดการง่าย...