หากนับจากวันที่เขียนบทความนี้ (9 ตุลาคม 2023) ก็เหลืออีกเพียงไม่ถึง 200 วันกับการสิ้นสุดการรอคอยของนักลงทุนในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล นั่นคือเหตุการณ์ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ความสำคัญของการ Halving ในครั้งนี้มีมากน้อยแค่ไหน เหตุใดจะต้องมีคนนับถอยหลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ มาติดตามผ่านบทความนี้พร้อมกันเลย

รูปจาก: bitkub

การกำเนิดขึ้นของบิตคอยน์ (Bitcoin) 

สกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกเริ่มจากการที่คำว่า “บิตคอยน์” ปรากฎขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกของโลก ในเอกสารที่ชื่อว่า Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System เป็นเอกสารที่อธิบายรายละเอียดของ Bitcoin อย่างละเอียด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2551 โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto และหลังจากนั้นในวันที่ 3 มกราคม 2552 Genesis Block หรือเครือข่ายบล็อกเชนแรกของบิตคอยน์ได้ถูกสร้างขึ้น

รูปจาก: Bitkub Blog

บิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีการธุรกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ใช้กับผู้ใช้อย่างเท่าเทียมและเป็นอิสระโดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางเพื่ออนุญาต ตรงตามคอนเซปป์ของ Satoshi Nakamoto ที่กล่าวไว้ว่ามันคือ “การชำระเงินออนไลน์ที่สามารถส่งโดยตรงจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงิน”

ทำความรู้จัก Bitcoin Halving

เครือข่ายบล็อกเชนของบิตคอยน์ (Bitcoin) ใช้ระบบที่เรียกว่า Proof-of-Work ในการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและทำให้ผู้ใช้ในเครือข่ายยอมรับความถูกต้องของธุรกรรมนั้น ๆ ได้ซึ่งระบบ Proof-of-Work คือการที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายจะต้อง “แข่งกัน” แก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ แลกกับสิทธิ์ในการรับรองธุรกรรมและเพิ่มข้อมูลชุดใหม่ หรือที่เรียกว่าการเพิ่มบล็อกใหม่ ลงไปใน Blockchain กระบวนการนี้เรียกว่า “การขุด” และเมื่อมีผู้ใช้ที่สามารถแก้ไขสมการได้เป็นคนแรก จะสามารถเซ็นรับรองธุรกรรมและเพิ่มธุรกรรมชุดนั้นลงไปในบล็อกใหม่ จากนั้นผู้ใช้คนอื่นก็จะเข้ามาช่วยเซ็นรับรองธุรกรรมนั้นอีกที ผู้ที่สามารถแก้ไขสมการได้เป็นคนแรกก็จะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin เหรียญใหม่ที่ยังไม่ออกมาในระบบ เรียกว่า “รางวัลจากการขุด” นั่นเอง

แต่การขุดอย่างเดียวนั้นอาจจะทำเกิดความไม่สมดุลในระบบ Satoshi ได้คำนึงถึงความสมดุลที่อาจส่งผลต่อ “มูลค่า” และความสมบูรณ์ของระบบ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การกระจายตัวของผู้ยืนยันข้อมูลที่ควรมีมาก แต่ต้นทุนของการขุดและการทำมูลค่าของเหรียญให้ยากต่อการครอบครองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือเหตุผลของคำถามที่ว่า “ทำไม Bitcoin ต้องมี Halving เพื่อยืดเวลาการขุดเหรียญทั้งหมด?” และความน่าจะเป็นของคำตอบมีดังนี้

• เพื่อยืดเวลาการขุดเหรียญทั้งหมด - ปกติแล้วในทุก ๆ วันประมาณ 1,800 Bitcoin ถูกค้นพบในเวลานี้และหลังจากเดือนพฤษภาคม 2020 นี้ รางวัลจะถูกลดลงเหลือ 900 Bitcoin ต่อวัน เพื่อเป็นการยืดเวลาที่ Bitcoin จะถูกค้นพบครบทั้ง 21 ล้านเหรียญ
• เพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อ - ถ้าเหรียญถูกขุดพบน้อยลงเรื่อย ๆ จำนวนการไหลเวียนของ Bitcoin จะเหลือน้อยลง ทำให้หายากขึ้นไปอีก
• เพื่อรักษามูลค่าราคา Bitcoin - ปกติจะขึ้นตาม Demand และ Supply ถ้าปริมาณเหลือน้อยลงแต่ความต้องการกลับมากขึ้น อาจจะส่งในเรื่องของราคาหากมี Supply ที่น้อยลง และนี่ก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนต่างรอคอยนั่นเอง

การเกิด Bitcoin Halving ที่ผ่านมา

Bitcoin Halving คือ การที่รางวัลจากการขุดจะลดลงทุก ๆ 4 ปี โดยจะลดลง “ครึ่งหนึ่ง” ทุก ๆ 210,000 บล็อก แต่ละบล็อกจะถูกสร้างขึ้นทุก 10 นาที หากนับตั้งแต่ที่ Bitcoin เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ได้เกิด Bitcoin Halving มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1) ในปี 2012 รางวัลลดลงจาก 50 เหรียญ เป็น 25 เหรียญ 

ครั้งที่ 2) ในปี 2016 ลดลงจาก 25 เป็น 12.5 เหรียญ 

ครั้งที่ 3) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2020 ลดลงจาก 12.5 เป็น 6.25 เหรียญ 

สำหรับวันที่คาดการณ์ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ Halving ครั้งต่อไป คือช่วงสิ้นเดือนเมษายน ปี 2024 (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) โดยรางวัลจะลดลงจาก 6.25 เป็น 3.125 เหรียญ

นอกจากนี้ Bitcoin ยังถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำนวนสูงสุดได้ที่ 21,000,000 เหรียญ โดยเมื่อพิจารณาจากการ Halving แล้ว คาดว่าทั้ง 21 ล้านเหรียญจะถูกขุดออกมาครบภายในปี 2140 หรืออีกประมาณ 120 ปีข้างหน้า

มุมมองของนักลงทุนต่อ Bitcoin Halving 

เหตุการณ์ Bitcoin Halving นับว่าเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ Bitcoiner และนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลรอคอย โดยต่างหวังว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นตามที่เคยเกิดขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง PlanB ก็ได้ออกมาย้ำถึงการวิเคราะห์ว่า Bitcoin Halving จะสามารถกระตุ้นราคาเหรียญขึ้นไปแตะ 32,000 และในปี 2025 อาจสามารถขึ้นไปทำราคาที่ 100,000 ดอลลาร์ได้อีกด้วย

ในทางกลับกันฝั่ง JP Morgan และ Warren Buffet ยังคงมองโลกของ Bitcoin ในแง่ลบท่ามกลางกระแส Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ที่ใกล้จะเข้ามาถึง โดยพวกเขาได้ยังได้ให้ความเห็นในมุมของการเตือนคงระมัดระวังและงดเว้นจากการถือครอง Bitcoin ในพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะ Warren Buffett นักลงทุนผู้มีชื่อเสียงระดับโลกยังคงมุมมองที่ไม่เชื่อใน Bitcoin เช่นเคยและเน้นย้ำถึงการที่บิตคอยน์ไม่ได้มีคุณค่าและประโยชน์ใช้สอยเท่าที่ควร ส่วน Berkshire Hathaway ก็ประกาศชัดว่าจะไม่มีการลงทุน Bitcoin ใด ๆ เช่นกัน

บทสรุป

Bitcoin Halving นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ก่อให้เกิดความสมดุล โดยการกำหนดให้บิตคอยน์มีอยู่อย่างจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญและการยืดระยะเวลาในการขุดให้กว่าจะถูกขุดออกมาครบภายในปี 2140 ส่งผลให้เกิดสภาวะที่อุปทานของสินทรัพย์ลดน้อยลง ขณะที่อุปสงค์กลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยตามทฤษฎีแล้วราคาของสินทรัพย์อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการคาดการณ์โดยวิเคราะห์จากข้อมูลในอดีตเท่านั้น ไม่สามารถรับรองได้ว่าราคา Bitcoin จะปรับขึ้นลงมากน้อยเพียงใดหลังจากการเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่จะถึงนี้ นักลงทุนควรศึกษาก่อนการลงทุนอย่างรอบคอบและมีการบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม รวมถึงการศึกษาทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้ละเอียด

อ้างอิง: Bitcoin Halving Countdown, Bitkub Blog, Coinmarketcap, Siamblockchain