Microsoft นำโครงการระดับโลก AI for Good มายังประเทศไทย มุ่งสร้างผลเชิงบวกเพื่อคนไทยทุกกลุ่ม | Techsauce

Microsoft นำโครงการระดับโลก AI for Good มายังประเทศไทย มุ่งสร้างผลเชิงบวกเพื่อคนไทยทุกกลุ่ม

Microsoft สานต่อพันธกิจในการเสริมศักยภาพให้กับทุกคนและทุกองค์กร นำโครงการระดับโลก “AI for Good” สู่ประเทศไทยเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม AI สรรสร้างแนวคิดและแนวปฏิบัติใหม่ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนไทยในทุกระดับและทุกภูมิภาค บนพื้นฐานของความปลอดภัยและไว้ใจได้ สร้างความอุ่นใจให้กับทุกคน โดยโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้นักคิด นักสร้างสรรค์ในไทยได้ใช้ศักยภาพทางเทคโนโลยีเต็มรูปแบบจากคลาวด์และ AI ของ Microsoft เพื่อจุดประกายการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน เปิดกว้าง และเท่าเทียมยิ่งขึ้น

โครงการ AI for Good ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยปัจจุบันครอบคลุมการพัฒนาใน 5 ด้าน ได้แก่:

  1. AI for Earth – การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
  2. AI for Health – การสร้างเสริมสุขภาพทั้งในระดับตัวบุคคลและชุมชน
  3. AI for Accessibility – การเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้มีความบกพร่อง
  4. AI for Humanitarian Action – การยกระดับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้อพยพและไร้ถิ่นฐาน พร้อมปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงความต้องการพื้นฐานของผู้หญิงและเยาวชน
  5. AI for Cultural Heritage – การรักษามรดกและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไปอย่างมีคุณค่า

คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับประเทศไทยแล้ว เส้นทางการพัฒนานวัตกรรม AI เพิ่มจะเริ่มต้นขึ้น และยังมีโอกาสอีกมากให้เราได้ค้นหาและสร้างสรรค์ต่อไป ในภาคธุรกิจ AI ได้พิสูจน์ตัวเองไปแล้วในฐานะเทคโนโลยีที่สามารถขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้พลิกรูปแบบและเติบโตต่อไปได้ แต่เราเชื่อว่า AI สามารถยังมีศักยภาพอีกมากในการทำให้โลกของเราเติบโตอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น สร้างโอกาสให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับทุกคน เรากำลังเปลี่ยนความเชื่อนี้ให้กลายเป็นความจริงผ่านโครงการ AI for Good ซึ่งพร้อมสนับสนุนให้นักคิดในประเทศไทยได้นำเทคโนโลยีมาสานฝันของพวกเขาให้เป็นจริง”

AI เพื่อความเท่าเทียม: Vulcan Coalition เปิดประตูสู่โอกาสจาก AI ให้กับผู้ที่มีความบกพร่อง

บริษัท วัลแคน โคอะลิชั่น ธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งพัฒนา AI ด้วยทรัพยากรข้อมูลจากฝีมือของผู้พิการ ถูกก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่าคนทุกคนมีความสามารถพิเศษเฉพาะของตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ได้จุดประกายโครงการล่าสุดของทางบริษัท นั่นคือการสร้างสรรค์โซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการสามารถตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย อาการป่วย และเช็คอินเมื่อเข้าสู่สถานที่หรืออาคารต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถใช้กล้องตรวจสอบว่าแต่ละคนใส่หน้ากากอยู่หรือไม่ ด้วยระบบ AI ที่ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ทีมงานของวัลแคนตระหนักดีว่าการฝึกสอน AI ที่สามารถแยกแยะภาพใบหน้าคนใส่หน้ากากได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลภาพถ่ายจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ทางทีมงานจึงตัดสินใจนำกลุ่มผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินให้เข้ามามีบทบาท ใช้ความไวในการสังเกตการณ์ด้วยสายตามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบการฝึก AI ในระบบ Vulcan Data Labeling Platform เพื่อสร้างความสามารถที่เหนือขึ้นไปอีกให้กับระบบ

คุณเมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัลแคน โคอะลิชั่น กล่าวว่า “ในประเทศไทย การพัฒนา AI ยังมีขีดจำกัดจากปริมาณข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการรับรองความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของ AI ในการใช้งานจริง การชักชวนให้ผู้พิการเข้ามาสวมบทบาทผู้ฝึก AI ในโครงการ AI Trainers by Disabilities ของเรา จะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดนี้และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการจ้างงานให้กับพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน โดยในท้ายที่สุดแล้ว จะช่วยให้สังคมสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้ เราจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ ควบคู่กับความร่วมมือกับพันธมิตรที่เหมาะสม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้แน่ใจว่าโอกาสที่เรามอบให้จะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่มีความต้องการโอกาสนั้นมากที่สุดได้”

เพื่อเป็นการสานต่อศักยภาพของระบบนี้ Vulcan Coalition ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion Agency หรือ DEPA) และบริษัทเอกชนจากหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเตรียมความพร้อมผู้พิการด้วยทักษะเชิงดิจิทัลที่จำเป็น และช่วยให้พวกเขาก้าวต่อไปได้ในยุคดิจิทัล ในฐานะผู้ฝึก AI

นอกจากนี้ ทีม Vulcan Coalition ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน AI for Accessibility Virtual Hackathon ในประเทศไทย โดยการแข่งขันดังกล่าวเปิดให้พันธมิตรของ Microsoft นักพัฒนาอิสระ สตาร์ทอัพ และมหาวิทยาลัยใน 9 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ได้เข้าชิงชัยด้วยการคิดหาวิธียกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการและผู้ที่มีความบกพร่องใน 3 ด้านใหญ่ ๆ ดังนี้:

  1. ความปลอดภัยและสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน
  2. การสื่อสารและสานสัมพันธ์กับผู้อื่น
  3. การเพิ่มโอกาสในการทำงาน

คณะกรรมการจากไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิคนตาบอดไทย มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาผู้พิการ และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ได้ตัดสินให้ทีม Vulcan Coalition ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยได้รับเงินรางวัลพร้อมด้วยสิทธิพิเศษเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลงานต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและการสนับสนุนอื่น ๆ ในกรณีที่ยื่นขอรับทุนจากโครงการ AI for Good การลิสต์รายชื่อบนเว็บไซต์ Microsoft Azure Marketplace และอื่น ๆ อีกมากมาย

AI เพื่อสิ่งแวดล้อม: โครงการ “Sensor for All” โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 บนเส้นทางสู่อากาศบริสุทธิ์ พร้อมสร้างความตระหนักรู้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์ด้านมลภาวะทางอากาศของประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล โดยเมื่อฤดูหนาวมาเยือน หมอกควันสีน้ำตาล-เทาที่คุ้นเคยก็จะลอยปกคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร จนทำให้การใส่หน้ากากอนามัยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนเมือง นับตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เสียอีก

ภายใต้จุดมุ่งหมายที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้จัดตั้งโครงการ Sensor for All เพื่อรวบรวมความเชี่ยวชาญและทรัพยากรจากหลากหลายอุตสาหกรรมและภาคส่วนมาเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์นี้ร่วมกัน ซึ่งในปี 2561 โครงการดังกล่าว ได้ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ AI for Earth ของ Microsoft ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ทีมงาน Sensor for All ได้รับทรัพยากรบนระบบคลาวด์ของ Microsoft รวมเป็นมูลค่า 30,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของโครงการ รวมถึงการสร้างแดชบอร์ดข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่ทำงานบนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ด้วย

โครงการ Sensor for All ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่สามอย่างเต็มตัวแล้ว โดยยังคงได้รับการสนับสนุนจากโครงการ AI for Earth อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แผนงานเพื่อขยายเครือข่ายเซ็นเซอร์ไปยัง 500 จุดทั่วประเทศ นอกจากจำนวนเซ็นเซอร์ที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว อุปกรณ์แต่ละชิ้นยังจะได้รับการตั้งค่าและทดสอบโดยละเอียดเพื่อให้สามารถแยกแยะอนุภาคฝุ่นออกจากอนุภาคอื่น ๆ ในอากาศ เช่นละอองน้ำ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Sensor for All อย่างเป็นทางการสำหรับสมาร์ทโฟนเร็ว ๆ นี้

ด้าน ศ.ดร. สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสริมว่า “ตลอดปีหน้านี้ ระบบคลาวด์ของ Microsoft จะเข้ามาช่วยขยายความสามารถของโครงการ Sensor for All ในหลาย ๆ ด้าน นอกเหนือจากการรายงานการวัดค่า AQI  PM 2.5 และ PM 10 แบบเรียลไทม์แล้ว เรากำลังคิดค้นวิธีที่แม่นยำมากขึ้นในการประเมินระดับมลภาวะทางอากาศที่ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันแต่ละรายได้สัมผัสจริง และเรายังจะใช้ความสามารถของ AI ในการคาดการณ์ระดับมลพิษทางอากาศล่วงหน้า เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเตรียมตัวและป้องกันตนเองได้ดีขึ้น”

“เป้าหมายของ AI for Earth คือการนำคลาวด์และ AI มาเติมเต็มศักยภาพการทำงานให้ทีมวิจัยและผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อปกป้องโลกของเรา โดย Sensor for All เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของงานวิจัยและพัฒนาที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงกับทั้งสิ่งแวดล้อมและชีวิตประจำวันของเรา” นายธนวัฒน์กล่าวเสริม “การขยายขอบเขตของโครงการในปีนี้จะช่วยให้เราได้เข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศเชิงลึกจากแต่ละท้องที่ อย่างรวดเร็วฉับไวยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการนำมาวิเคราะห์ต่อยอดด้วย AI ก่อนจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับสาเหตุของมลภาวะนี้ พร้อมเพิ่มโอกาสในการนำอากาศที่สะอาดสดชื่นกลับสู่ปอดของคนไทย”

ในขณะเดียวกัน Microsoft ได้วางเป้าหมายระดับโลกด้านความยั่งยืนในระยะยาว เพื่อมุ่งสู่สถานะคาร์บอนเป็นลบ (Carbon Negative) และคืนน้ำสะอาดสู่สภาพแวดล้อมให้มากกว่าปริมาณน้ำที่ใช้จริง (Water Positive) ภายในปี 2573 ขณะที่ข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัลมากมายจะถูกนำไปพัฒนาให้เกิดเป็น “คอมพิวเตอร์เพื่อโลก” (Planetary Computer) ที่รองรับการจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมทั่วโลก เปิดประตูสู่การค้นพบใหม่ ๆ เกี่ยวกับระบบนิเวศรอบตัวเรา พร้อมสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย

AI เพื่อการสาธารณสุข: กระทรวงสาธารณสุขดึงพลังจากข้อมูล ต้านภัยโควิด-19 ด้วยความคล่องตัวในการจัดการทรัพยากร

เมื่อไม่นานมานี้ Microsoft ได้ให้การสนับสนุนกับ Feedback180 สตาร์ทอัพไทยผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ ในการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพัฒนาแดชบอร์ด (dashboard) กลางสำหรับติดตามข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และทรัพยากรทางการแพทย์ทั่วประเทศไทย ซึ่งรวมไปถึงเตียง เวชภัณฑ์ ยา หรือแม้แต่บุคลากร เพื่อรับมือกับการระบาดได้อย่างทันท่วงที พร้อมให้หน่วยงานกลางสามารถสั่งการได้จากข้อมูลที่มีความแม่นยำเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 และยังเสริมประสิทธิภาพให้โรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ตอบสนองต่อสถานการณ์การระบาดได้คล่องตัวและฉับไวยิ่งขึ้น

ระบบแดชบอร์ดนี้พัฒนาขึ้นโดยใช้ Power BI เครื่องมือวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลเชิงลึกจาก Microsoft ซึ่งทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure เพื่อสมรรถนะและความยืดหยุ่นสูงสุดในการใช้งานจริง โดยนอกจากการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความแม่นยำแล้ว ระบบนี้ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยเพื่อประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า ให้โรงพยาบาลในแต่ละท้องที่สามารถเตรียมการรับมือและช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันท่วงที

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...

Responsive image

ทีทีบี เปิดตัว ttb smart shop พร้อม “ปังปัง” มังกรน้ำเงินมงคล ผู้ช่วยร้านค้าแบบครบวงจร

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี นำโดย นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ พร้อมด้วย นางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจ เปิดตัวฟีเจอร...