กระทรวงวิทย์ฯ แถลงก้าวต่อไปของ STARTUP Thailand ปั้น “เด็กอาชีวะ” สู่การเป็น startup รุ่นใหม่ | Techsauce

กระทรวงวิทย์ฯ แถลงก้าวต่อไปของ STARTUP Thailand ปั้น “เด็กอาชีวะ” สู่การเป็น startup รุ่นใหม่

หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากงาน “Startup Thailand 2017” ที่สร้างกระแสความตื่นตัวในธุรกิจ Startup ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งประชาชนและนักธุรกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ “อรรชกา”เผยแผนปั้น “เด็กช่าง” สู่การเป็น startup นักรบเศรษฐกิจรุ่นใหม่ ตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้เด็กไทยหันมาสนใจและอยากเรียนอาชีวศึกษา และเร่งปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อการทำธุรกิจ startup พร้อมดัน startup ไทยให้เติบโต ในงาน “Startup Thailand 2018 – INVEST NATION” หนุนการลงทุนจากต่างชาติ

ดร. อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่างาน “Startup Thailand 2017” ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับการจัดงานที่กรุงเทพฯ หลังจากตระเวนจัดใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ  นอกจากเกิดกระแสความตื่นตัวในธุรกิจ “สตาร์ทอัพ” เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งประชาชนและนักธุรกิจในภูมิภาคทั่วประเทศแล้ว ยังเกิดผลเป็นรูปธรรมหลายด้าน อาทิเช่น  เกิดเม็ดเงินลงทุนมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท เกิดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและเริ่มดำเนินธุรกิจจริงกว่า 700 ราย เกิดการจ้างงานใหม่กว่า 7,500 อัตรา ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นกำลังแรงงานที่มีทักษะทางเทคโนโลยีและทักษะด้านความเป็นผู้ประกอบการสูง เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นการเติบโตของการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นสูงจากปี 2559 กว่า 50% และสูงกว่าปี 2558 กว่า 200% สร้างความสนใจในธุรกิจสตาร์ทอัพกระจายไปในทุกภาคส่วน

จากวันนั้น เกิดภารกิจเร่งด่วนและความท้าทายหลายประการ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ความท้าทายแรกประการแรก การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อลดปัญหาอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของสตาร์ทอัพในประเทศไทย โดยคณะกรรมการวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ ได้เห็นชอบ ร่าง “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” เพื่อให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจของสตาร์ทอัพในประเทศไทยมากขึ้น ใน 4 ประเด็น ได้แก่ เปิดช่องให้สตาร์ตอัพสามารถออกหุ้นกู้แปลงสภาพได้ สามารถทยอยให้หุ้นแก่พนักงานของสตาร์ตอัพได้ ให้พนักงานมีสิทธิซื้อหุ้นในราคาที่กำหนดได้ และสามารถแก้ไขสิทธิในหุ้นบุริมสิทธิโดยใช้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้

อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์เหล่านี้ อาจยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดให้นักลงทุนทั้งกลุ่มที่ไม่หวังผลตอบแทน (Angle Investor) และธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital (VC) มาลงทุนกับสตาร์ทอัพไทยได้  คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ จึงมีมติให้ดำเนินการยกร่าง "พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ" ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น กฎหมายดังกล่าวจะมีทั้งหมด 4 หมวด ประกอบด้วย หมวดที่ 1 นิยามของสตาร์ทอัพ คือกิจการที่จดทะเบียนไม่เกิน 60 เดือน ต้องทำธุรกิจที่มีนวัตกรรม มีการวิจัยและพัฒนา   หมวดที่ 2 จัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน หมวดที่ 3 สิทธิประโยชน์ที่จะให้กับสตาร์ทอัพ โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี ทั้ง 3 กลุ่ม และหมวดที่ 4 จัดตั้งศูนย์ทดสอบและนวัตกรรม เพื่อรับรองมาตรฐานให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ

ความท้าทายประการที่สอง การวางรากฐานและพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการเติบโตของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่ผ่านมากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้เริ่มทำงานร่วมกับ 30 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ก่อให้เกิดมหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ (Entrepreneurial University) ที่มีการพัฒนาหลักสูตร การสร้างภาวะความเป็นผู้ประกอบการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในมหาวิทยาลัย การสร้าง Co-working space ในมหาวิทยาลัย 30 แห่ง และการพัฒนาแนวคิดสู่ธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่

โดยในปี 2561 นี้ เราได้ขยายโอกาสการเข้าสู่สตาร์ทอัพในกลุ่มนักเรียนอาชีวะ โดยมุ่งผลักดันการสร้างวิธีคิด การสร้างทักษะของการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อสร้าง “นักรบใหม่ทางเศรษฐกิจ” ให้เกิดขึ้น  โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำเด็กนักเรียนอาชีวะพัฒนาสู่ความเป็นสตาร์ทอัพ โดยการจัด Thailand Pitching Challenge “อาชีวะ R-League” กำหนด 1,000 ทีมตั้งต้น จัดประกวด 3 รอบ คัดให้เหลือ 50 ทีมสุดท้าย เพื่อเข้าค่ายอบรม เสริมสร้างความรู้ด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบ่มเพาะการก้าวเป็นสตาร์ทอัพรายใหม่ จากนั้นแข่งขันคัดเหลือ 10 ทีมสุดท้าย ที่จะเข้าร่วม Thailand Pitching Challenge “อาชีวะ R-League”  ในงาน STARTUP Thailand 2018  หาผู้ชนะ 3 ทีม ก่อนนำไปศึกษาดูงานต่างประเทศ และสนับสนุนต่อยอดการลงทุนเป็นสตาร์ทอัพต่อไป

ดร. ทรรศนะ บุญขวัญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง EN-TECH กล่าวว่า การแข่งขัน “อาชีวะ R-League” จะเป็นแม่เหล็กสำคัญให้นักเรียนอาชีวะได้ร่วมพัฒนาสร้างนวัตกรรมในสาขาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้  รวมทั้งการนำนักเรียนอาชีวะเข้าสู่การพัฒนาเป็นสตาร์ทอัพยังเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการศึกษาเพื่อการมีงานทำ และช่วยให้เด็กไทยอยากเรียนอาชีวศึกษามากขึ้นอีกด้วย

และความท้าทายประการสุดท้าย คือ การพัฒนาสตาร์ทอัพไทย ที่ผ่านมาสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ยังมองตลาดในประเทศเป็นหลัก และมีจำนวนไม่มากนักที่สามารถเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้   กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงเร่งพัฒนาระบบบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพ ให้มีความสามารถในการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ

เราจะดำเนินการพัฒนาในรายสาขา (Sector) สำคัญๆ ที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจประเทศ ได้แก่ สุขภาพ (HealthTech) ภาครัฐ (GovTech) เกษตร (AgTech) อาหาร (FoodTech) และท่องเที่ยว (TravelTech) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันผลักดันและพัฒนาสตาร์ทอัพไทยในรายสาขาให้โดดเด่นขึ้น ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และในปี 2561 จะมีการจัดกิจกรรมและประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนาสตาร์ทอัพรายสาขา ในรูปแบบของ Festival ได้แก่ Health FEST 2018, Gov FEST 2018, FARM FEST 2018, DREAM FEST 2018

ดร.อรรชกา ได้ตอกย้ำว่า ความชัดเจนของการพัฒนาสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดต่างประเทศคือก้าวสำคัญของการจัดงาน STARTUP Thailand 2018 ที่จะจัดขึ้นในกลางปี 2561 ภายใต้แนวคิด INVEST NATION ที่เน้นเรื่องการลงทุนจากต่างชาติ โดยจะเชิญนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในสตาร์ทอัพไทย  ตั้งเป้าหมายให้เกิดการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ  เพื่อให้งาน STARTUP Thailand กลายเป็นงานสตาร์ทอัพระดับโลก ขยายพื้นที่จัดงานขึ้นเป็น 25,000 ตารางเมตร พร้อมเปิดกิจกรรมใหม่ขึ้นภายในงาน 4 Global Concept ได้แก่ Global Hack ในสตาร์ทอัพ 9 สาขาธุรกิจ  Global Connect เชื่อมโยงกลุ่มประเทศ CLMV และเอเชีย  Global Investment เร่งเป้าหมายการลงทุนจากต่างชาติทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป และ Global Market Place นำสินค้าของสตาร์อัพมาทำการซื้อขายแก่ประชาชน ตั้งเป้า 600 รายจากทั่วโลก เพื่อเปิดช่องทางการตลาดให้คนรู้จักธุรกิจสตาร์ทอัพมากขึ้น และเป็นช่องทางการซื้อขายสินค้าที่สำเร็จรูปแล้วแก่นักลงทุนด้วย

STARTUP Thailand 2018 จะเป็นเวทีที่แสดงความพร้อมของประเทศไทยที่จะร่วมมือกับทุกประเทศ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพจากภูมิภาคเอเชียและจากทั่วโลก เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และทำงานร่วมกับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทย นักลงทุนไทย เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านสตาร์ทอัพของภูมิภาค  และเพื่อให้ประเทศไทยมี Unicorn รายที่สอง สาม สี่ ต่อจาก OMISE โอมิเซะ สตาร์ทอัพไทยรายแรกที่เป็น Unicorn ระดับพันล้านเหรียญ ได้ในที่สุด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม startupthailand

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...