NIA จับมือ ธ.ก.ส. หนุนสินเชื่อไร้ดอกเบี้ย 3 ปี พัฒนาอุตสาหกรรม AgTech ในภาคเกษตรกรรมไทย | Techsauce

NIA จับมือ ธ.ก.ส. หนุนสินเชื่อไร้ดอกเบี้ย 3 ปี พัฒนาอุตสาหกรรม AgTech ในภาคเกษตรกรรมไทย

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์กรมหาชน) หรือ NIA พร้อมด้วยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. หนุนการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการจัดการสินค้าเกษตรให้กับธุรกิจชุมชน ผู้ประกอบการภาคเกษตรและวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก 

พร้อมจัดทำโครงการนวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน และ NIA รับชำระดอกเบี้ยแทน 3 ปีแรกสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อโครงการ พร้อมตั้งเป้าสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและพัฒนาภาคเกษตรไทย อย่างยั่งยืน

นายสุรชัย รัศมี รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า NIA และ ธ.ก.ส. ได้บูรณาการในการทำงานร่วมกันมา อย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ การสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้านการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตให้กับเกษตรกร ธุรกิจชุมชน ผู้ประกอบการภาคเกษตรและ Startup รวมถึงผลักดันให้เกิดธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ที่นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการผลิต การจัดการสินค้าเกษตรและการพัฒนาทรัพยากรการเกษตรร่วมกับการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 

โดยแนวทางความร่วมมือจะเน้นพัฒนาหลักสูตรการบ่มเพาะธุรกิจชุมชนที่สามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร สร้างการเปลี่ยนแปลงจากเกษตรดั้งเดิมสู่เกษตรสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต สอดคล้องกับนโยบายเกษตร 4.0 และการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “BCG” คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อภายใต้โครงการ “นวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย” ให้กับผู้ประกอบการภาคเกษตรหรือผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมและ Startup นำไปใช้ในการพัฒนาต้นแบบหรือเทคโนโลยีที่สามารถนำไปสู่กระบวนการผลิตได้จริงหรือพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ สิทธิบัตรหรือเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิม ในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน MLR + 2% (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี) โดย NIA จะเป็นผู้สนับสนุนด้านดอกเบี้ยด้วยการชำระดอกเบี้ยแทนผู้ประกอบการธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการเป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินดอกเบี้ยสูงสุด ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อโครงการอีกด้วย

“ก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.และ NIA ได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรมมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจในวงกว้างและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมี 2 ตัวอย่างผู้ประกอบการ ได้แก่ 

1) บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด โครงการสถาบันวิจัยรสชาติอาหาร บริการวิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องปรุงรสครบวงจรด้วยวิธีการผลิตแบบ Cellular Manufacturing ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับประเทศด้านรูปแบบธุรกิจและบริการวิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องปรุงรสแบบครบวงจร โดยการแบ่งปันทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของบริษัท ได้แก่ นักวิจัย วัตถุดิบเครื่องเทศ และเครื่องจักรประกอบกับการใช้วิธีการผลิตแบบ Cellular Manufacturing ซึ่งเน้นการผลิตขนาดเล็ก แต่เร็ว และยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถวิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องปรุงรสรสชาติใหม่ ๆ ได้ในราคาถูก รวดเร็ว สามารถขยายกำลังการผลิตได้ โดยรสชาติไม่ผิดเพี้ยน ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการและลดความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี 

 2) บริษัท ดำเนินฟู้ด จำกัด โครงการเครื่องบรรจุวุ้นมะพร้าวอินทรีย์แบบอัตโนมัติพร้อมอุโมงค์ลดอุณหภูมิแบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับประเทศที่ใช้ระบบการดึงความร้อนผ่านตัวผลิตภัณฑ์ ที่สามารถลดอุณหภูมิจาก 80-90 องศาเซสเซียส เหลือ 50-55 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 10-20 นาที ซึ่งช่วยลดการเกิดฟองอากาศบริเวณผิวหน้าของวุ้น และเพิ่มกำลัง การผลิตได้ถึง 3 เท่าต่อวัน อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบและส่วนผสมจากธรรมชาติ คือ ตัววุ้นผลิตจากสาหร่ายแดงและผงบุกผสมกับน้ำมะพร้าวอินทรีย์ เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และช่วยส่งเสริมการเพาะปลูกมะพร้าวอินทรีย์ให้แก่เกษตรกรชาวสวนมะพร้าว”

ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สำหรับการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเกษตร และ โครงการนวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย ในครั้งนี้ NIA และ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ กระตุ้น สนับสนุน ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม และผลักดันธุรกิจนวัตกรรม เพื่อเอื้อให้การเกษตรของประเทศไทยมุ่งสู่การเกษตรแนวใหม่ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร การพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต การจัดการสินค้าเกษตร และการพัฒนาทรัพยากรการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรและความมั่งคั่งด้านอาหาร

สำหรับการขยายผลธุรกิจนวัตกรรมผ่านโครงการนวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ยนั้น NIA จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้แทนผู้ประกอบการนวัตกรรม ในวงเงินสนับสนุนดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อโครงการ ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี และ ธ.ก.ส. จะเป็นผู้รับผิดชอบวงเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการนวัตกรรม เป็นการร่วมผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรมมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจในวงกว้างและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ NIA และ ธ.ก.ส. ยังร่วมกันสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง Startup ด้านการเกษตรกับเกษตรกร ทายาทเกษตรกร ผู้ประกอบการ SME และสถาบันเกษตรกร ให้เข้าถึงการรับรู้และสามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างโอกาสการขยายผลนวัตกรรมการเกษตรสู่การใช้งานจริงของเกษตรกรไทย 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่เข้มแข็งในการพัฒนานวัตกรรมในภาคเกษตรของไทยให้ยืนอยู่ได้ในสถานการณ์โลกที่ผันแปร ทั้งยังเป็นเครื่องมือและอาวุธสำคัญที่จะช่วยพลิกโฉมการเกษตรไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสการเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรระดับโลกในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อเปลี่ยนผ่านเกษตรกรไปสู่ Smart Farmer สอดคล้องกับนโยบายระดับชาติ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือSEP to SDG ส่งผลให้เกิดการพลิกโฉมของการเกษตร (AgTech Transformation) ของประเทศได้อย่างยั่งยืน

“การผลักดันให้เกิดธุรกิจนวัตกรรมและ Startup ด้านการเกษตรถือเป็นสาขาอุตสาหกรรมที่ NIA ให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ เนื่องจากปัจจุบันแม้ว่าจะประชากรหลายล้านคนของประเทศจะอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งเกษตรกร SME Startup หรือบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ได้มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เท่าที่ควร ทำให้ธุรกิจที่มาช่วยแก้ปัญหาของเกษตรกรจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการและทำให้การเกษตรไทยเติบโตได้ในระดับปานกลางเท่านั้น ถัดมาคือต้องการสร้างธุรกิจที่ตรงกับโจทย์ความต้องการด้านการเกษตรของแต่ละพื้นที่ เช่น การเกษตรแบบแม่นยำ ธุรกิจหรือ Startup ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาราคาผลผลิต หรือแม้แต่กระทั่งลดปัญหาความไม่แน่นอนของสภาวะทางธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ปัญหาของภาคเกษตรยังมีอีกจำนวนมาก 

จึงเป็นโอกาสสำหรับ Startup หรือคนที่สนใจให้สามารถหยิบนำปัญหาที่มีอยู่มากมายเหล่านี้มาต่อยอดเป็นธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมุ่งหวังที่จะพลิกโฉม หรือปรับภาพจากด้านการเกษตรแบบเดิม ๆ ที่คุ้นตากันเพียงในเรื่องของการเพาะปลูก การแปรรูป การผลิตสินค้าขั้นกลางต่อยอดไปสู่การผสมผสานกับแนวคิดธุรกิจที่มีความสร้างสรรค์ หรือบริการที่มีความเป็นนวัตกรรม ซึ่งหากทำได้มากขึ้นอุตสาหกรรมเกษตรไทยก็จะมีการเติบโต และสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าที่ผ่านมามากขึ้นเช่นกัน” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้าย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...