สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) จัดปฐมนิเทศ “โครงการบ่มเพาะธุรกิจซอฟต์แวร์รุ่นที่ 14 (Success)”
เพื่อแนะนำโครงการและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการและหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ แก่ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์และไอทีกว่า 50 รายที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง เกิดการต่อยอดความสำเร็จ และเรียนลัดจากประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้ว ภายใต้แนวคิดหลัก “แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน แบ่งกันรวยช่วยกันโต และพร้อมรับโอกาสดีๆ ในชีวิต” ชี้ที่ผ่านมา โครงการ Success ดำเนินมาแล้ว 3 ปี เกิดผู้ประกอบการไอทีจำนวนมาก สามารถสร้างยอดขายรวมมากกว่า 370 ล้านบาท และมีส่วนในการจ้างงานแล้วกว่า 600 อัตรา พร้อมตั้งเป้าเป็นศูนย์รวมแหล่งโอกาสสำหรับธุรกิจซอฟต์แวร์และไอทีระดับเริ่มต้น
นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ รุ่น 14 หรือ Success ในปีนี้ เป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์และ
นวัตกรรมที่มีผลงานออกสู่ตลาดแล้วจำนวนกว่า 50 ราย เพื่อเข้าร่วมบ่มเพาะธุรกิจ โดยศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. ได้เน้นเรื่องการเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้ตรงกับความสามารถของผู้ประกอบการที่จะนำไปสู่การกำหนดทิศทางในการพัฒนาของตนให้ได้ว่าจะเป็นการวางแผนธุรกิจหรือ Startup ประเภทใด เพื่อที่จะมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมและเป้าหมายที่ชัดเจน โดยศูนย์บ่มเพาะฯ จะเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ในหลายกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มที่ยังมีเพียงแนวคิด โดยใช้โครงการเถ้าแก่น้อยเทคโนโลยีเป็นตัวผลักดัน ส่วนกลุ่มที่มีแผนธุรกิจแล้วแต่ยังไม่เกิดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หรือยังอยู่ในช่วงการทดสอบความเป็นไปได้ (proof of concept) จะมีโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่หรือ NEC เข้ามารองรับ เมื่อผ่านทั้งสองขั้นตอนนี้แล้วหรือเป็นผู้ประกอบการที่มีผลงานออกสู่ตลาดแล้ว จะใช้โครงการ Success เข้ามาบ่มเพาะต่อไป”
นายเฉลิมพล กล่าวต่อว่า “การดำเนินโครงการ Success ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. มีการสร้างให้เกิดผู้ประกอบการซอฟต์แวร์และนวัตกรรมจำนวนมาก สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากกว่า 370 ล้านบาท และมีส่วนในการจ้างงานแล้วกว่า 600 อัตรา ส่วนเป้าหมายยอดขายในปีนี้ทางผู้ประกอบการแต่ละรายที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นผู้กำหนดเป้าหมายตนเองร่วมกับพี่เลี้ยง หลังจากนั้นทางซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช. จะส่งทีมที่ปรึกษาเข้าประกบเพื่อให้คำปรึกษาตามแผนบ่มเพาะจนสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ภายในระยะเวลาโครงการ”
“สิ่งที่เพิ่มเติมของโครงการในปีนี้คือ ศูนย์บ่มเพาะฯ จะมีงบสนับสนุนกิจกรรมพิเศษ ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการได้รวมกลุ่มกันคิดกิจกรรมที่ต้องการจะทำร่วมกันเป็นกลุ่ม เช่น สัมมนาดึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นต้น คาดว่าจะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการในโครงการสามารถช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการได้เป็นอย่างมาก เช่น การขยายโอกาสไปที่ประเทศลาว อินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรแกรมให้ผู้ประกอบการได้พบกับนักลงทุนหรือ Venture Capital (VC) ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเตรียมการในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะกับความต้องการของกลุ่มเหล่านี้ อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐอาจจะมีการปรับปรุงเงื่อนไขในการเข้าถึงแหล่งทุนให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม คาดว่าในกลุ่มนี้จะมีนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจในการร่วมทุนและทำธุรกรรมการเงินด้วย”
“จุดสำคัญของโครงการ Success คือเป็นโครงการที่สร้าง Community หรือชุมชนของบริษัทซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยสมาชิกของกลุ่มจะสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่รวมตัวกันจัดตั้งโซลูชั่น ช่วยกันหาลูกค้า แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน แลกเปลี่ยนทรัพยากรภายในเครือข่าย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และงานของลูกค้าให้เสร็จทันเวลา ถือเป็นสังคมของการเกื้อกูลที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกันในอนาคต และเป็นการปิดช่องว่างข้อจำกัดของการเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่การเจาะตลาดต่างประเทศ ซอฟต์แวร์พาร์ค สวทช.มองเห็นศักยภาพของกลุ่ม Success อย่างมาก โดยจะจัดให้มีกิจกรรมสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น โดยสมาชิกของกลุ่มนี้มีแนวโน้มจับตลาดในระดับโลกมากขึ้น อีกทั้งมีการจ้างแรงงานจากต่างประเทศ และการร่วมทุนจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน” นายเฉลิมพล กล่าวสรุป
ที่มา: NSTDA
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด