SCB EIC เผยผลสำรวจการประกอบการธุรกิจของบริษัทใหม่ที่อยู่ในข่าย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบาลรัฐบาลไทย พบว่าแม้มีสัดส่วนบริษัทที่ขาดทุนมากกว่า แต่ในบริษัทที่ทำกำไรได้จะมีกำไรเฉลี่ยมากกว่าบริษัทนอกอุตสาหกรรมเป้าหมายถึง 2 เท่า
ภาครัฐได้มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อยกระดับศักยภาพของประเทศ โดยการให้สิทธิประโยชน์ทั้งทางด้านภาษีและเงินทุนสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการใน 10 อุตสาหกรรมซึ่งประกอบไปด้วย
อุตสาหกรรมเป้าหมายมีบริษัทหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าช่วงก่อนมีนโยบายสนับสนุน และเพิ่มมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น อัตราการเข้าสู่ธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (สัดส่วนของจำนวนบริษัทที่จัดตั้งใหม่ต่อจำนวนบริษัททั้งหมดในอุตสาหกรรมนั้น ๆ) ในช่วงปี 2558-2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 10.3เปอร์เซ็นต์ ต่อปี เพิ่มขึ้นจากอัตราในช่วงก่อนที่จะมีนโยบายสนับสนุน (ปี 2553-2557) ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 8.4 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และสูงกว่าอัตราการเข้าสู่ธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นในช่วงเดียวกันที่ 10.1 เปอร์เซ็นต์ ต่อปีซึ่งทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า สะท้อนว่ามาตรการสนับสนุนจากภาครัฐอาจมีส่วนช่วยในการกระตุ้นความสนใจในการเข้าสู่ธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม บางอุตสาหกรรมเป้าหมายมีอัตราการเข้าสู่ธุรกิจลดลงจากช่วงก่อนหน้า ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตพลังงานทดแทนที่ชะลอลงตามการสนับสนุนธุรกิจพลังงานทดแทนของภาครัฐที่ลดลง รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ชะลอลงตามภาวะอุตสาหกรรม
บริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายมีสัดส่วนของบริษัทที่ขาดทุนมากกว่าบริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมอื่น สัดส่วนของบริษัทหน้าใหม่ที่จัดตั้งในช่วงปี 2558-2560 ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน (กำไรติดลบ) ในปี 2560 อยู่ที่ 39.9 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนบริษัททั้งหมดในอุตสาหกรรมนั้น ๆ (เฉพาะบริษัทที่มีข้อมูลงบการเงิน) ขณะที่บริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมอื่นมีสัดส่วนของบริษัทที่ขาดทุนอยู่ที่เพียง 30.5 เปอร์เซ็นต์ โดยสาเหตุอาจมาจากการที่ธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายต้องอาศัยนวัตกรรมจึงต้องมีการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในระยะเริ่มต้น ดังนั้นผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้ามาในธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายควรมีการเตรียมความพร้อมในด้านการลงทุนในช่วงแรกและพร้อมเผชิญความเสี่ยงต่อการขาดทุนที่มากกว่า นอกจากนี้ ยังควรมีการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจที่รัดกุม เพราะธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายมีการเติบโตของรายได้สูงกว่าบริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมอื่น และหากมีกำไร จะมีการเติบโตของกำไรที่สูงกว่ามาก สำหรับบริษัทหน้าใหม่ที่จัดตั้งในช่วงปี 2558-2560 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อบริษัท 82.4 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในช่วงปี 2558-2560 ซึ่งสูงกว่าบริษัทหน้าใหม่ที่อยู่นอกกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีการเติบโตของรายได้ 76.4 เปอร์เซ็นต์ ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะบริษัทที่มีกำไรพบว่า บริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายมีกำไรขยายตัวเฉลี่ยถึงปีละ 49.5เปอร์เซ็นต์ เทียบกับบริษัทหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมอื่นที่มีกำไรขยายตัวเพียง 20.6เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนว่าแม้ธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายจะมีความเสี่ยงของการขาดทุนที่สูงกว่า แต่หากประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถเติบโตได้สูงกว่าธุรกิจอื่นอย่างชัดเจน โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของกำไรสำหรับบริษัทอุตสาหกรรมเป้าหมายนั้นอาจเป็นได้ทั้งจากความต้องการของสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมเติบโตสูงขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากมาตรการภาษีของภาครัฐ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ Inforgraphic จาก SCB EIC
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด