บทวิเคราะห์จาก SCBS : จับตาการดีเบตระหว่างรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 | Techsauce

บทวิเคราะห์จาก SCBS : จับตาการดีเบตระหว่างรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.-2 ต.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น ตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังออกมาดี เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการจ้างงานภาคเอกชน ประกอบกับความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ลดช่วงบวกลง ตามความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น หลังการโต้วาทีระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และนายไบเดนเป็นไปอย่างสูสี ประกอบกับได้มีรายงานการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประธานาธิบดีทรัมป์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเช่นกัน จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังธนาคารผิง อันของจีน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเอชเอสบีซี ได้เพิ่มการถือหุ้นเอชเอสบีซี นอกจากนี้ ดัชนีฯ ยังได้แรงหนุนจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อังกฤษ และสหภาพยุโรป จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ก่อนสิ้นปีนี้ สำหรับตลาดหุ้นจีน (A-Share) ปรับลดลง จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่มขึ้น หลังทางการสหรัฐฯ ได้สั่งควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ให้กับ SMIC บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน ประกอบกับมีแรงขายกำไรออกมาบางส่วน ก่อนที่ตลาดหุ้นจีนหยุดยาวในช่วงวันชาติจีน ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 8 ต.ค. ด้านราคาน้ำมันดิบปรับลดลงค่อนข้างมาก จากความกังวลด้านอุปทานที่เพิ่มขึ้น หลังมีรายงานว่าลิเบียและอิหร่านได้เพิ่มการส่งออกน้ำมัน รวมทั้งกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 1.6 แสนบาร์เรล นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นทั่วโลก อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันโลกในระยะต่อไป

มุมมองของเราในสัปดาห์นี้

ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ยังเคลื่อนไหวผันผวน ได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากแนวโน้มการส่งสัญญาณคงการดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายของธนาคารกลางหลักต่างๆ ทั้งจากรายงานการประชุมธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Fed) และยุโรป (ECB) และจากถ้อยแถลงของประธาน และสมาชิกของ Fed และ ECB รวมทั้ง สัญญาณความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนและยาต้านโควิด-19 หลังบริษัท AstraZeneca ประกาศเริ่มการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 อีกครั้งในญี่ปุ่น และบริษัทยังเปิดเผยว่า อยู่ในระหว่างการหารือกับสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เพื่อทำการทดลองในสหรัฐฯ อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ที่มีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะหากการโต้วาทีกันระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี และนางคามาลา แฮริส วุฒิสภาพรรคเดโมแครต ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ต่างมีการเน้นย้ำถึงประเด็นนี้ รวมทั้ง ความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังรอบใหม่ของสหรัฐฯ ความกังวลการระบาดระลอกใหม่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้ช่วงฤดูหนาว และความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไป ตลอดจนความเสี่ยงของประเด็น No-Deal Brexit ที่ยังมีอยู่ จะสร้างความผันผวน และยังคงกดดันการปรับเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นโลกโดยรวม

เหตุการณ์สำคัญ (KEY EVENTS)

·          ติดตามการระบาดของโควิด-19 และการใช้มาตรการ lockdown ในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและฝรั่งเศส ที่อัตราผู้ติดเชื้อใหม่ในระยะเวลา 14 วัน สูงถึง 330 และ 237 รายต่อประชากร 100,000 คน ตามลำดับ และส่งผลให้รัฐบาลสเปนกำหนดให้ร้านค้าและบริการสาธารณะให้บริการได้เพียง 50% ของความสามารถในการให้บริการตามปกติ รัฐบาลฝรั่งเศสมีแผนที่จะปิดร้านอาหารและสถานบันเทิงเป็นเวลา 15 วัน และนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เตือนว่า การระบาดของโควิด-19 ในอังกฤษยังไม่น่าไว้ใจยาวไปจนถึงช่วงคริสต์มาส

·          ติดตามประเด็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี และนางคามาลา แฮริส วุฒิสภาพรรคเดโมแครต มีกำหนดการโต้วาทีกัน ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ขณะที่ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 (แม้ว่า มีรายงานล่าสุด จากแพทย์ประจำทำเนียบขาวว่า อาการของประธานาธิบดีทรัมป์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม) ส่งผลให้ผลสำรวจบ่งชี้ว่า โอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งปรับลดลง สวนทางกับโอกาสของนายไบเดนที่ปรับเพิ่มขึ้น

·       ติดตามประเด็น Brexit โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้เตรียมดำเนินการทางกฎหมายกับอังกฤษ หลังจากที่สมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติของอังกฤษได้ผ่านร่างกฎหมาย Internal Market Bill ทั้งนี้ ประเด็นความขัดแย้งดังกล่าว อาจส่งผลกดดันการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน ทั้งนี้ ทางสหภาพยุโรป และอังกฤษจะต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันในการประชุม European Council ในวันที่ 15-16 ต.ค.นี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้มีการยื่นคำขาดว่า หากไม่ได้ข้อสรุปร่วมกันภายในวันดังกล่าว จะขอแยกตัวออกจากอังกฤษ แบบไม่มีข้อตกลง (No-deal Brexit) ในวันที่ 1 ม.ค.2021

·          ติดตามความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังรอบใหม่ของสหรัฐฯ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ร่างดังกล่าวอาจไม่ผ่านการเห็นชอบจากทางวุฒิสภาสหรัฐฯ ในระยะอันใกล้ ตามที่นายมิทซ์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาออกมาคัดค้าน และระบุว่า วุฒิสภาจะไม่ผ่านร่างกฎหมายที่ใช้งบประมาณเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาเรียกร้องทั้งสองฝ่ายให้บรรลุข้อตกลงบนมาตรการกระตุ้นทางการคลังรอบใหม่ให้สำเร็จก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

·          รายงานการประชุมธนาคารยุโรป (ECB) เมื่อวันที่ 9 – 10 ก.ย. (6 ต.ค.) โดยคาดว่า ในรายงานฯ จะบ่งชี้ถึง ความกังวลที่เพิ่มขึ้นของที่ประชุมฯ ต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอลง (ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซนล่าสุดในเดือน ก.ย.ติดลบ -0.3%YoY และเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ.) ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า ECB จะออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในการประชุมเดือน ธ.ค. โดยเพิ่มวงเงินในมาตรการการเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) และต่ออายุมาตรการดังกล่าว

·          รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 15 – 16 ก.ย. (8 ต.ค.) โดยคาดว่า รายงานฯ อาจให้รายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขที่จำเป็นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังเน้นถึงความสำคัญของมาตรการกระตุ้นทางการคลังต่อการใช้จ่ายภาคครัวเรือน นอกจากนี้ อาจเปิดเผยว่าที่ประชุมฯ มีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มการเข้าซื้อสินทรัพย์, แนวโน้มการจำกัดการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ และการยอมให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและอัตราการว่างงานลดลงมากกว่าที่เจ้าหน้าที่ Fed เคยอ้างถึงก่อนหน้านี้ หรือไม่

·          ตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ดุลการค้า และตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) ของสหรัฐฯ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ โดยไฉซิน ของจีน, การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี, GDP ของอังกฤษ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Siriraj x MIT Hacking Medicine เปิดทางสู่นวัตกรรมขับเคลื่อนการดูแลผู้สูงอายุในประเทศกำลังพัฒนา

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ MIT ประสบความสำเร็จในการจัดประชุมวิชาการ Siriraj x MIT Hacking Medicine ภายใต้หัวข้อ “Scaling Aged Care in Developing Countries”...

Responsive image

ttb แบงก์ไทยรายแรก ปฏิวัติบริการ Mobile Banking ด้วย Generative AI

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb เตรียมสร้างความฮือฮา ด้วยการเปิดตัว “Yindee” ผู้ช่วยบนมือถือเวอร์ชั่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Generative AI ซึ่งจะช่วยตอบคำถามลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ...

Responsive image

ลอรีอัลเปิดเวที Big Bang Beauty Tech Innovation มุ่งผลักดันนวัตกรรมความงามแห่งอนาคต

ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ประกาศรายชื่อสตาร์ทอัพผู้ชนะเลิศจากเวที Big Bang Beauty Tech Innovation การแข่งขันเฟ้นหานวัตกรรมเปลี่ยนโลกความงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้แปซิฟิกใต้ ตะวั...