มอง อนาคตของการศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่าน VMware | Techsauce

มอง อนาคตของการศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่าน VMware

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยหลายแห่ง ได้เสนอทางเลือกการเรียนทางไกล (Remote Learning) ให้สำหรับนักเรียน นักศึกษาที่เรียนนอกเวลา อย่างไรก็ดีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ทำให้ในภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกหลายแห่งต้องเปลี่ยนมาใช้ช่องทางออนไลน์ และนำรูปแบบการเรียนทางไกลมาใช้เสมือนกับห้องเรียนจริงที่โรงเรียนทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ต้องเปลี่ยนมาใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่บ้าน

ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการ สถาบันการศึกษาหลายแห่งกลับมาเปิดใหม่ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเปิดให้มีการเรียนแบบผสมผสาน โดยนักเรียน นักศึกษาแต่ละคนสามารถเลือกที่จะเข้าชั้นเรียนด้วยตนเอง หรือเรียนทางไกล หรือเรียนแบบไฮบริดได้ และมีแนวโน้มว่าเราจะได้เห็นนักเรียน นักศึกษาหลายคนจะเลือกเข้าชั้นเรียน virtual ในอนาคตอันใกล้ สิ่งนี้ทำให้นักเรียน นักศึกษาหลายคนที่เพลิดเพลินและสนุกกับการเรียนทางไกล รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากการเรียนมีความยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของตนเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งรบกวนใหม่ ๆ อุปสรรคทางเทคโนโลยี และการขาดประสบการณ์ดิจิทัล ทำให้การเรียนทางไกลเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน

ความสำเร็จในการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของสถาบันการศึกษา ได้พัฒนาให้อุตสาหกรรมการศึกษาเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลาย ๆ ภารกิจที่ต้องเดินหน้าต่อ

สร้างดิจิทัลแคมปัส

จากผลการศึกษาล่าสุดของ Digital Frontiers 3.0 ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยอย่างน้อยหนึ่งในสาม (33%) กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันการศึกษาได้มอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ 38% ของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า สถาบันการศึกษามอบประสบการณ์โดยรวมดีขึ้น และอีก 34% ยังยินดีที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลกับสถาบันการศึกษาต่อไป

ผลสำรวจอุตสาหกรรม 3 อันดับในไทย

การที่ต้องเปลี่ยนไปใช้การเรียนผ่านทางไกลผ่านดิจิทัลแคมปัสอย่างกะทันหัน มีผลให้ผู้สอนทั่วภูมิภาคต่างพยายามจัดการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ให้กับนักเรียนที่บ้าน นักเรียนและคุณครูต่างต้องเรียนรู้ผ่านการประชุมทางวีดีโอออนไลน์ แพลตฟอร์มการสอนออนไลน์ ตลอดจนเครื่องมือและเนื้อหาออนไลน์ต่าง ๆ 

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นแค่ขั้นตอนแรก ในขั้นตอนถัดไป บุคลากรทางการศึกษาจำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ดิจิทัลเหล่านี้ ได้แก่

  • เข้าถึงได้ง่าย
  • เชื่อมต่อได้เร็วขึ้น
  • เสถียรและสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
  • ลดความซับซ้อนและยุ่งยากในการใช้งาน

เริ่มต้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสถาบันการศึกษา virtual data center ที่ทำงานผ่านซอฟต์แวร์มีความยืดหยุ่นกว่า (และราคาถูกกว่า) เมื่อเทียบกับฮาร์ดแวร์ องค์กรไอทีที่มีระบบ data center ที่ทันสมัยเหล่านี้ จะมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้นเพื่อรองรับการเรียนการสอนแบบออนไลน์

เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มความสามารถในการประมวลผลในระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถจัดสรรและจัดการอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และ virtual desktop ได้จากทุกที่ ทีมไอทียังสามารถเห็นความเสถียรที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ซอฟต์แวร์ พวกเขาสามารถใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติเพื่อแก้ไขปัญหาและปรับเปลี่ยนได้ตามที่ต้องการ ด้วยวิธีนี้ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจะพร้อมใช้งานและทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุดเสมอ และสิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำงานบนแอปพลิเคชันขั้นสูงและการจัดการระบบ รวมทั้งสภาพแวดล้อมห้องปฏิบัติการทดลองเสมือนจริง

ความกังวล 3 อันดับเกี่ยวกับเทคโนโลยีของนักศึกษา

นักเรียนมีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ดิจิทัลที่มีความปลอดภัย                        

ผลการศึกษา Digital Frontiers 3.0 ผู้บริโภคชาวไทยเปิดเผยว่า ความมั่นใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลในอุตสาหกรรมต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส มีเพียง 3 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถาม (33%) รู้สึกมั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสารสนเทศอื่นๆ ของพวกเขาที่ให้ไว้กับสถาบันการศึกษาจะได้รับการป้องกันและปลอดภัย

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บุคลากรทางการศึกษาและสถาบันการศึกษาไม่เพียงรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของนักเรียนเท่านั้น

ในสภาพแวดล้อมการเรียนแบบไฮบริด จะต้องมีความรับผิดชอบในด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

  • การปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนักเรียน นักศึกษา
  • ปกป้องพวกเขาจากภัยคุกคามออนไลน์และเนื้อหาที่เป็นอันตราย
  • ปฏิบัติตามแนวทางและข้อกำหนดทางการใช้งานข้อมูลและระบบดิจิทัล

รูปแบบการรักษาความปลอดภัยที่ล้าสมัยและเครื่องมือที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของการเรียนรู้ที่เน้นใช้งานระบบดิจิทัลเป็นหลัก นอกจากนี้ยังทำให้นักเรียน นักศึกษาและสถาบันการศึกษาเผชิญกับความเสี่ยง ดังนั้น ผู้นำด้านไอทีของภาคการศึกษาต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่มาพร้อมกับการรักษาความปลอดภัยในตัวพร้อมทั้งเฟรมเวิร์กในการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น ระบบการบริหารจัดการ unified endpoint และระบบรักษาความปลอดภัยแบบ zero-trust

ปิดช่องโหว่ของการเรียนรู้ดิจิทัลด้วยการเสริมศักยภาพผู้สอนและผู้เรียน

ครูสอนผ่านมือถือความท้าทายอันใหญ่หลวงอีกประการหนึ่งของการเรียนการสอนแบบออนไลน์ คือ ความเท่าเทียม เนื่องจากการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบดิจิทัลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักเรียน นักศึกษายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างเท่าเทียมกัน การเพิ่มขึ้นของการเรียนทางไกลสะท้อนให้เห็นถึง ช่องว่างของความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้นในการเรียนการสอนแบบออนไลน์

ถึงแม้การเรียนแบบไฮบริด นักเรียน นักศึกษาทุกคนสมควรได้รับการศึกษาบนโลกดิจิทัลที่มีคุณภาพสูง ไม่ใช่แค่ในเรื่องของความสะดวกหรือการเข้าถึงเท่านั้น การพัฒนาทักษะดิจิทัลตามความต้องการของนักเรียน นักศึกษาเพื่ออนาคตของการทำงานและความเป็นผู้นำก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน สิ่งนี้รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษาที่เป็นวัยทำงาน เรียนนอกเวลา และประชาชนทั่วไป จากผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยครึ่งหนึ่ง (50%) เชื่อว่าสถาบันการศึกษามีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาความรู้ด้านดิจิทัล ซึ่งก็คือความสามารถในการเข้าถึงและใช้บริการออนไลน์ที่หลากหลาย

สร้างสรรค์นวัตกรรมให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่ออนาคตของการศึกษา

นับเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา หรือแม้แต่นักเรียน นักศึกษา ครู คณาจารย์ และผู้ปกครองที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการในการเข้าถึงระบบการศึกษารูปแบบใหม่ การศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนหน้านี้ที่เคยห่างไกลรูปแบบการเรียนรู้ส่วนบุคคลอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้กลายเป็นการโมเดลการเรียนรู้ใหม่ทั้งหมดที่ทุกฝ่ายต้องปรับตัว รวมทั้งประสบการณ์ดิจิทัลขั้นสูงสุดที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้นักเรียน นักศึกษาเพื่อรองรับอาชีพใหม่ ๆ ในอนาคต

จากที่กล่าวถึงข้างต้น เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นรากฐานดิจิทัลสำหรับผู้นำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 

  • สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ
  • การรวมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ตัวอย่างเช่น AI นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเส้นทางสู่การเรียนรู้และความสามารถในการการประเมินผลผู้เรียนเป็นรายบุคคลมากขึ้น
  • ปรับเปลี่ยนการจัดสรรทรัพยากรและเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนครูและคณาจารย์
  • สร้างความแตกต่างด้วยโมเดลธุรกิจและการเรียนรู้ใหม่ที่ล้ำหน้า ตัวอย่างเช่น ecosystem ของการเรียนรู้ที่ทำงานร่วมกันมากขึ้น

มีข้อสงสัยเล็กน้อยว่า โมเดลการศึกษาแบบดั้งเดิมกำลังเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สถาบันการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถก้าวไปสู่อนาคตดิจิทัลและกำหนดอนาคตของการศึกษาได้เร็วขึ้น เราต้องพร้อมที่จะรับมือการเปลี่ยนแปลงในวันนี้และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ส.อ.ท. เตรียมจัด FTI EXPO 2025 รวมสุดยอดนวัตกรรมอุตสาหกรรมไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรชั้นนำ จัดงาน FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด “4GO” ที่ครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แ...

Responsive image

เดลต้า ประเทศไทย ชูธงนวัตกรรม ESG คว้าดัชนี FTSE4Good ตอกย้ำความเป็นเลิศ

เดลต้าได้รับคัดเลือกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี FTSE4Good Index Series ซึ่งจัดทำโดย FTSE Russell ผู้ให้บริการด้านดัชนีและข้อมูลระดับโลก...

Responsive image

GMM Music เผย Digital Streaming ตัวเร่งสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทย

อุตสาหกรรมเพลงไทยยุคดิจิทัล
อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังเข้าสู่ยุคทองของการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากพลังแห่งโลกดิจิทัลที่ทำให้ดนตรีไทยทะยานสู่ระดับโลก โดยปี 2023 ตลาดเพลงไทยขยายตัว 16% เที...