ก.ล.ต. ร่วมกับ 7 หน่วยงานพันธมิตรจัดโครงการ “FinTech Challenge” ประกวดผลงานนวัตกรรม FinTech | Techsauce

ก.ล.ต. ร่วมกับ 7 หน่วยงานพันธมิตรจัดโครงการ “FinTech Challenge” ประกวดผลงานนวัตกรรม FinTech

ก.ล.ต. กับ 7 หน่วยงานพันธมิตรร่วมส่งเสริมความรู้และการพัฒนาด้านฟินเทคด้วยการจัดโครงการ "FinTech Challenge" เพื่อสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัย ชิงทุนกว่า 400,000 บาท เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการถึง 31 ตุลาคมนี้

fintech-challenge

ก.ล.ต. ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร 7 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ศูนย์ C Asean และชมรมฟินเทคแห่งประเทศไทย จัดโครงการ FinTech Challenge เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการเข้าใจตลาดการเงิน การลงทุน และการประกันภัย มีโอกาสแลกเปลี่ยน พบปะกับผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ และส่งเสริมให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มมากขึ้น

ก.ล.ต. จึงขอเชิญชวนนักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้สนใจทั่วไป ที่มีแนวคิด หรือผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านการเงิน การลงทุน การประกันภัย ส่งทีมสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 2-4 คน โดยสมาชิกในทีมควรประกอบไปด้วยผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน นักการตลาด-ประชาสัมพันธ์ และมีสมาชิกอย่างน้อย 1 คน ที่มีความรู้ ความสามารถในการพัฒนาชิ้นงานเทคโนโลยีได้ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2559 ผ่านทางเว็บไซต์ www.fintechchallenge.info

โครงการ FinTech Challenge มีระยะเวลาดำเนินการโครงการตั้งแต่เปิดรับสมัครจนถึงวันประกาศผล เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน โดยจะแบ่งการประกวดออกเป็น 3 รอบ ดังนี้

การประกวดรอบที่ 1 – ผู้สมัครทุกทีมจะต้องนำเสนอแนวคิดหรือผลงาน พร้อมเข้ารับการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการตัดสินซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อคัดเลือกทีมเข้ารอบจำนวนไม่เกิน 20 ทีม

การประกวดรอบที่ 2 – ทีมที่ได้รับการคัดเลือกจำนวนไม่เกิน 20 ทีม จะได้เข้าร่วมกิจกรรม boot camp เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อเสริมสร้างความรู้ พัฒนาแนวคิดนวัตกรรม แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญ และสามารถนำความรู้มาปรับใช้กับผลงานได้จริง พร้อมทั้งนำเสนอแนวคิดและผลงานนวัตกรรมแก่คณะกรรมการตัดสิน เพื่อคัดเลือกทีมเข้ารอบสุดท้ายจำนวนไม่เกิน 8 ทีม

การประกวดรอบที่ 3 – ทีมที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย จะได้รับทุนสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมทีมละ 20,000 บาท เพื่อพัฒนาต่อยอดต้นแบบนวัตกรรม และมีโอกาสได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนพื้นที่ใช้สอย รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนานวัตกรรมจากผู้ให้การสนับสนุน ทั้งนี้ ทีมผู้เข้ารอบจะต้องนำเสนอผลงานนวัตกรรมและจัดนิทรรศการแสดงผลงานในวัน demo day ซึ่งจะจัดขึ้นภายในไตรมาส 1 ปี 2560 โดยจะมีการประกาศผลผู้ได้รับทุนสนับสนุนนวัตกรรมยอดเยี่ยมจำนวน 3 ทุน รวม 250,000 บาท พร้อมโล่รางวัลในวันดังกล่าวด้วย

สำหรับทุนสนับสนุนนวัตกรรมยอดเยี่ยม จะแบ่งออกเป็น 3 ทุน ได้แก่ 1) ทุนนวัตกรรมประเภท Rising Star Fintech จำนวน 100,000 บาท 1 ทุน สำหรับสินค้า/บริการ/ต้นแบบ (prototype)/แนวคิดที่จัดทำได้ดีพร้อมต่อยอด

2) ทุนนวัตกรรมประเภท Innovative Fintech จำนวน 100,000 บาท 1 ทุน สำหรับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้บริการในวงกว้าง

3) ทุนนวัตกรรมประเภท Popular Vote จำนวน 50,000 บาท 1 ทุน พิจารณาจากทีมที่ผลงานได้รับความสนใจมากที่สุด

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า "กระแสฟินเทคที่เข้ามาในขณะนี้ทำให้เห็นความตื่นตัวของภาคการเงิน ตลาดทุน และประกันภัยอย่างชัดเจน ซึ่ง ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชน จึงได้จัดโครงการ FinTech Challenge โดยมุ่งหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยจุดประกายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความพร้อม รู้เท่าทัน และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนช่วยสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อนำไปสู่การปรับเกณฑ์ที่สอดคล้องกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี"

ดร. วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "Fintech ครอบคลุมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับระบบการชำระเงิน การให้คำปรึกษาทางการเงิน การให้สินเชื่อ รวมทั้งการสนับสนุนระบบหลังบ้านของสถาบันการเงิน ดังนั้น เพื่อให้ FinTech ไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย ธปท. ให้ความสำคัญกับหลักการ 3 ประการ คือ การคุ้มครองผู้ใช้บริการ การส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงิน และการดูแลเสถียรภาพของระบบการเงิน"

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า "FinTech มีแง่บวกคือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินโดยอาศัยเทคโนโลยีไปสู่การทำธุรกรรมที่สะดวกรวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ลดลง ซึ่งธุรกิจประกันภัยเรียกกันว่า InsurTech คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองวิถีชีวิตและความต้องการที่แท้จริง และการให้บริการอย่างครบวงจรตั้งแต่การเสนอขาย การให้คำปรึกษาและเครื่องมือในการยกระดับคุณภาพชีวิต จนถึงการจ่ายผลประโยชน์หรือค่าสินไหมทดแทน อีกทั้งเทคโนโลยียังสามารถช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการ และการหาโอกาสทางธุรกิจของบริษัทประกันภัย ดังนั้น ธุรกิจประกันภัยจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างมาก แต่สิ่งที่จะต้องระมัดระวังคือหากประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจและถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ ก็จะเกิดผลกระทบในทางลบ ทำให้เกิดช่องทางหลอกลวง ฉ้อฉลได้ง่าย จึงจำเป็นต้องกำหนดกฎกติกาในการประกอบธุรกิจประกันภัยโดยอาศัยช่องทางนี้ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานการกำกับดูแลในทิศทางที่สอดคล้องกับองค์กรกำกับดูแลสถาบันการเงินอื่น ๆ"

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้นับเป็นเวทีแรก ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะได้นำเสนอแนวความคิดเพื่อพัฒนาตลาดทุนของเราที่คาดว่าจะใช้ได้ต่อเนื่องในระยะยาว สอดคล้องกับการทำงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการทำงานเพื่อมุ่งสู่ digital exchange โดยที่ผ่านมาเราได้พัฒนาในทุก ๆ มิติ ที่เกี่ยวข้องกับ digital มาโดยตลอด ทั้งเรื่องการพัฒนา technology การนำนวัตกรรมมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยทั้งผู้ลงทุน ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจของตลาดทุนไทย นอกจากนั้น เราพัฒนา application ต่าง ๆ การให้ข้อมูลความรู้ผ่านช่องทาง social network เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นข้อมูลที่ถูกต้องและนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้จริง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุน startup โดยเฉพาะให้กลุ่มของ FinTech Startup ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ากลุ่มเหล่านี้จะเติบโตและสามารถที่จะทำงานร่วมกับเราต่อไปได้อย่างดี และแนวคิดที่จะได้จากผู้เข้าประกวดในโครงการนี้จะยิ่งสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้ก้าวล้ำไปยิ่งขึ้นอีกด้วย

นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า "เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เชื่อมั่นว่าโครงการ FinTech Challenge ครั้งนี้ จะส่งผลให้ทางผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มีแนวความคิดที่กว้างไกล เข้าใจถึงขอบเขตของกฎเกณฑ์ในประเทศไทย เพื่อที่จะพัฒนาสินค้าที่ไปใช้ประโยชน์ได้จริง รวมทั้งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลได้เข้าใจถึงแนวความคิดใหม่ ๆ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์กับอุตสาหกรรมการเงินและประเทศชาติได้ ก่อให้เกิดการแข่งขันเทียบทันนานาประเทศในด้านตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดประกันภัยต่อไป"

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ฟินเทค คือแพลตฟอร์มสำหรับการกำเนิดและแพร่กระจายนวัตกรรมการเงิน ซึ่งเป็นรูปแบบนวัตกรรมสำหรับศตวรรษที่ 21 และสังคมโลกยุคใหม่ทางการเงิน ธนาคาร และตลาดทุน คือพื้นที่ใหม่ของนวัตกรรมแทนโรงงานอุตสาหกรรมและการผลิต

ดร. การดี เลียวไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ C Asean กล่าวว่า "มีความยินดีอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ FinTech Challenge ในครั้งนี้ และเชื่อว่าการพัฒนาเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคจะเป็นข้อต่อสำคัญในการพัฒนาประเทศและภูมิภาคต่อไปในอนาคต การเข้าถึงเงินที่ง่ายขึ้น การที่ต้นทุนทางธุรกรรมการเงินถูกลง จะทำให้เรามีขีดความสามารถที่ดีขึ้น ถ้ามองไปแล้วฟินเทคในประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตามองของประเทศเพื่อนบ้านและได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นแบบในการพัฒนาเนื่องจากมีการรวมตัวกันระหว่างสตาร์ทอัพ ธนาคาร ภาคเอกชน รวมไปถึงหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนฟินเทคให้ต่อยอดต่อไปในตลาดโลก"

นพ. ศุภชัย ปาจริยานนท์ รองประธานชมรมฟินเทค กล่าวว่า "ยินดีและดีใจเป็นอย่างมากที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับฟินเทคสตาร์ทอัพและเชื่อมั่นว่าจะมีนวัตกรรมทางการเงินที่น่าสนใจเกิดขึ้นจากโครงการอย่างแน่นอน สอดคล้องกับพันธกิจของชมรมฯ ที่จะสนับสนุนให้ฟินเทคสตาร์ทอัพของไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกจำเป็นจะต้องผ่านเวทีระดับประเทศก่อน ซึ่ง FinTech Challenge จะเป็นเวทีที่สตาร์ทอัพสามารถลับคมไอเดีย ต่อยอดทางธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง"

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ม.มหิดล ผลักดันแหล่งทุนสตาร์ทอัพฯ iNT บ่มเพาะ สานต่อนวัตกรรมยุคใหม่สู่สังคม

หากเปรียบสตาร์ทอัพคือ “นักรบเศรษฐกิจใหม่” ที่จะมาช่วยพลิกประเทศให้มีความเจริญเติบโตมากขึ้น การปั้นนักรบให้มีอาวุธที่แหลมคมและมีคลังเสบียงอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การเร...

Responsive image

กว่าจะเป็น Product and Service ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ทีม Data ต้องทำอะไรบ้าง ? : รู้จักทีม Intelligence Engineering & Data Technology ที่ KBTG | Tech for Biz EP. 29

กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า รู้ไหมทีม Data ต้องทำอะไรบ้าง ? . เผยเบื้องหลังการทำงานของทีม Intelligence Engineering & Data Technology ที่ KBTG เจาะลึกกลยุทธ์การส...

Responsive image

Meta จัดงาน Facebook IRL เชื่อมต่อ Creator Community ในชีวิตจริง เผยผู้ใช้ Facebook ในไทย 60 ล้านคนต่อเดือน

ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่เวทีโลกอีกครั้ง เมื่อ Meta เลือกกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในสามประเทศนอกสหรัฐฯ ที่จัดงาน Facebook IRL หรือ Facebook In Real Life ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ระหว่างวันที...