Spotify ถอดพฤติกรรมการสตรีมมิ่งของผู้ฟัง ดึงศักยภาพโฆษณาในรูปแบบเสียง | Techsauce

Spotify ถอดพฤติกรรมการสตรีมมิ่งของผู้ฟัง ดึงศักยภาพโฆษณาในรูปแบบเสียง

  • เม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลนั้นจะมีมูลค่าถึง 1.5 พันล้านบาทภายในสิ้นปีพ.ศ. 2561
  • การทำความเข้าใจบริบทและอารมณ์ของผู้บริโภคจึงมีความสำคัญมาก และสำคัญมากยิ่งขึ้นในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ
  • ปัจจุบันนักการตลาดสามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากผ่านอุปกรณ์ทุกเครื่องที่คนๆ นั้นใช้ แทนการอิงกับคุกกี้ ซึ่งในปัจจุบันไม่ค่อยแม่นยำนัก
  • Spotify แนะว่าการทำความเข้าใจช่วงเวลาที่สำคัญของผู้บริโภคจะแสดงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่แม่นยำกว่า
  • เสียงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะช่วงเวลาที่คนใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น "ที่ทำงาน" หรือ "ตอนออกกำลังกาย" ได้เปิดโอกาสในการสร้างรายได้โฆษณาไปถึง 220 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • แบรนด์สมัยใหม่จึงควรใช้ประโยชน์จากเสียงเพื่อเข้าถึงผู้ชมตอนที่พวกเขาพร้อมมีส่วนร่วมมากที่สุดควบคู่ไปกับแมสเสจที่เหมาะสมซึ่งตรงกับช่วงเวลานั้น

ในปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้บริโภคถูกล้อมด้วยสื่อมากมากจากทุกทิศทางในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักการตลาด บางทีเราย้อนกลับมาถามตัวเองว่าการถล่มผู้บริโภคด้วยสื่อแบบนี้มันมีประสิทธิภาพจริงหรือ?

การทำ Content Marketing หรือการทำการตลาดผ่านการสร้างคอนเทนต์และเจาะหากลุ่มเป้าหมาย มุ่งสร้างความประทับใจและทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำสินค้าหรือแบรนด์ เพื่อเปลี่ยนสถานะจากผู้อ่านมาเป็นลูกค้านั้น บางทีโฟกัสไปที่การทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของผู้คนมากไป จนละเลยความสำคัญของอารมณ์ที่มีส่วนกับการตัดสินใจของผู้บริโภคไป อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงการตลาด การทำความเข้าใจผู้บริโภคในด้านที่เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกนั้นมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และในยุคปัจจุบัน Generation Z นั้นมีบทบาทมากขึ้นในการร่วมกำหนดเทรนด์  ดังนั้นแนวทางการทำตลาดต้องทันเหตุการณ์ เล่นกับกระแสได้ทันท่วงที โดยใช้แนวคิดครอบคลุมไปถึงกลยุทธ์ เนื้อหา และช่องทางการสื่อสารอีกด้วย

คลื่นยักษ์ดิจิทัล กำลังเซาะฝั่งเข้ามาเรื่อยๆ

ในวงการโฆษณา ปีนี้ยังคงเป็นอีกปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสำหรับสำนักพิมพ์และแพลตฟอร์มต่างๆ มาสู่ยุคแห่งสมาร์ทโฟนที่ผู้บริโภคนิยมสื่อออนไลน์มากขึ้น แหล่งข้อมูลเข้าถึงได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ซึ่งเรียกได้ว่าลดบทบาทของสื่อสิ่งพิมพ์มากเลยทีเดียว เมื่อมองดูเม็ดเงินที่หดหายไปในอุตสาหกรรมโฆษณา สำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ในพ.ศ.นี้จึงเริ่มปรับโครงสร้างบริษัท ลดจำนวนพนักงานและในบางกรณีก็ต้องพบเจอกับการปิดตัวลงของสำนักพิมพ์ในที่สุด

เมื่อมองในมุมกลับกัน จะเห็นได้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หลายๆ แบรนด์เริ่มก้าวเข้าสู่การโฆษณาในรูปแบบดิจิทัล โดยในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 30 ต่อปี ทีเอ็นเอส (TNS) บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ เผยว่าเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลนั้นจะมีมูลค่าถึง 1.5 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้[1] และ PwC ได้คาดว่ามูลค่ารวมทั้งหมดของโฆษณาดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัว เป็น 3.1 พันล้านบาท ในปีพ. ศ. 2563[2]

สิ่งที่มาหนุนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปสู่โลกดิจิทัลนี้ คือการเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเช่น Spotify โดยนีลเส็น ประเทศไทย (Nielsen Thailand) บริษัทระดับโลกด้านวิจัยการตลาดและสื่อ รายงานว่าโฆษณาทางวิทยุลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในปีพ. ศ. 2560 ในขณะที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ Spotify เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราจึงเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560

โลกดิจิทัลรู้ว่าช่วงเวลาไหนคือ ‘น้ำขึ้นให้รีบตัก’

แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการบริโภคสื่อและโอกาสที่กว้างขึ้นในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โฆษณาดิจิทัลยังคงพยายามทุกวิถีทางที่จะอยู่ให้ได้ในวงการนี้ แต่ว่าแทนที่จะหลอมรวมหรือเพิ่มมูลค่าให้แก่ประสบการณ์ของกลุ่มเป้าหมาย โฆษณาดิจิทัลจะถูกมองโดยผู้บริโภคว่าขัดจังหวะ น่ารำคาญ แม้ว่าการใช้คุกกี้จะทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถกำหนดรูปแบบและกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อได้ แต่นักโฆษณาจำนวนมากยังคงติดอยู่ในกับดักการตลาด เน้นการใช้เทคนิคหรือกลไก มากกว่าสิ่งที่จะใช้ได้กับผู้บริโภคโดยตรง

การรู้เวลาที่เหมาะสมว่าจะยิงโฆษณา ‘เมื่อไร’ และ ‘ที่ไหน’ จึงมีความสำคัญพอๆ กับ โฆษณาให้ ‘ใคร’ และโฆษณา ‘อะไร’ เช่น อย่าขอให้ผู้บริโภคคลิกโฆษณาหากพวกเขากำลังขับรถอยู่ หรือให้กลุ่มเป้าหมายอย่างผู้รักการออกกำลังกายกรอกแบบฟอร์มในระหว่างการฟิตร่างกายแบบหนักหน่วงอยู่ ดังนั้น การทำความเข้าใจบริบทและอารมณ์ของผู้บริโภคจึงมีความสำคัญมาก และสำคัญมากยิ่งขึ้นในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งไอเอชเอส (HIS) เปิดเผยว่าจำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่อจะเติบโตขึ้นเป็น 3.7 หมื่นล้านเครื่อง ในปีพ.ศ. 2020

ในยุคที่ผู้คนบริโภคสื่อผ่านอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น ภาพรวมด้านการตลาดจึงขยับไปสู่การตลาดเฉพาะบุคคลมากขึ้น คุณแดเนียล ลี (Danielle Lee) รองประธานบริหารและผู้อำนวยการฝ่าย Partner Solutions ของ Spotify กล่าวว่า "การตลาดเฉพาะบุคคลถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมจากการโฆษณาเข้าอุปกรณ์ต่างๆ แบบรวมๆ เป็นการเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม และมีแมสเสจที่ต้องการจะสื่อเข้ากับกลุ่มที่ต้องการพอดี ดังนั้นแทนที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยอิงกับคุกกี้ ซึ่งไม่ค่อยแม่นยำนัก ปัจจุบันนักการตลาดสามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากผ่านอุปกรณ์ทุกเครื่องที่คนๆ นั้นใช้ เพราะข้อมูลของทุกคนจะอยู่ในอุปกรณ์ทุกเครื่องนั่นเอง”

การรู้เวลาที่เหมาะสมว่าจะยิงโฆษณา ‘เมื่อไร’ และ ‘ที่ไหน’ จึงมีความสำคัญพอๆ กับ โฆษณาให้ ‘ใคร’ และโฆษณา ‘อะไร’ เช่น อย่าขอให้ผู้บริโภคคลิกโฆษณาหากพวกเขากำลังขับรถอยู่

บทบาทสุดล้ำของเสียงเพลงในการเข้าถึงอารมณ์ของผู้คน

ที่ Spotify การทำความเข้าใจผู้คนผ่านเสียงดนตรีนั้นคือส่วนสำคัญของภารกิจของเราในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ถ้าให้อธิบายตามทฤษฎี ก็จะกล่าวได้ว่า เพราะการฟังเพลงนั้นผูกอยู่กับอารมณ์ของผู้ฟัง ซึ่งมีความเป็นสากล โดยขณะนี้เราเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้แล้วจากพฤติกรรมการสตรีมมิ่งของผู้ฟัง ซึ่งข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกยิ่งกว่าการบริโภคสื่อประเภทอื่นๆ เช่นภาพยนตร์และทีวี เพราะเพลงนั้นถือเป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เรามักมีเพลง (หรือเพลย์ลิสต์) ที่เราชอบฟังในแต่ละช่วงเวลาของวันหรือตามอารมณ์ความรู้สึก

สำหรับแบรนด์ที่ต้องการดึงศักยภาพของการโฆษณาดิจิทัลออกมาให้ถึงขีดสุด และนำเสนอโฆษณาที่โปร่งใส ความใกล้ชิดของ Spotify กับผู้ใช้จะทำให้โอกาสของคุณในการทำการตลาดมีมากขึ้น การที่เราเข้าใจพฤติกรรมทางจิตวิทยาของผู้ใช้รวมถึงอารมณ์ เทรนด์การฟังเพลง ช่วงเวลาฮิตที่คนชอบฟังเพลง รวมไปถึงการวิเคราะห์รสนิยมทางดนตรีเพื่อสร้างชุดข้อมูลที่หลากหลายขึ้นมา (ไม่มีการระบุตัวตน) ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับพวกเขา ต่างจากข้อมูลประชากรหรือรหัสอุปกรณ์ที่มักใช้เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายการ เพราะการทำความเข้าใจช่วงเวลาที่สำคัญของผู้บริโภคจะแสดงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่แม่นยำกว่านั่นเอง

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งนั้นไร้ขีดจำกัด

การวิจัยของนีลเส็น (Nielsen) พบว่าสื่อที่เป็นเสียงนั้น ถูกบริโภคมากถึงร้อยละ 79 ในขณะที่ผู้คนทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ นอกจากนี้เมื่อเทียบกับการสตรีมเนื้อหาทางทีวีหรือภาพยนตร์ การสตรีมเพลงนั้นมีมากกว่าถึงห้าเท่า เมื่อเทียบระยะเวลาตลอดทั้งวัน โดยร้อยละ 60 ของผู้สตรีมเพลงนั้นฟังผ่านโทรศัพท์มือถือ และมีประมาณร้อยละ 40 ที่สตรีมเนื้อหาทีวีและภาพยนตร์ ในประเทศไทย เราพบว่าผู้ใช้ Spotify นั้นใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงในการฟังเพลงบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นการฟังบนลู่วิ่งหลังเลิกงาน หรือแม้กระทั่งการสวมวิญญาณร็อคเกอร์ระหว่างอาบน้ำ

การวิจัยของนีลเส็น (Nielsen) พบว่าสื่อที่เป็นเสียงนั้น ถูกบริโภคมากถึงร้อยละ 79 ในขณะที่ผู้คนทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ นอกจากนี้เมื่อเทียบกับการสตรีมเนื้อหาทางทีวีหรือภาพยนตร์ การสตรีมเพลงนั้นมีมากกว่าถึงห้าเท่า

นักการตลาดที่เจนวงการแล้วอาจจะนึกภาพการโฆษณาทางเสียงผ่านดิจิทัลได้ทันทีจากประสบการณ์ตรง และใช้ประโยชน์จากระบบสตรีมมิ่งเพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ชมที่ส่งผลด้านบวกต่อการมีส่วนร่วมและความไว้วางใจในแบรนด์ นอกจากนี้ด้วยความกะทัดรัดและความทันกระแสของแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Spotify ทำให้นักการตลาดเข้าถึงอินไซท์ใหม่ๆ ของผู้ฟังในช่วงเวลาต่างๆ ได้ ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้อาจจะเป็นเวลาช่วงที่เรียบง่าย เช่น ตอนเตรียมตัวก่อนออกไปปาร์ตี้ หรือโมเมนท์สำคัญๆ อย่างช่วงอ่านหนังสือสอบปลายภาค ซึ่งแต่ละโมเมนท์จะมีซาวด์แทร็กที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับตัวตนของเรา สิ่งที่เราทำอยู่ และความรู้สึกของเราในช่วงเวลานั้น

สิ่งเหล่านี้มีความหมายอย่างไรกับแบรนด์?

ช่วงเวลาที่คนใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น "ที่ทำงาน" หรือ "ตอนออกกำลังกาย" ได้เปิดโอกาสในการสร้างรายได้โฆษณาไปถึง 220 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเหตุนี้ แบรนด์สมัยใหม่จึงควรใช้ประโยชน์จากเสียงเพื่อเข้าถึงผู้ชมตอนที่พวกเขาพร้อมมีส่วนร่วมมากที่สุดควบคู่ไปกับแมสเสจที่เหมาะสมซึ่งตรงกับช่วงเวลานั้น

ณ ตอนนี้ รายได้ของธุรกิจมิวสิคสตรีมมิ่งทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีรายได้รวมอย่างต่ำ 7 พันล้านเหรียญภายในปีพ.ศ. 2573 ความสามารถเฉพาะตัวของเสียงในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทำให้เสียงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพมาก ช่วงเวลาที่คนใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น "ที่ทำงาน" หรือ "ตอนออกกำลังกาย" ได้เปิดโอกาสในการสร้างรายได้โฆษณาไปถึง 220 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเหตุนี้ แบรนด์สมัยใหม่จึงควรใช้ประโยชน์จากเสียงเพื่อเข้าถึงผู้ชมตอนที่พวกเขาพร้อมมีส่วนร่วมมากที่สุดควบคู่ไปกับแมสเสจที่เหมาะสมซึ่งตรงกับช่วงเวลานั้น

ส่วนแบรนด์ที่เพิกเฉยต่อการทำตลาดในโลกดิจิทัลนั้นอาจสูญเสียความสนใจของผู้บริโภคและผู้โฆษณาที่เกี่ยวข้องได้ เพราะผู้โฆษณาอาจจะสนใจแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ไร้ขีดจำกัดมากกว่า ด้วยความที่เทคโนโลยีนั้นมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง แบรนด์และนักสื่อสารการตลาดควรจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ซึ่งหลักๆ แล้ว หัวใจสำคัญนั้นคือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง และในเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...

Responsive image

ทีทีบี เปิดตัว ttb smart shop พร้อม “ปังปัง” มังกรน้ำเงินมงคล ผู้ช่วยร้านค้าแบบครบวงจร

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี นำโดย นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ พร้อมด้วย นางกนกพร จูฑา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจ เปิดตัวฟีเจอร...