ชโรเดอร์สเผยผลการศึกษานักลงทุนทั่วโลกประจำปี 2022 | Techsauce

ชโรเดอร์สเผยผลการศึกษานักลงทุนทั่วโลกประจำปี 2022

จากผลการศึกษานักลงทุนทั่วโลกปี 2022 ของ ชโรเดอร์ส (Schroders) พบว่าสองในสามของนักลงทุนไทย (67% เทียบกับ 66% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 55% ทั่วโลก) ค่อนข้างเชื่อว่าการลงทุนอย่างยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนผลตอบแทนระยะยาว

ผลการศึกษาที่สำคัญของ Schroders ที่มุ่งเน้นประเด็นความยั่งยืน และสำรวจผู้คนที่ลงทุนเกือบ 24,000 คน ใน 33 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย พบว่านักลงทุนไทยจำนวนมากกว่าสองในสาม (70% เทียบกับ 72% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 68% ทั่วโลก) ที่ถือว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มผู้ลงทุนที่มีความชำนาญ เชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืนเป็นหนทางสำคัญที่จะนำไปสู่ผลกำไรที่ยั่งยืนในระยะยาว 

เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนที่มีความชำนาญในระดับปานกลางในประเทศไทย จำนวน 64% (เทียบกับ 60% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 52% ทั่วโลก) ซึ่ง 67% ของนักลงทุนกลุ่มนี้เชื่อว่าตัวเองมีความรู้ด้านการลงทุนในระดับเบื้องต้น(เทียบกับ 62% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 43% ทั่วโลก) 

ในทำนองเดียวกัน นักลงทุนที่ มีความชำนาญ จำนวน 70% (เทียบกับ 72% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ทั่วโลก) ให้ความเห็นว่าการลงทุนอย่างยั่งยืนสามารถสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในเรื่องที่ท้าทายได้ เช่น เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

กล่าวโดยเฉพาะเจาะจง ผลการศึกษาโดยเรียงลำดับการให้ความสำคัญของนักลงทุนไทยพบว่า เรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นเหตุผลหลักที่นักลงทุนไทยหันมาใส่ใจในการลงทุนอย่างยั่งยืน (65% เทียบกับ 56% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 52% ทั่วโลก) รองลงมาคือเรื่อง ประเด็นด้านสังคม 50% (เทียบกับ 44% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 43% ทั่วโลก) และลำดับที่สาม คือ เรื่องผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน(30% เทียบกับ 37% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 36% ทั่วโลก)

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่นักลงทุนหลายคนยังคงเน้นผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินเป็นลำดับแรกในการพิจารณาการลงทุน โดยจำนวนมากกว่าครึ่ง (65% เทียบกับ 63% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 56% ทั่วโลก) แสวงหากองทุนที่สามารถสร้างผลกำไรจากการลงทุนได้ ในขณะเดียวกันก็นำปัจจัยด้านความยั่งยืนเข้ามาประกอบการพิจารณาร่วมด้วย โดยเฉพาะผู้ลงทุนในแถบเอเชีย (61%) และอเมริกา (60%) ในขณะที่ผู้ลงทุนในยุโรปมีแนวโน้มที่จะเลือกกองทุนที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนและโลกมากกว่า (51%)

ขับเคลื่อนการลงทุนไปในทิศทางเดียวกับความสนใจของผู้คนเรื่องความยั่งยืน

ผลการศึกษายังพบอีกด้วยว่าผู้ลงทุนมีแนวโน้มที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นในกองทุนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หากกองทุนเหล่านั้นสามารถลงทุนไปในทิศทางเดียวกับค่านิยมหรือความชื่นชอบส่วนตัวของตนเอง ทั้งนี้นักลงทุนไทยจำนวนมากกว่าครึ่ง (73% เทียบกับ 63% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 57% ทั่วโลก) ที่นิยามตัวเองว่าเชี่ยวชาญในทุกระดับกล่าวว่า ความสามารถในการเลือกการลงทุนที่สอดคล้องกับค่านิยมด้านความยั่งยืนส่วนบุคคลจะสนับสนุนให้เขาจัดสรรการลงทุนแบบยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น

สำหรับเป้าหมายเฉพาะในด้านความยั่งยืนของนักลงทุนนั้น การศึกษาที่มีคุณภาพถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย โดยผู้ที่ถูกสำรวจจำนวน 19% (เทียบกับ 20% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก) ให้ความสำคัญกับข้อนี้เป็นลำดับที่หนึ่ง รองลงมาลำดับที่สอง คือ เรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (18% เทียบกับ 17% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 12% ทั่วโลก) และลำดับที่สาม คือ เรื่องการขจัดความยากจน (16% เทียบกับ 15% ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก)

การให้ความรู้ การรายงานข้อมูล ตลอดจนความโปร่งใสในเรื่องผลกระทบของการลงทุนอย่างยั่งยืน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นให้คนไทยลงทุนมากขึ้น

นอกเหนือจากความสามารถในการเลือกลงทุนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับความชอบส่วนตัวเรื่องความยั่งยืนแล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งของนักลงทุน (57% เทียบกับ 51% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 48% ทั่วโลก) กล่าวว่า การให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแบบยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เขาจัดสรรการลงทุนได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนทุกระดับกล่าวว่า การขาดคำจำกัดความที่ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับว่าการลงทุนที่ยั่งยืนหมายถึงอะไร เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการเลือกการลงทุนอย่างยั่งยืน 

 นอกเหนือไปจากสามปัจจัยดังกล่าวแล้ว นักลงทุนไทยจำนวน 55% (เทียบกับ 52% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 44% ทั่วโลก) ได้ระบุว่า หากมีข้อมูลและหลักฐานแสดงว่าผลตอบแทนจากการลงทุนแบบยั่งยืนจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าการลงทุนโดยทั่วไปจะช่วยสนับสนุนให้เขาตัดสินใจลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ลิลี่ โช (Lily Choh) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ชโรเดอร์ส สิงคโปร์ได้กล่าวไว้ว่า:

“เรามีความยินดีที่เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศไทยเชื่อว่า ความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาว ทั้งนี้ บทบาทของผู้จัดการกองทุนกำลังทวีความสำคัญขึ้นในการช่วยให้นักลงทุนแยกแยะ และเข้าใจดีขึ้นเกี่ยวกับประโยชน์ของการลงทุนเพื่อโลกที่ยั่งยืน นอกจากนั้น การแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างผลตอบแทนของการลงทุนแบบยั่งยืนในระยะยาว และการลงทุนในบริษัทที่สร้างผลกระทบในแง่บวกต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก็กำลังทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นทุกวัน 

กลยุทธ์แบบยั่งยืนในการสร้างโอกาสเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และการให้ความรู้ด้านการเงิน ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเม็ดเงินลงทุนไปสู่การลงทุนแบบยั่งยืน เราเชื่อว่าเรากำลังเข้าใกล้จุดสูงสุดที่นักลงทุนปรับทางเลือกในการลงทุนให้เข้ากับค่านิยมของเขา ทั้งนี้ ความเข้าใจที่ดีขึ้นในผลิตภัณฑ์ที่ลงทุน กอปรกับผลกระทบของการลงทุนนั้นที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนจัดสรรการลงทุนแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น” 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

กรุงศรีตั้ง ปาลิดา อธิศพงศ์ นั่งรักษาการกรรมการผู้จัดการของ Krungsri Finnovate เดินหน้าสตาร์ทอัปไทย

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศแต่งตั้ง นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ Krungsri Finnovate...

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...