TikTok แพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้น ประกาศความสำเร็จหลังเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยมากว่า 1 ปี เปิดตัวทีมผู้บริหารคนไทยพร้อมประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจ เดินหน้าสร้าง Ecosystem เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ใช้ครีเอเตอร์ และแบรนด์ต่างๆ โดยความสำเร็จนี้เกิดขึ้นหลังทดลองเปิดให้บริการขายโฆษณาในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบมีแบรนด์ต่างๆ มากมายให้ความสนใจด้วยจุดเด่นของแพลตฟอร์มที่นำเสนอการขายโฆษณารูปแบบใหม่ที่จะปฏิวัติวงการการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นายปกรณ์ วัฒนเฉลิมวุฒิกร หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย ของ TikTok เปิดเผยถึงความสำเร็จและวิสัยทัศน์ของ TikTok สำหรับประเทศไทยว่า จากความสำเร็จอย่างท่วมท้นของ TikTok ในปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยเป็น Top 3 ของประเทศที่มีการเติบโตสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือคิดเป็นการเติบโตของจำนวนผู้ใช้มากกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีผ่านมา
โดยในปีนี้กับการเดินหน้าสู่ปีที่ 2 ของ TikTok ในประเทศไทย ด้วยความพร้อมของทีมผู้ทำงานและความพร้อมของผู้ใช้และครีเอเตอร์ในประเทศไทย TikTok จึงมีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่
• Content Diversification การสร้างความหลากหลายของคอนเทนท์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในทุกกลุ่มอายุ และประเภทความสนใจ
• Monetization การพัฒนาโมเดลการสร้างรายได้ผ่านการขายโฆษณา ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งตอบโจทย์แบรนด์และสร้างมิติใหม่ให้กับการวงการ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทย
• Brand Safe การพัฒนาความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับแบรนด์และผู้บริโภคผ่านการสร้าง Digital Wellbeing
"TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่กำลังเป็นที่สนใจทั่วโลก โดยที่ผ่านมาได้รุกขยายบริการและธุรกิจในหลายประเทศ และสำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศกลยุทธ์ที่มีความโดดเด่นในด้านการเติบโตของทั้งผู้ใช้ ครีเอเตอร์ รวมถึงเหล่าพันธมิตรแบรนด์ต่างๆ ที่ให้ความสนใจในการเริ่มเข้ามาใช้แพลตฟอร์ม TikTok เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y และ Gen Z" นายปกรณ์ กล่าว
โดยปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากความพร้อมของตลาดในประเทศไทยที่มีการใช้เวลาอินเทอร์เน็ตบนมือถือสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค รวมไปถึงกระแสของการรับชมคอนเทนท์วิดีโอสั้นที่กำลังมาแรงทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย อีกทั้งความสดใหม่ของ TikTok ที่มาแรงและเกิดกระแสให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเป็น One-Stop Platform ของ TikTok ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ชมและครีเอเตอร์ที่สามารถรับชมและสร้างสรรค์คอนเทนท์วิดีโอสั้นเจ๋งๆ สนุกๆ ได้จบบนแพลตฟอร์ม และความโดดเด่นในด้านการส่งคอนเทนท์ที่โดนใจถึงผู้ใช้ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้ และสุดท้าย คือ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความเท่าเทียมให้ทุกคนสามารถ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพล หรือ influencer ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
นางสาวลักศมี จง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาคอนเทนท์และแคมเปญ ของ TikTok ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถิติและข้อมูลผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทย พบว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z (17-22 ปี) และกลุ่ม Gen Y (22-38ปี) ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่า ฐานผู้ใช้อายุ 25-34 ปี เติบโตขึ้นอย่างมากจนทำให้สัดส่วนผู้ใช้ในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น ซึ่งตรงกับกลยุทธ์ของ TikTok ในการสร้างความหลากหลายของคอนเทนท์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในหลากหลายกลุ่มอายุ และประเภทความสนใจ นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงคิดเป็นสัดส่วน 75% และอีก 25% เป็นผู้ชาย โดยผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ นครราชสีมา พัทยา ขอนแก่น และเชียงใหม่ โดยค่าเฉลี่ยการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มต่อวันพบว่า มีการเปิดใช้ TikTok ถึง 4 ครั้งต่อวัน และใช้เวลาเฉลี่ยวันละ 35 นาที
“ในปีที่ผ่านมาพบว่า เราประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขยายฐานผู้ใช้ รวมถึงการขยายสัดส่วนผู้ใช้ให้กลุ่มเด็กมีความใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากความหลากหลายของคอนเทนท์ที่ตอบโจทย์ความสนใจของผู้ใช้ได้ทั่วถึงมากขึ้น และการใช้กลยุทธ์ในการสร้างครีเอเตอร์ ซึ่งได้มีการขยายความร่วมมือกับครีเอเตอร์ ในกลุ่ม Gen Y เพิ่มมากขึ้น ผนวกกับการสร้างคอนเทนท์เชิงกลยุทธ์ให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้น ทั้งนี้ยังมีการเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรแบรนด์ต่างๆ เพื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น”
แผนการสร้างรายได้ของ TikTok มาจากการขายโฆษณา ซึ่งได้มีการเปิดขายพื้นที่โฆษณาบน TikTok ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเป็นการซื้อโฆษณาแบบเหมาพื้นที่และการยิงโฆษณาตามพฤติกรรมและความสนใจ ซึ่งลูกค้าหรือแบรนด์ที่สนใจสามารถซื้อโฆษณาผ่าน TikTok หรือซื้อเองได้บนแพลตฟอร์ม โดยพบว่า หลังการเปิดขายพื้นที่โฆษณาได้รับความสนใจอย่างมาก และประสบความสำเร็จทั้งในเชิงรายได้และผลตอบรับจากแบรนด์ที่มีการใช้ซ้ำ
โดยจุดสำคัญที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ และมีเดียเอเจนซี่ ให้ความสนใจและประสบความสำเร็จจากการซื้อพื้นที่โฆษณาบน TikTok เป็นเพราะ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์เทรนด์คอนเทนท์ วิดีโอสั้น และเรื่องของราคาค่าสื่อซึ่ง TikTok เป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่ที่ราคายังไม่สูงมาก Cost Per Reach จึงถือว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินลงทุนเป็นที่สุด โดย TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ในการสร้างกระแส ขณะเดียวกัน TikTok ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีรูปแบบโฆษณาที่ไม่ใช่เป็นเพียงการ Placement เพื่อให้ได้การรับรู้ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่จะทำให้เกิด User Generated Content หรือคอนเทนท์ที่ถูกสร้างจากผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม ซึ่งจะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมหรือ Engagement ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์
ทั้งนี้ นายปกรณ์ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า “ความสำเร็จในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ TikTok และจะเป็นก้าวต่อไปของแพลตฟอร์มที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศทั่วโลก โดยเป้าหมายสำคัญที่จะทำควบคู่กับการเดินหน้าขยายธุรกิจตอบโจทย์ทุกหน่วยใน Ecosystem แล้ว TikTok จะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา ควบคุม และดูแลให้แพลตฟอร์มของเราเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในทุกกลุ่มอายุและประเภทความสนใจสู่เป้าหมายการสร้าง Digital Wellbeing เพื่อพัฒนาความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มอันเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับแบรนด์และผู้บริโภค”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด