ดร. วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ เสนอแนะให้ประเทศไทยมีการวั
รายงานสถิติความสุขใน World Happiness Report ในปี 2555 จนถึงปี 2562 ได้แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีความสุข ลดลงเรื่อย ๆ และปี พ.ศ. 2562 เป็นปีที่คนไทยมีความสุขต่่าที่สุด คนในประเทศ ฟิลิปปินส์ซึ่งเคยมีความสุขโดยรวมน้อยกว่าคนไทย ณ บัดนี้ได้ขยับระดับความสุขสูงขึ้นแซงหน้าคนไทยไปเสีย แล้ว และเราคงเดาได้ไม่ยากเลยว่าปีพ.ศ. 2563 นี้คนไทยน่าจะมีความสุขลดลงไปอีก
ในปัจจุบันนี้มีหลายประเทศที่ให้ความใส่ใจกับความรู้สึกของประชาชน การวัดความเจริญที่ดูจาก รายได้และความเจริญทางวัตถุไม่เพียงพอแล้วกับการประเมินว่า คุณภาพชีวิตของคนไปในทิศทางไหน คนใน ประเทศโอเคไหมกับชีวิต
ตัวอย่าง ประเทศที่ถามประชาชนเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจในชีวิตประกอบด้วย ประเทศอังกฤษ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ประเทศเยอรมันเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ประเทศออสเตรเลีย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ในที่นี้ขอยกตัวอย่างการถามความอยู่ดีมีสุขของประเทศอังกฤษ ที่ใช้ชุดค่าถาม 4 ข้อในการวัดว่า คนในประเทศมีพึงพอใจในชีวิตและมีความสุขหรือไม่
ข้อ 1 โดยรวมแล้ว ปัจจุบันนี้ ท่านพึงพอใจกับชีวิตของท่านมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นการวัดภาพรวมของชีวิต
ข้อ 2 โดยรวมแล้ว เมื่อวานนี้ ท่านรู้สึกมีความสุขมากน้อยเพียงใด
ข้อ 3 โดยรวมแล้ว เมื่อวานนี้ ท่านรู้สึกวิตกกังวลมากน้อยเพียงใด
โดยข้อ 2 และ 3 เป็นการวัดภาวะทางอารมณ์
ข้อ 4 โดยรวมแล้ว ท่านรู้สึกว่าสิ่งที่ท่านทำชีวิตมีคุณค่ามากน้อยเพียงใด ข้อนี้เป็นการวัดการมี คุณค่าของชีวิต
คำถามทั้งสี่ข้อนี้ถูกถามในการสำรวจหลายเรื่องที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติ ของประเทศอังกฤษ และ ยังรวมในการสำรวจอื่นที่จัดทำโดยสถาบันการศึกษา หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอิสระอีกจำนวนมาก รวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่า 33 การสำรวจที่มีการวัดความพึงพอใจในชีวิตของคนอังกฤษ การสำรวจมีการ จัดทำทั้งรายเดือน รายไตรมาส รายครึ่งปี และรายปี การสำรวจมากมายนี้เริ่มทำจริงจังตั้งแต่ยุครัฐบาล David Cameron
ในช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน 2563 โครงการวิจัยนโยบายสาธารณะและความพึงพอใจ ในชีวิตของคนไทย ได้รับการสนับสนุนจากส่านักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้แผนงาน ยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม คนไทย 4.0 ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจชีวิตของคนไทย การสำรวจเป็นแบบถามตัวต่อตัวและการถามทางออนไลน์จำนวน 3,880 คนทั่วประเทศ โดยใช้คำถามความ พึงพอใจในชีวิตและความสุข 4 ข้อเช่นเดียวกับที่ถามโดยสำนักงานสถิติของประเทศอังกฤษ
ผลการสำรวจพบว่าโดยรวมประมาณร้อยละ 48 ของคนไทยมีความพึงพอใจในชีวิตตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไป โดยที่ 0 คือ ไม่มีความพึงพอใจในชีวิตเลย และ 10 มีความพึงพอใจในชีวิตมากที่สุด แต่เมื่อแบ่งคนเป็นตามรุ่นแล้วพบว่า คนที่มักมีความพึงพอใจในชีวิตระดับสูงคือ รุ่น Baby boomer มีความพึงพอใจใน ชีวิตระดับ 9-10 ประมาณ 36% ซึ่งในระดับความพึงพอใจเดียวกันนี้ของคนรุ่น Gen Y มีเพียง 20% และ Gen Z มีเพียง 7% เท่านั้น เมื่อถามภาวะทางอารมณ์สุขและเครียด พบว่า คนรุ่น Baby boomer โดยรวมมีความสุข มากกว่าและเครียดน้อยกว่าคนรุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Gen Y และ Gen Z คนสองรุ่น นี้ยังมีความรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าค่อนข้างต่่ากว่ารุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย อีกด้วย การพยายามสร้างบทบาท ทางสังคมจึงอาจเป็นวิธีหนึ่งที่ท าให้รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น
ถ้าให้มองว่าคนไทยจะมีความสุขเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า เราคงคาดเดาได้ยาก การคาดเดาก็คงเป็นไปตามอคติของผู้ที่เดา อย่ากระนั้นเลย เราน่าจะมีการวัดระดับความสุขเชิงอัตวิสัยหรือ ความพึงพอใจในชีวิต ความสุข ความวิตกกังวล และการมีชีวิตที่มีคุณค่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็น แนวโน้มว่าคนไทยรู้สึกอย่างไรในแต่ละปี ท่าไมคนไทยถึงมีหรือไม่มีความสุข สิ่งที่รัฐทำมีส่วนช่วยให้คน ไทยรู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้าต้องการให้คนไทยมีความสุขมากขึ้นรัฐต้องท่าหรือไม่ท่าอะไร
ข้อคำถามความพึงพอใจในชีวิตและความสุขสี่ข้อนี้สามารถเพิ่มเข้าไปในการสำรวจที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ เช่น การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน การสำรวจภาวการณ์ทำงาน ของประชากร การสำรวจเด็กและเยาวชน การสำรวจอนามัยและสวัสดิการสังคม การสำรวจประชากร ผู้สูงอายุ การสำรวจผู้พิการ และการสำรวจสังคมและวัฒนธรรม ข้อคำถามสี่ข้อนี้จะช่วยให้เชื่อมโยงความสุข ของคนในประเทศเข้ากับประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ วัฒนธรรม และ อื่นๆ และช่วยให้ติดตาม ความอยู่ดีมีสุขของคนไทย เพิ่มเติมไปจากการติดตามภาวะทางเศรษฐกิจที่มักได้รับการพูดถึงกันอยู่ตลอดเวลา
ถ้าจะคืนความสุขให้ประชาชน เราต้องรู้ก่อนว่าประชาชนมีความสุขระดับใดอยู่ และอะไรบ้าง ทำให้เขามีความสุขมากขึ้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด