34% ของคนทำงานยอมรับ ‘ไม่อยากเป็นหัวหน้า’ เพราะพอใจกับงานปัจจุบันที่ทำ

เมื่อก่อนใครๆ ก็อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อยากเป็นหัวหน้า อยากมีตำแหน่งใหญ่โต แต่เดี๋ยวนี้เหมือนจะไม่ใช่แล้ว โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ดูเหมือนจะ "ไม่สนใจ" กับการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปองค์กรอาจจะขาดผู้นำกันเลยทีเดียว

แล้วอะไรที่ทำให้คนยุคนี้ไม่อยากเลื่อนตำแหน่ง? สเตฟานี นีล ผู้เชี่ยวชาญจาก DDI บอกว่า "ช่วงหลังๆ มานี้บทบาทของผู้นำยากขึ้นเยอะ ทำให้การเลื่อนตำแหน่งไม่น่าดึงดูดเหมือนแต่ก่อน" หัวหน้าต้องเจอความกดดันมหาศาล ทั้งสภาวะเศรษฐกิจผันผวน  การบริหารทีม ทรัพยากรที่มีจำกัด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอจากผู้บริหารระดับสูง สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้การเป็นหัวหน้ามันดูเหนื่อยเกินไป ไม่คุ้มที่จะทำ ด้วยคนรุ่นใหม่ที่เห็นอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยคิดว่า "ชีวิตส่วนตัวและงานอดิเรกสำคัญกว่าเยอะ" การเลื่อนขั้นเลยดูไม่น่าสนใจ

หลายคนมองว่าการเป็นหัวหน้ามันเครียด ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แถมยังไม่คุ้มกับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น พวกเขาเลยอยากทำงานแบบไม่ต้องเป็นหัวหน้า ทำงานของตัวเองไปก็พอ นีลกล่าว

Randstad ได้ทำการสำรวจพนักงานจำนวน 27,000 คนใน 34 ประเทศทั่วโลกพบว่า 47% ของพนักงานรู้สึกพึงพอใจกับบทบาทปัจจุบันของตนเอง โดยไม่ได้สนใจความก้าวหน้า และอีก 34% บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยคิดที่อยากขึ้นเป็นผู้บริหาร

เหตุผลที่คนทำงานไม่อยากเลื่อนตำแหน่งมีอยู่ 3 อย่างหลักๆ คือ

  1. เป็นหัวหน้าแล้วเครียดกว่าเดิม: คนที่ได้เป็นหัวหน้าใหม่ๆ มักจะเจอปัญหาหมดไฟง่ายมากกว่า 70% ของคนที่อายุไม่ถึง 35 ที่เป็นหัวหน้าบอกว่ามีอาการหมดไฟ ซึ่งคนสมัยนี้เครียดกับการใช้ชีวิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเป็นหัวหน้ายิ่งอาจทำให้เครียดกว่าเดิม
  2. งานเยอะ ไม่คุ้มค่า: คนยุคนี้ให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวมากกว่าเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น พวกเขาคาดหวังว่าบริษัทจะเคราพเวลาส่วนตัวของพวกเขา เช่น การหมอบหมายงานที่เหมาะสม ไม่ประชุมอะไรที่ไม่จำเป็น  ไม่ติดต่อเรื่องงานนอกเวลา ถ้าพวกเขาเห็นว่าหัวหน้าของเขาไม่มีชีวิตส่วนตัวที่ดี พวกเขาก็จะไม่อยากเป็นหัวหน้าเลย
  3. ไม่มั่นใจว่าตัวเองเก่งพอ: หลายคนรู้สึกว่าตัวเองยังขาดทักษะสำคัญๆ เช่น การจัดการซึ่งมีแค่ 12% ของคนที่อยากเป็นหัวหน้าเท่านั้นที่มีทักษะด้านนี้ดี ยิ่งใครที่เพิ่งเป็นหัวหน้าใหม่ๆ ยิ่งยาก เพราะต้องเปลี่ยนจากคนทำงานธรรมดาไปเป็นหัวหน้าทีม ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ดีก็อาจจะไปไม่รอด

ถ้าไม่มีใครอยากเป็นหัวหน้า แล้วใครจะนำองค์กร?

การที่คนไม่อยากเป็นหัวหน้า ทำให้องค์กรเสี่ยงที่จะไม่มีผู้นำในอนาคต การทำงานก็จะติดขัด ไม่ราบรื่น แถมกำไรก็จะลดลงตามไปด้วย ยิ่งถ้าต้องรีบหาคนมาเป็นหัวหน้าแบบด่วนๆ ก็อาจจะทำให้ได้คนที่ไม่เก่งจริงมาหรือทำให้เสียเงินเสียเวลาไปเปล่าๆ

รายงานของ Glassdoor บอกว่า 65% ของพนักงานรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความก้าวหน้าในงานที่ทำอยู่ ซึ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความก้าวหน้าและต้องการการทำงานที่มีความหมาย ความรู้สึกแบบนี้มันจะทำให้พวกเขา "ลาออกเงียบ" หรือทำงานแบบไม่เต็มที่ ถ้าองค์กรไม่เข้าใจความต้องการของพนักงานจริงๆ ก็อาจจะเสียพนักงานเก่งๆ ไป

สร้างผู้นำ..ก่อนจะสายเกินไป

แม้ว่าคนรุ่นใหม่จะไม่อยากเป็นหัวหน้าตอนนี้ แต่พวกเขาก็อยากพัฒนาตัวเอง หลายคนก็หาทางเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่รอให้บริษัทมาช่วย "หลายคนกำลังหาทางเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยการหาพี่เลี้ยง หรือแม้แต่การศึกษาด้วยตัวเอง และการขอความเห็นจากคนอื่น" 

เพราะฉะนั้นบริษัทควรจะลงทุนพัฒนาพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ นีล กล่าวว่าหลายบริษัทมักจะพัฒนาผู้นำแต่ในระดับสูง แต่จริงๆ ควรเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ  

สิ่งที่ควรจะเน้นคือทักษะที่จำเป็น เช่นการสื่อสาร การรับฟังความคิดเห็น และการจัดการ หัวหน้าควรพูคุยกับพวกเขาเป็นประจำ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และให้คำแนะนำอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ควรจะให้พวกเขาได้มีโอกาสแสดงความสามารถ ได้ทำงานที่สำคัญๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์กร เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร เมื่อพวกเขาเชื่อว่าบริษัทเห็นคุณค่าและให้โอกาสพวกเขา พวกเขาอาจจะเริ่มสนใจที่จะเป็นผู้นำก็ได้ 

อ้างอิง: forbes

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Lucy Guo ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI มหาเศรษฐีวัย 30 ปี ที่ยังขับ Honda Civic และช็อป Shein

Lucy Guo มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI รวยกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังขับ Honda Civic และใส่เสื้อผ้าจาก Shein ด้วยแนวคิด “Act broke, stay rich”...

Responsive image

Mark Zuckerberg กับ “กฎ 80%” สูตรลับบริหารเวลาที่ Google, Einstein และ Steve Jobs Jobs ก็ใช้

Mark Zuckerberg ใช้กฎ 80% เพื่อเว้นที่ว่างในตารางงาน ลดการประชุม เพิ่มเวลาคิดกลยุทธ์ แบบที่ Google และ Steve Jobs ก็เคยใช้...

Responsive image

5 หนังสือเปลี่ยนชีวิตที่ Bill Gates บอก "อ่านแล้วดี" จนเอามาเป็นแรงบันดาลใจเขียนหนังสือตัวเอง

ตอนเริ่มเขียน Source Code บิล เกตส์ (Bill Gates ) เล่าว่าเขาลองย้อนนึกถึงหนังสือที่เคยอ่านแล้ว “อิน” แบบสุด ๆ ไม่ใช่แค่สนุก แต่ต้องสอนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ “ความเป็นผู้นำ” ได้ด้วย ...