การแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐและจีน สรุปแล้วใครเหนือกว่า?

  • สหรัฐมีความก้าวหน้ามากกว่าในแง่ของการวิจัยและพัฒนา ในขณะที่จีนมี AI applications ที่ก้าวหน้า ในการจัดการข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูล อีกทั้งกฎข้อบังคับในการเข้าถึงข้อมูลยังไม่ได้เคร่งครัดมากนัก
  • จีนมีสปิริตในเรื่อง “ลองทำก่อน กลยุทธ์ค่อยมาทีหลัง” มีการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในขณะที่สหรัฐจะมีการวางกลยุทธ์ชัดเจน แล้วค่อย ๆ ทำตามแผนที่วางไว้
  • ด้าน Ecosystem ที่สนับสนุนด้าน AI นั้น ในจีนทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอีกทั้งดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนในสหรัฐการผลักดันส่วนใหญ่มาจากภาครัฐ อีกทั้งแต่ละภาคส่วนทำงานแยกกัน
  • จีนมีความพยายามสร้างสถาบันตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ ส่วนในสหรัฐ ล่าสุดสถาบัน MIT ได้ก่อตั้งวิทยาลัย AI เพื่อดึงดูดคนเก่งที่มีพื้นฐานต่างกัน

เปรียบเทียบความก้าวหน้าการปรับใช้ AI ในจีนและสหรัฐ จากงาน Singapore FinTech Festival 2018 ในหัวข้อ "AI Powerhouses: A Spotlight on the US & China" โดย Helen Liang หุ้นส่วนผู้จัดการของ FoundersX Ventures ได้พูดในมุมของประเทศสหรัฐอเมริกา และ Steven White ศาสตราจารย์ภาควิชานวัตกรรม ผู้ประกอบการและกลยุทธ์ จากมหาวิทยาลัยชิงหัว ได้พูดในมุมของประเทศจีน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ถอดบทเรียนจาก Steve Jobs ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจด้วยแนวคิด “ไม่ลดคน ไม่ตัดงบ”

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2008 หลายบริษัทเลือกที่จะลดขนาดองค์กร ปลดพนักงาน และตัดงบประมาณเพื่อลดความเสี่ยง แต่ Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple กลับสวนกระแส ด้วยแนวคิดที่ว่า “จะเดินหน้...

Responsive image

CEO Shopify ชี้ AI ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทักษะที่ทุกคนต้องมีในองค์กร

บันทึกภายในของ Tobi Lütke ซีอีโอของ Shopify กลายเป็นที่จับตาอย่างมากในวงการเทคโนโลยีและการลงทุน เนื่องจากเขาประกาศชัดว่า “การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ” คือความสามารถพื้นฐานที่พนักง...

Responsive image

Bill Gates เผย 3 อาชีพที่ AI ยังแทนที่ไม่ได้

Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ได้ออกมาให้ความเห็นว่า AI จะเข้ามาแทนที่งานหลายอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ยังเป็นคนกำหนดว่าต้องการให้ AI ทำอะไร และงานไหนควรให้มนุษย์ทำ จาก...