*ข้อมูลสำรวจจากฝั่งสหรัฐฯ
แม้ภาพจำของชาว Gen Z มักถูกมองว่าเป็นรุ่นที่ไม่ได้เร่งรีบเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จในชีวิตแบบเดิม ๆ เช่น การย้ายออกจากบ้าน การแต่งงาน หรือการมีลูก แต่ในมิติของการวางแผนเกษียณ กลับพบว่าคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้กำลังทำผลงานได้โดดเด่นจนแซงหน้าคนรุ่นก่อนอย่าง Baby Boomer
ข้อมูลล่าสุดจาก Vanguard บริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก เปิดเผยผลการศึกษาที่น่าสนใจว่า Gen Z คือเจเนอเรชันที่มีแนวโน้มจะเกษียณอายุได้ดีมากที่สุด โดย 47% ของกลุ่มคนทำงานอายุ 24-28 ปี อยู่ในสถานะที่มีแนวโน้มจะเกษียณได้อย่างสบายใจที่สุด เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ

Vanguard ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสำรวจการเงินผู้บริโภคของธนาคารกลางสหรัฐฯ ปี 2022 ครอบคลุมกว่า 2,200 ครัวเรือน ภาพรวมมีคนวัยทำงานสหรัฐฯ เพียง 42% เท่านั้นที่อยู่ในเกณฑ์พร้อมเกษียณ
แต่เมื่อเจาะลึกคนที่เตรียมตัวมาดี คือมีเงินพอใช้ตอนแก่แบบไม่ลำบาก มีสัดส่วนตามนี้
Gen Z (อายุ 24-28 ปี): 47% (มีความพร้อมสูงสุด)
Millennials (อายุ 29-44 ปี): 42%
Gen X (อายุ 45-60 ปี): 41%
Baby Boomers (อายุ 61-65 ปี): 40%
โดยมี มี 2 เหตุผลหลัก ๆ ที่ Gen Z กลายเป็นรุ่นที่สามารถเกษีนณได้ดีกว่า คือ มีระบบบังคับออมช่วย เพราะเด็กยุคนี้โชคดีที่เริ่มงานในยุคที่บริษัทต่างๆ มีระบบหักเงินเดือนเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้อัตโนมัติ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานพอโดนหักไปเก็บเลย ก็เลยมีเงินเก็บโดยไม่รู้ตัว
และได้เปรียบเรื่องเวลา พอเริ่มเก็บตั้งแต่อายุน้อยๆ เงินมันก็มีเวลางอกเงยนานกว่ารุ่นพ่อแม่ถึง 40 ปี ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ
แต่แม้แนวโน้มจะดูสดใส แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Vanguard เตือนถึง 2 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องระวัง ได้แก่ กับดักหนี้การศึกษา เพราะ Gen Z ครองสัดส่วนผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษาสูงถึง 28% (รองจาก Millennials ที่ 40%) ซึ่งหากบริหารจัดการหนี้ส่วนนี้ไม่ได้ ก็อาจกลายเป็นตัวฉุดรั้งพอร์ตเกษียณในระยะยาว
และจุดเปลี่ยนจากการย้ายงาน (Job Hopping) เนื่องด้วยระยะเวลาการทำงานที่เหลืออีกยาวนาน Gen Z มีแนวโน้มเปลี่ยนงานบ่อยกว่ารุ่นอื่น ซึ่งจุดนี้คือความเสี่ยง เพราะหลายคนมักหยุดชะงักการออม หรือไม่ได้คงอัตราการออมเท่าเดิมเมื่อย้ายไปที่ใหม่
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด