จีนได้อะไร กับการสร้าง Cryptocurrency ของตัวเอง | Techsauce

จีนได้อะไร กับการสร้าง Cryptocurrency ของตัวเอง

ช่วงนี้เราได้เห็นข่าวว่าจีนเริ่มแบน Cryptocurrency Exchange ในประเทศ ขณะเดียวกัน เราก็ได้ยินข่าวลือว่าจีนกำลังศึกษาและสร้างเหรียญ Cryptocurrency ของตัวเองอยู่

จะจริงไม่จริง เรามาคิดกันเล่นๆดูนะครับ ว่ามันน่าจะออกมาเป็นแบบไหน และจะมีข้อดีอะไรบ้างกับทางรัฐบาล (เผื่อเราเอาแบบอย่าง)

รูปแบบของ Cryptocurrency ที่รัฐต้องการ

จีนนั้นมีเงินหยวนอยู่แล้ว นั่นแปลว่าทางจีนไม่มีความจำเป็นต้องสร้างเงินสกุลใหม่ออกมา แต่สามารถสร้างเหรียญ Crypto ที่ใช้เงินหยวนนั้นรับประกันมูลค่าได้ หรือเรียกได้ว่า Asset-backed token เสมือนกับ USDT (US Dollar Tether)

ในที่นี้ เรามาลองเรียกเงินจีนอันใหม่นี้ว่า CNYcoin กันนะครับ (ชื่อสมมุติ) คอนเซ็ปก็ง่ายๆคือ 1 CNYcoin = 1 หยวนนั้นเอง โดยที่ทุกคนจะต้องโอนเงินหยวนที่มีให้ทางรัฐแล้วจะได้รับ CNYcoin กลับมาแทน

Public blockchain vs. Private blockchain

อันนี้คอยน์แมนค่อนข้างจะมั่นใจว่ารัฐจะเลือกใช้ private blockchain โดยคนทั่วไปไม่สามารถเปิดดู transaction ของคนอื่นได้ เช่นว่าใครมีเงินเท่าไหร่ ใครโอนให้ใคร เหมือนอย่างที่เราทำได้ในบิทคอยน์ block explorer

ประโยชน์ของ Cryptocurrency

เอาหละ มาดูกันครับว่ารัฐได้อะไรจากการทำแบบนี้บ้าง

ใครมีเงินเท่าไหร่ และเงินอยู่ที่ไหนบ้าง

ในปัจจุบันมันแทบเป็นไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าใครมีเงินสดกันอยู่เท่าไหร่ เงินที่อยู่ในธนาคารนั้นอาจจะสามารถ track ได้ด้วยการขอข้อมูลจากธนาคาร แต่ถ้าเราเอาเงินไปเก็บไว้ต่างประเทศ เก็บไว้ในตู้เซฟ ขุดหลุมเก็บหลังบ้าน หรือเอาไปแปลงเป็นทรัพย์สินอื่น รัฐก็ไม่สามารถ track เงินเราได้ง่ายๆเลย

กลับกัน ในการใช้ Cryptocurrency รัฐสามารถเชื่อม Wallet Address กับตัวบุคคลได้ โดยที่การไหลของเงินนั้นจะสามารถถูกตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่าเงินอยู่ที่ไหนกับใครบ้าง พูดง่ายๆ คือเราจะไม่สามารถซ่อนเงินได้อีกต่อไป เพราะต่อให้เราโอนไป Address อื่น ถ้ารัฐบังคับว่าการสร้าง Address นั้นจำเป็นต้องมีชื่อเจ้าของ เงินที่เราโอนไปรัฐก็จะรู้อยู่ดีว่านั้นคือ Address ของเราอีกอันนึง

ตัวอย่างจาก Bitcoin Block Explorer (ลองนึกภาพ ถ้าเราเชื่อม Address เหล่านี้กับตัวบุคคล แล้วรัฐสามารถดูได้ฝ่ายเดียว)

  • ตอนนี้มีเงินอยู่เท่าไหร่ มีเงินหมุนในอดีตเท่าไหร่

  • เงินเข้ามาจากไหน ใครโอนเข้ามา

  • เงินโอนออกไปไหน

แม้แต่ตัวธนาคารเองก็จะมี Address ซึ่งต่อไปรัฐไม่จำเป็นต้องขอข้อมูลอีกต่อไป แต่สามารถดูได้ตลอดเวลาเลยว่าธนาคารนั้นครอบครองเงินเท่าไหร่บ้าง และทำธุรกรรมทางการเงินกับใครบ้าง

ผลก็คือ:

  • เก็บภาษีได้ง่ายขึ้น ไม่มีเล็ดลอด
  • ได้ข้อมูลมาใช้วิเคราะห์เศษฐกิจการเงินในประเทศได้ดีขึ้น (ข้อมูล real-time)
  • ลดการฟอกเงิน
  • ลดธุรกรรมในตลาดมืด
  • ตามจับเงินที่ได้จากการคอรัปชั่นหรือสิ่งผิดกฎหมายได้ง่าย (ให้เงินใต้โต๊ะไม่ได้อีกแล้ว)

ซึ่งรัฐได้ประโยชน์ทั้งหมดที่กล่าวมา ในขณะที่ค่าใช้จ่ายรัฐลดลงเพราะการใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน

ควบคุมการเงินระหว่างประเทศ

ในช่วงหลังมานี้ จีนมีปัญหาเรื่องค่าเงินตก (เป็นผลกระทบจากนโยบายกระตุ้นเศษฐกิจ เช่นการพิมเงินออกมาจำนวนมาก) รัฐจึงพยายามจะเข้ามาแบนและควบคุมเงินที่ไหลออกนอกประเทศ

ขณะเดียวกันเรารู้ว่าตอนนี้มันมีช่องโหว่ที่คนสามารถซื้อบิทคอยน์และโยกย้ายเงินไปต่างประเทศได้ไม่ยาก นี่ก็อาจเป็นเหตุผลนึงที่รัฐต้องการเข้ามาจัดระเบียบตลาด Crypto นี้ เพราะด้วยการบังคับใช้ Cryptocurrency CNYcoin รัฐสามารถรู้จำนวนเงินและควบคุมลิมิตในการแลกเปลี่ยน CNYcoin ไปยังเหรียญสกุลอื่นได้อย่างไม่ยากเย็น

ปิดท้าย

การนำบล็อคเชนมาสร้างสกุลเงินรัฐนั้นมีความเป็นไปได้สูงในอนาคต และอาจไม่ได้เกิดเพียงแค่จีนที่เดียว อินเดียก็อาจตามมาด้วย เนื่องจากต้นปีนี้ ทางอินเดียก็มีการทำสงครามกับเงินสดกันไปแล้วครั้งนึง

ในความเห็นของผม การสร้าง cryptocurrency เป็นให้ประโยชน์กับภาครัฐในระยะยาวเลยทีเดียว ทั้งการเพิ่มความโปร่งใส และลดอาชญากรรมทางการเงินอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน (อีกทั้งผมเชื่อว่ารัฐต้องการมีอำนาจในการสอดส่องเงินในประเทศอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อก่อนทำไม่ได้ขนาดนี้)

สำหรับประชาชนอย่างพวกเรา หากต่อไปต้องเจอกับอะไรแบบนี้ เราอาจเลือกที่จะถือทรัพย์สินอื่น (BTC?) นอกจากเงินรัฐ ถ้าเราไม่ต้องการให้รัฐมาคอยส่องได้ตลอดเวลาครับ

อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงมุมมองถึงการนำ Cryptocurrency ไปใช้กับเงินของรัฐนะครับ ไม่ได้ทำนายว่าเงินสกุลนี้จะเกิดขึ้นจริงในประเทศไหนแต่อย่างใด แต่ถ้าไทยจะลองเอาไปทำก็ได้นะ

บทความนี้เป็น Guest post 

เกี่ยวกับผู้เขียน


Coinman เพจวิเคราะห์ตลาด Crypto และ Blockchain Technology ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางเพจคอยน์แมน https://www.facebook.com/coinmanth/


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

5 ข้อแตกต่างที่ทำให้ Jensen Huang เป็นผู้นำใน 0.4% ด้วยพลัง Cognitive Hunger

บทความนี้จะพาทุกคนไปถอดรหัสความสำเร็จของ Jensen Huang ด้วยแนวคิด Cognitive Hunger ความตื่นกระหายการเรียนรู้ เคล็ดลับสำคัญที่สร้างความแตกต่างและนำพา NVIDIA ก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับ...

Responsive image

เรื่องเล่าจาก Tim Cook “...ผมไม่เคยคิดเลยว่า Apple จะมีวันล้มละลาย”

Apple ก้าวเข้าสู่ยุค AI พร้อมรักษาจิตวิญญาณจาก Steve Jobs สู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดย Tim Cook มุ่งเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยีอีกครั้ง!...

Responsive image

วิจัยชี้ ‘Startup’ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จ

บทความนี้ Techsauce จะพาคุณไปสำรวจว่าอะไรที่ทำให้ วัย 40 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนักธุรกิจและ Startup หลายคน...