AI ไม่ใช่ศัตรู แต่คือเครื่องมือของคนเก่ง มุมมอง ‘CK Fastwork’ กับอนาคตการทำงานที่เปลี่ยนไป

ในยุคที่ AI เข้ามาเปลี่ยนโฉมโลกการทำงาน หลายคนเริ่มรู้สึกหวั่นใจโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเลือกเส้นทางชีวิต บางคนเรียนจบสายที่กำลังจะถูกแทนที่ บางคนยังไม่แน่ใจว่าจะยืนตรงไหนในอนาคต

แต่สำหรับ CK ซีอีโอของ Fastwork แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ชั้นนำของไทย เขามองว่า “อนาคตไม่ได้น่ากลัว...แต่ต้องเตรียมตัวให้เก่งกว่าเดิม”

ในยุค AI ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่เป็ด

“AI คือเป็ดที่เก่งที่สุดในโลก” นี่คือคำเปรียบเทียบที่ CK ใช้อธิบายสถานการณ์แรงงานยุคใหม่ 

เพราะในโลกก่อนหน้า การเป็นเป็ด หรือคนที่ทำได้หลายอย่างแม้จะไม่ลึกมาก มักถูกมองว่าได้เปรียบเพราะยืดหยุ่นสูงและเข้ากับทีมงานได้ทุกแบบ แต่ในโลกที่ AI กลายเป็นเครื่องมือที่เรียนรู้เร็ว ทำได้ทุกอย่างในระดับกลาง ๆ อย่างไม่มีวันหยุด เป็ดธรรมดาอาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองหาอีกต่อไป

CK ชี้ว่า วันนี้ AI สามารถเขียนโค้ดได้ สร้างแผนการตลาดได้ เขียนบทความได้ หรือแม้กระทั่งวางโครงสร้างอาคารได้ในระดับเบื้องต้น แต่สิ่งที่มันยังทำไม่ได้คือ “ตัดสินใจว่าอะไรถูกหรือผิด”

ตัวอย่างที่เขายกขึ้นมาคือ ถ้าเราเป็น Software Engineer แล้วใช้ AI เขียนโค้ดให้เรา สิ่งที่ต้องมีมากกว่าคือความเข้าใจในระบบ ว่าโค้ดที่ได้มานั้นดีพอไหม ปลอดภัยหรือเปล่า และเหมาะสมกับโปรเจกต์จริงไหม เพราะแม้ว่า AI จะเก่งแค่ไหน มันก็ต้องมีคนที่รู้จริงคอย validate งานอยู่ดี ซึ่งคนเหล่านี้ก็คือ ผู้เชี่ยวชาญ หรือ Specialist ซึ่งกำลังกลายเป็นบุคคลที่ตลาดต้องการมากที่สุดในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น…

  • Software Engineer ที่รู้ลึกด้าน architecture หรือ security
  • Marketer ที่เข้าใจทั้ง strategy, execution, และ data
  • สถาปนิกที่สามารถเชื่อมโยงบริบทการใช้ชีวิตเข้ากับฟังก์ชันของอาคาร
  • นักกฎหมายที่สามารถวิเคราะห์กรณีซับซ้อนได้ลึกกว่าการแปลภาษาในสัญญา

 ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีคุณค่ามาก เพราะแม้ AI จะมีข้อมูล แต่ไม่มีมุมมอง ไม่มีบริบท และไม่มีความเข้าใจในระดับลึกที่ต้องใช้ประสบการณ์ และนั่นคือโอกาสของแรงงานยุคใหม่

CK ย้ำว่า ถ้าอยากอยู่รอดในโลกหลัง AI สิ่งสำคัญคือการ “เลิกพยายามเป็นเป็ด” แล้วหาทางขุดลึกไปในสิ่งที่เราทำให้มากที่สุด จนสามารถรู้ว่า AI ทำถูกหรือผิด และกลายเป็นคนที่ AI ต้องรอฟัง

การทำงานในอนาคต = ฟรีแลนซ์ และคนที่เก่งขึ้นทุกวันเท่านั้นที่จะอยู่รอด

“องค์กรต้องการคนให้น้อยลง และเด็กรุ่นใหม่ก็ไม่อยากเป็นพนักงานอีกต่อไป” นี่คือคำพูดที่ CK ต้องการจะสะท้อนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในระบบแรงงานไทยและทั่วโลก

ในขณะที่หลายองค์กรต้องการลดขนาดทีมเพื่อความคล่องตัว และไม่อยากแบกต้นทุนพนักงานประจำที่ไม่ยืดหยุ่น เด็กรุ่นใหม่ในฝั่งตรงข้ามก็ไม่ได้อยากเข้าไปอยู่ในระบบงานแบบเดิมอีกต่อไป พวกเขาอยากมีอิสระในการจัดการเวลา อยากเลือกโปรเจกต์ที่ตรงกับเป้าหมายชีวิต และอยากเป็นเจ้าของผลงานของตัวเองมากกว่า

CK มองว่าสถานการณ์นี้จะไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่จะกลายเป็น โครงสร้างหลักของแรงงานในอนาคต และมองว่าในอีกไม่กี่ปี ทุกคนจะกลายเป็นฟรีแลนซ์หมด

นั่นคือเหตุผลที่ Fastwork ตั้งเป้าจะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับ “คนในประเทศ” เพราะเขาเชื่อว่า อาชีพใหม่ ๆ จะไม่ได้เกิดจากตำแหน่งในองค์กรอีกต่อไป แต่จะเกิดจากแพลตฟอร์มที่เชื่อมคนกับความต้องการได้อย่างยืดหยุ่นที่สุด

แต่ในโลกที่ไม่มีใครการันตีความมั่นคงให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่มั่นคงได้คือ ความสามารถของตัวคุณเอง

CK ย้ำว่า...

“อย่าเลือกอาชีพเพราะคิดว่ามั่นคง แต่ให้ถามตัวเองว่า คนที่เก่งที่สุดในโลกสายนี้ เขามีคุณสมบัติอะไร แล้วค่อย ๆ ฝึกตัวเองให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้” ในมุมมองของเขา ‘คนเก่ง’ ไม่ได้หมายถึงคนที่เรียนเก่งหรือมีวุฒิการศึกษาสูงที่สุด แต่คือคนที่มีวินัยในการฝึกฝนตัวเองทุกวัน ใช้เวลาไปกับการพัฒนาทักษะจริง

โลกไม่สนความรู้สึกคุณ แต่มันเปลี่ยนแน่นอน

“โลกไม่สนความรู้สึกคุณ” คือประโยคที่ CK เอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล และมันอาจเป็นหนึ่งในประโยคที่จริงที่สุดสำหรับยุคสมัยนี้ เพราะต่อให้เรารู้สึกไม่พร้อม รู้สึกกลัว หรือไม่อยากเปลี่ยน เทคโนโลยีก็จะยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รอใคร

ในสายตาของ CK เทคโนโลยีอย่าง AI ไม่ใช่ศัตรูของแรงงาน แต่มันคือ “อาวุธลับของคนเก่ง” สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ไม่ใช่ AI แต่คือการยืนอยู่เฉยๆ ขณะที่โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน

ถ้าวันนี้คุณยังไม่ใช้ AI เพื่อพัฒนาอาชีพของตัวเอง คุณอาจหายไปจากตลาดใน 3 ปี

เพราะในโลกยุคใหม่ ความรู้เดิมไม่พอ ทักษะเดิมไม่พอ ความเร็วแบบเดิมไม่พอ แต่ “ความเข้าใจว่าเราจะใช้ AI มาทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ยังไง” คือสิ่งที่ทุกคนต้องมี ซึ่งตัว CK เองและ Fastwork ไม่ได้แค่พูดถึง AI ในเชิงทฤษฎี แต่ได้ลงมือใช้มันจริงในระดับระบบหลักของแพลตฟอร์ม

เขาเล่าว่า Fastwork ได้พัฒนาระบบ Search ใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเวกเตอร์ร่วมกับความเข้าใจ “บริบท” (semantic search) ทำให้ผู้ใช้สามารถเจอฟรีแลนซ์ที่ตรงใจได้แม้ไม่ได้พิมพ์คำค้นเป๊ะ ๆ และนั่นแหละคือหัวใจของการทำงานยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ทำสิ่งเดิมให้เร็วขึ้น แต่ต้องเข้าใจให้ลึกขึ้น และปรับตัวให้เร็วขึ้น

เพราะสุดท้ายแล้ว โลกไม่สนว่าคุณจะรู้สึกยังไงกับความเปลี่ยนแปลง แต่โลกจะสนแค่เพียงว่า คุณพร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปกับมันหรือเปล่า

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์ที่ก้าวสู่มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก แซงหน้า Lucy Guo

วงการธุรกิจทั่วโลกต่างจับตามองดาวรุ่งดวงใหม่ เมื่อ Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์สาวชาวบราซิลก้าวขึ้นเป็น “มหาเศรษฐีหญิง Self-made คนใหม่ ที่อายุน้อยที่สุดในโลก” แซงหน้าผู้ประกอบก...

Responsive image

ส่องวิธีคิดแบบ นิธิฟู้ดส์ หา The New ROI อย่างไรให้เจอโอกาสในวิกฤต จนยอดขายทะลุ 500 ล้าน

บนเวที FoodX Forum 2025 คุณสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด และอุปนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ได้ขึ้นมาแชร์ Insight แบบ Eclusive ถึงเบื้องหลังการเติบโต 30...

Responsive image

Fei-Fei Li เตือน! อนาคตเป็นของคนที่ ‘กล้าเสี่ยง’ ยุคนี้ Safe Zone คือจุดที่อันตรายที่สุด

Fei-Fei Li ผู้ร่วมก่อตั้ง World Labs และศาสตราจารย์จาก Stanford University หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่แห่งวงการ AI’ ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในยุคที่เทคโนโล...