รู้จัก เศรษฐา ทวีสิน นายกคนที่ 30 ของประเทศไทย

เศรษฐา ทวีสิน มีชื่อเล่นว่า ‘นิด’ เป็นนักธุรกิจและนักการเมือง จบการศึกษาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ-การเงินจากมหาวิทยาลัย Claremont Graduate University ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเรียนจบในปี 2529 ก็ได้เข้าทำงานที่บริษัท Procter & Gamble เป็นเวลา 4 ปี

ต่อมาได้ย้ายมาทำงานที่ บจก.แสนสำราญ ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น บมจ.แสนสิริ โดยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เศรษฐาทำงานอยู่ในแวดวงธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ก่อนที่เขาจะลงเล่นการเมือง ในช่วงที่ยังไม่ได้ก้าวสู่บทบาทของนักการเมืองอย่างเต็มตัว เศรษฐามักจะแสดงความคิดเห็นของเขาในเรื่องการเมืองผ่าน Twitter อยู่บ่อยครั้ง

เศรษฐามีความสนใจในเรื่องการเมืองมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักธุรกิจแล้ว ซึ่งปัจจุบันเศรษฐาได้ก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองอย่างเต็มตัวในฐานะของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เส้นทางการเมืองของเขาเป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน !

เส้นทางทางการเมืองของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’

จากความสนใจเรื่องการเมือง ทำให้เศรษฐามักแสดงวิสัยทัศน์และความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง จากการพูดคุยกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเรื่องการเมือง ทำให้เศรษฐาตัดสินใจก้าวเข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัวในสังกัดพรรคเพื่อไทย

  • 18 พ.ย. 2565 เศรษฐาประกาศผ่าน Twitter ว่าตนเองได้ลงเล่นกับเมืองอยู่กับพรรคเพื่อไทย 
  • 1 มี.ค. 2566 พรรคเพื่อไทยเปิดตัวเศรษฐาในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
  • 3 มี.ค. 2566 เศรษฐาระบุว่า “จะรับตำแหน่งนายกเท่านั้น หากไม่ได้ก็ไม่ขอรับตำแหน่งใดทางการเมือง”
  • 5 เม.ย. 2566 พรรคเพื่อไทยยื่นบัญชีบุคคลเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 รายชื่อ ต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีชื่อเศรษฐา ทวีสิน อยู่ลำดับที่ 2

แนวคิดดูแลพนักงานในฐานะผู้บริหารและนักธุรกิจ

ก่อนจะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย คุณเศรษฐา ทวีสินเคยได้แบ่งปันแนวคิดทางธุรกิจผ่าหลาย ๆ สื่อซึ่งมีแนวคิดที่น่าสนใจทั้งแง่มุมในฐานะผู้บริหาร และในฐานะนักธุรกิจ

  • ก่อนเป็นนายคน เราต้องไปเป็นลูกน้องเขาก่อน: ข้อนี้คุณเศรษฐามองว่า ‘การเป็นลูกน้องก่อน’ ข้อแรกคือการฝึกวินัย เช่น การตรงต่อเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่จะเป็นเจ้าคนนายคนจำเป็นต้องมี และนอกจากนี้ การเป็นลูกน้องจะทำให้เข้าใจว่า เจ้านายที่ดีเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่คุณเศรษฐาให้ความสำคัญมากในฐานะของผู้บริหารที่ต้องดูแลลูกน้องหลายชีวิต

 ใจเขา ใจเรา ต้องไปเจอเองถึงจะเข้าใจ

  • แนวคิด ‘Inclusive’ ใช้กับพนักงานทุกคน: เรื่องนี้คุณเศรษฐาเผยว่า มันหมายถึงความเข้าถึงได้ ความเสมอภาค ความเท่าเทียม การที่ลูกน้องทุกคนสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ ทั้งเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ การแต่งตัว หรือสิ่งต่าง ๆ มากมาย เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่คุณเศรษฐาต้องการสร้างสภาพแวดล้อมในบริษัทให้มีความเสมอภาค เท่าเทียม และให้เกียรติกันในทุก ๆ ตำแหน่งงาน 

อ้างอิง: workpointtoday, thestandard, bbc

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Performance Punishment เมื่อรางวัลของคนขยันคือ 'งานที่เพิ่มขึ้น' ทำไมสิ่งนี้ถึงกำลังทำลายทีม

ในหลายองค์กรมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Performance Punishment หรือการลงโทษคนทำงานดีโดยไม่รู้ตัว นั่นคือการที่หัวหน้ามักจะมอบหมายงานและความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นให้กับคนเก่ง ซึ่งแทนที่จะเป็น...

Responsive image

CEO LinkedIn แนะ การทำงานยุคใหม่ต้องเลิกยึดกรอบเดิม เน้นเรียนรู้และเก็บประสบการณ์

“อาชีพของเราไม่มีใครมานั่งวางแผนให้ ไม่มีใครคิดแทนและไม่มีใครเดินแทนได้ สุดท้ายเราต้องเป็นคนดูแลเส้นทางของตัวเอง” นี่คือประโยคที่ Ryan Roslansky ซีอีโอของ LinkedIn ใช้อธิบายมุมมองต...

Responsive image

รู้จัก Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์ที่ก้าวสู่มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก แซงหน้า Lucy Guo

วงการธุรกิจทั่วโลกต่างจับตามองดาวรุ่งดวงใหม่ เมื่อ Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์สาวชาวบราซิลก้าวขึ้นเป็น “มหาเศรษฐีหญิง Self-made คนใหม่ ที่อายุน้อยที่สุดในโลก” แซงหน้าผู้ประกอบก...