ในการสัมภาษณ์งาน ไม่มีคำถามไหนที่จะดูเหมือนง่ายแต่แฝงความยากไว้เท่ากับคำถามคลาสสิกอย่าง ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อย
Madeline Mann ผู้ก่อตั้ง Self Made Millennial และโค้ชด้านอาชีพชื่อดัง กล่าวว่า คำถามนี้คือคำถามที่ผู้คนต้องดิ้นรนหาคำตอบมากที่สุด เพราะความที่มันกว้างจนจับทิศทางไม่ถูก หลายคนจึงเลือกที่จะเล่าประวัติส่วนตัวยาวเหยียด เล่างานอดิเรก หรือพูดไปเรื่อยโดยไม่มีจุดหมาย
แต่ในความเป็นจริง คำถามนี้คือโอกาสทองที่จะกำหนดทิศทางของการสัมภาษณ์ทั้งหมด หากคุณตอบได้ดี มันจะสร้างความประทับใจแรกพบ และเพื่อให้คุณพิชิตคำถามนี้ได้ Mann ได้เปิดเผย สูตรลับ 3 ขั้นตอน ที่จะเปลี่ยนการแนะนำตัวธรรมดา ให้กลายเป็นการนำเสนอตัวเองอย่างเหนือชั้น ดังนี้

แม้จุดประสงค์หนึ่งของคำถามนี้คือการละลายพฤติกรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรจะตอบแบบเล่น ๆ Mann เตือนว่า ผู้สมัครมักจะพลาดด้วยการเล่าเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงาน
ดังนั้น กุญแจสำคัญคือ คำตอบของคุณต้อง Super Relevant หรือเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครอย่างที่สุด ตัดน้ำออก ให้เหลือแต่เนื้อเน้น ๆ ที่ตรงกับสิ่งที่บริษัทมองหา
ส่วนที่ 1: The Present (ปัจจุบันคือใคร?)
อย่าเริ่มต้นด้วยชื่อเล่น หรือข้อมูลส่วนตัวทั่วไป แต่ให้เริ่มด้วยประโยคเปิดที่สั้นกระชับ และเชื่อมโยงประสบการณ์ของคุณเข้ากับบทบาทที่คุณกำลังสมัครทันที
หลักการ คือ Match ตัวเองเข้ากับ Job Description เช่น ให้ลองอ่านรายละเอียดงานที่เขารับสมัคร ดูว่าเขาใช้คำศัพท์อะไร แล้วนำคำเหล่านั้นมาผสมในคำแนะนำตัวของคุณ
ตัวอย่างเช่น
"ปัจจุบันผมทำงานเป็นนักบัญชีมากว่า 5 ปี โดยมีความเชี่ยวชาญพิเศษในการดูแลบัญชีให้กับสตาร์ทอัพที่กำลังอยู่ในช่วง Growth-stage ครับ"
Mann อธิบายว่า การพูด Keywords ที่ตรงกับประกาศรับสมัครงาน จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้สัมภาษณ์ทันที สมองของพวกเขาจะสั่งการว่า โอเค... คนนี้แหละคือคนที่ถูกต้อง
ส่วนที่ 2: The Past (อดีตทำอะไรมาบ้าง?)
หลังจากปูพื้นฐานแล้ว ให้ย้อนกลับไปพูดถึงไฮไลต์สำคัญในอดีต โดย Mann แนะนำว่าให้แตะเบา ๆ ไปที่ความสำเร็จสูงสุด ไม่ต้องร่ายยาวทุกบริษัทที่เคยทำมา
หลักการสำคัญคือ ต้องวัดผลได้และ เกี่ยวข้องกับงานใหม่ เช่น เลือกผลงานที่มีตัวเลขชัดเจน หรือโปรเจกต์ที่แสดงให้เห็นทักษะที่บริษัทใหม่ต้องการ
ตัวอย่างเช่น
"ในงานล่าสุดที่บริษัท X ผมดำรงตำแหน่งผู้จัดการบัญชี ซึ่งผมได้สร้างทีมจากที่มีพนักงานเพียง 1 คน จนขยายเป็น 4 คน และก่อนหน้านั้นที่บริษัท Y ผมรับผิดชอบดูแลทั้งบัญชีและงบประมาณ ซึ่งกลยุทธ์ของผมสามารถช่วยลดต้นทุนให้บริษัทได้ถึง 20%"
หากงานเก่าของคุณไม่ตรงสายกับงานใหม่เป๊ะๆ ให้มองหาจุดเชื่อมโยงแทน เช่น ถ้าคุณเคยเป็นผู้ช่วยผู้บริหาร แต่อยากสมัครงานบัญชี ให้เน้นเล่าประสบการณ์ตอนที่คุณช่วยเจ้านาย บริหารงบประมาณเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีทักษะที่นำมาปรับใช้ได้
ส่วนที่ 3: The Future (อนาคตทำไมต้องที่นี่?)
นี่คือส่วนที่คนส่วนใหญ่มักลืมทำ คือการสรุปจบอย่างสวยงาม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองพูดเยิ่นเย้อจนหาทางลงไม่ได้ Mann แนะนำว่าให้ใช้ประโยคเชื่อมว่า "และเหตุผลที่ผมสนใจงานนี้มาก เพราะ..." แล้วเติมคำในช่องว่างว่าทำไมบทบาทนี้ถึงเป็นก้าวต่อไปที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
ตัวอย่างเช่น
"และเหตุผลที่ผมสนใจร่วมงานกับที่นี่มาก เพราะผมกำลังมองหาโอกาสที่จะได้นำทักษะบัญชีที่มี ไปต่อยอดในองค์กรระดับ Fortune 500 อย่างบริษัทของคุณครับ"
จะเห็นว่า การใช้โครงสร้าง Present > Past > Future ช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของผู้สมัครงาน คือการพูดไปเรื่อย ๆ จนหาจุดลงไม่ได้ และสูตรนี้จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นภาพที่ชัดเจน 3 อย่างในเวลาไม่ถึง 2 นาที ทั้ง
เมื่อคุณตอบคำถามแรกได้ดี มันจะสร้างความมั่นใจให้ตัวคุณเอง และสร้างความประทับใจให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกว่าคุณทำการบ้านมาดี และพร้อมแล้วสำหรับการพูดคุยในคำถามต่อไป
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด