IBM เผยแผนเดินหน้าขึ้นนำตลาด Hybrid Cloud มูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ | Techsauce

IBM เผยแผนเดินหน้าขึ้นนำตลาด Hybrid Cloud มูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ปี 2020 ถือเป็นปีที่ไม่มีใครคาดคิด การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบในวงกว้าง กระตุ้นให้บริษัททั่วโลกเดินหน้าลดต้นทุน เพื่อให้สามารถแข่งขันในโลกอนาคต ไม่ว่าอนาคตนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และแม้จะเป็นปีที่การแพร่ระบาดมีผลต่อทั้งธุรกิจและวงการสาธารณสุข IBM ก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปเปล่าๆ แต่เบนเข็มเร่งเครื่องสร้างองค์กรสู่การเป็นผู้นำตลาด Hybrid Cloud ที่มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ 

ในประเทศไทย การใช้จ่ายด้านคลาวด์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยองค์กรต่างมองถึงการปรับระบบให้ทันสมัยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ประโยชน์จากคลาวด์ รวมถึงออโตเมชัน AI และ Blockchain โดยเฉพาะเมื่อเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง องค์กรยิ่งเร่งลงทุนด้านเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อเพิ่มความคล่องตัว และเพิ่มมุมมองเชิงลึกจากข้อมูลมหาศาล

ในปี 2019 IBM เข้าซื้อกิจการผู้ให้บริการลินุกซ์โอเพนซอร์สรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Red Hat ด้วยสนนราคา 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเสริมศักยภาพด้าน Hybrid Cloud ร้อยละ 20 ของผู้บริหารด้านไอทีที่ตอบแบบสำรวจของสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของ IBM (IBV) ในประเทศไทย เปิดเผยว่าได้จัดสรรค่าใช้จ่ายด้านไอทีของตนไว้สำหรับระบบคลาวด์ โดยมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้จ่ายเกี่ยวกับ Hybrid Cloud จากร้อยละ 44 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 49 ภายในปี 2566 ทั้งนี้ งบประมาณด้านคลาวด์ส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรให้กับแพลตฟอร์ม Hybrid Cloud และมีการตั้งเป้าที่จะลดค่าใช้จ่ายในด้านพับลิคคลาวด์ลงจากร้อยละ 42 ในปัจจุบันให้เหลือเพียงร้อยละ 39 ภายในปี 2566 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาด Hybrid Cloud IBM ได้ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ถึงแผนการแยกธุรกิจบริการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่หรือ NewCo (ชื่อบริษัทจะประกาศภายหลัง) ในช่วงปลายปี 2564 นี้ โดย NewCo จะรับผิดชอบรายได้ 25% จากรายได้รวม 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐของ IBM และจะกลายเป็นบริษัทด้านบริการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุด โดยคาดว่าจะมีแบ็คล็อก 60,000 ล้านเหรียญจากลูกค้าประมาณ 4,500 รายที่อยู่ในประเทศต่างๆ ซึ่งครอบคลุมกว่า 75% ของบริษัทในกลุ่ม Fortune 100 ทั่วโลก รวมถึงธุรกิจชั้นนำในเอเชีย

คุณอาร์วินด์ กฤษณะ ซีอีโอของ IBM เคยอธิบายไว้ว่าความต้องการในการซื้อแอพพลิเคชันและระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของลูกค้ากำลังเป็นไปในคนละทิศทางกัน ขณะที่องค์กรเองก็เริ่มหันมาเร่งใช้แพลตฟอร์ม Hybrid Cloud มากขึ้น 

การแยกบริษัท จะทำให้ NewCo มีความคล่องตัวและโฟกัสที่ลูกค้ามากขึ้น โดยที่ผ่านมาทั้งกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าของ IBM รวมถึงกลุ่มนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมและการเงิน ต่างมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่มีวิสัยทัศน์และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

การควบรวมและเข้าซื้อกิจการไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับยักษ์ใหญ่ไอทีอย่าง IBM ที่มีการปรับตัวและทรานส์ฟอร์มตัวเอง รวมถึงมีการปรับโมเดลในการบุกตลาดและเข้าถึงลูกค้านับครั้งไม่ถ้วน ตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน ธุรกิจบริการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของ IBM ถือเป็นหนึ่งในผู้นำบริการบริหารจัดการอินฟราแบบไฮบริดของโลกอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาทำหน้าที่ออกแบบและดำเนินการไมเกรทคลาวด์ที่มีสเกลใหญ่และมีความซับซ้อนให้กับบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำบริการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดมาอย่างต่อเนื่อง

คุณอภิชาต อรุณคุณารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโกลบอลเทคโนโลยีเซอร์วิส (Global Technology Services หรือ GTS) บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “วันนี้ธุรกิจหันมาเลือกใช้แนวทางแบบ Hybrid Cloud มากขึ้น เพราะสามารถเพิ่มคุณค่าให้องค์กรมากกว่าการใช้พับลิคคลาวด์แบบเดิมๆ ถึง 2.5 เท่า โดย Hybrid Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเอื้อให้องค์กรสามารถผนวกรวมศักยภาพของโอเพนซอร์สเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าและช่องทางรายได้ใหม่ๆ แก่องค์กร”

“Hybrid Cloud จะเป็นแกนสำคัญในการขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจดิจิทัล และเป็นแพลตฟอร์มที่เร่งให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากเทคโนโลยี AI ออโตเมชัน หรือ Blockchain ที่ก้าวล้ำ ซึ่งวันนี้ IBM พร้อมแล้วที่จะนำความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีเข้าช่วยสนับสนุนองค์กรไทยให้เดินหน้าต่อไป” คุณอภิชาตเสริม

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เรื่องเล่าจาก Tim Cook “...ผมไม่เคยคิดเลยว่า Apple จะมีวันล้มละลาย”

Apple ก้าวเข้าสู่ยุค AI พร้อมรักษาจิตวิญญาณจาก Steve Jobs สู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดย Tim Cook มุ่งเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยีอีกครั้ง!...

Responsive image

วิจัยชี้ ‘Startup’ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จ

บทความนี้ Techsauce จะพาคุณไปสำรวจว่าอะไรที่ทำให้ วัย 40 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนักธุรกิจและ Startup หลายคน...

Responsive image

ทำไม Fastwork ขาดทุนเกือบทุกปี ? ฟังเหตุผลของ CK Cheong

Fastwork เป็นอีกหนึ่งชื่อธุรกิจที่มาแรงในช่วงเวลานี้ ด้วยความไวรัลบนโลกออนไลน์ของผู้บริหาร CK Cheong (ซีเค เจิง) ที่มักทำคลิปให้ทัศนะเรื่องการเงิน การใช้ชีวิต และธุรกิจ แต่กลับถูกต...