หลังจากประกวดรอบชิงชนะเลิศ 10 ทีมสุดท้ายของ FinTech Challenge 2017 คุณกรณ์ จาติกวณิช ประธานสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย ได้ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับเรื่อง ICO ที่เป็นประเด็นอยู่ในความสนใจจากผู้คนอย่างมากในขณะนี้
ไม่ผิดกฏหมายครับ สมมติมีบริษัทไทยไปเข้าสู่กระบวนการนี้ในตลาด Cyber ก็ไม่ได้มีกฏหมายใดที่จะไปกำกับ และสาเหตุที่ผมมาพูดคุยเรื่องนี้วันนี้คือ หนึ่ง ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าในบางเรื่องอาจจะไปกำกับดูแลยาก ถึงจะมีเจตนาที่จะเข้าไปกำกับก็กำกับยาก เพราะมันเป็นการแลกเปลี่ยนกันโดยไม่ผ่านตลาดหรือสถาบัน เป็นเรื่องของบุคคลต่อบุคคล P2P จึงค่อนข้างเป็นเรื่องยากสำหรับใครที่จะมากำกับดูแล เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่กลไกตลาดต้องทำงาน ในที่นี้หมายถึง ต้องมีระบบที่มากำกับดูแลกันเอง
ที่ผมกังวลก็คือ ของดีมันจะเสีย ถ้าสมมติว่าไม่มีใครสามารถมากำกับดูแลได้ แล้วก็จะมีผู้ที่ต้องการเข้ามาฉวยโอกาส เช่นเอาของปลอมมาขายเป็นของจริง
ตอนนี้มีตัว Platform ที่คุยกันอยู่ว่าจะกำหนดมาตรฐาน ICO ว่าควรจะผ่านมาตรฐานอย่างไร ถึงจะเป็น ICO ที่นักลงทุนควรจะพิจารณา แม้ความเสี่ยงมันยังมีอยู่ เมื่อเราพูดถึง startup ในช่วงเริ่มต้น ยังไงมันเสี่ยงอยุ่แล้ว และมันควรจะมีกระบวนการการกรองว่า startup รายไหนควรจะ qualify เพื่อเข้าสู่การระดมทุนผ่านกระบวนการ ICO และจากตัวอย่าง ประมาณ 40 % ของ startup ที่สนใจจะออก ICO อาจจะสามารถผ่านกระบวนการตามขั้นตอน นอกเหนือจากนั้น การให้ความมั่นใจกับผู้ที่เอาเงินมาลงก็สำคัญ ว่า startup นั้นๆ เมื่อระดมเงินทุนไปแล้วเขามีข้อผูกมัดกับคุณอย่างไร มีใครที่จะมาคอยดูแลว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขที่มีการตกลงกัน ทั้งหมดนี้เหมือนกับเวลาเรียกร้องปฏิวัติสื่อในเมืองไทย แล้วสื่อบอกว่าทางที่ดีที่สุดคือขอกำกับดูแลตัวเอง ซึ่งบางครั้งก็ใช้ได้บางครั้งก็ใช้ไม่ได้ เพราะทางเลือกอื่นในการมีคนอื่นมากำกับมันอาจจะไม่ดี อาจจะมีข้อจำกัดหรือปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา
ถ้าถามว่าเขาสามารถออกได้เลยไหม ถ้าคิดจะออกในรูปของหุ้นมันก็จะขัดกับกฎหมายหลักทรัพย์ ถ้าออกในรูปของเงินกู้ ก็จะไปติดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแบงค์ชาติ แต่รูปแบบของการออก ICO ที่คลาสสิคที่สุดก็คือการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้เข้าเกณฑ์ของแบงค์ชาติหรือ ก.ล.ต. และเป็นสิ่งที่ถ้าคิดจะทำจริงๆ ก็น่าจะทำได้
อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่เราอยากจะเห็นก่อนที่จะมีการสนับสนุนให้บริษัทไทยและนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปมีส่วนในฐานะผู้ซื้อ Token คือมาตรฐานที่เขาจะสามารถพึ่งพาได้ และเชื่อมั่นได้มากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะถ้าจะให้ตลาดนี้เป็นตลาดที่ผู้ประกอบการพึ่งพาได้ในระยะยาวและยั่งยืน มันจะต้องมีมาตรฐานที่สูงกว่านั้น และนี่คือความตั้งใจของทุกคนและ ก.ล.ต. ที่คิดว่ามันสามารถจะกำหนด standard นี้ขึ้นมาได้
ถ้าให้ตอบแทนในส่วนของ ก.ล.ต. ที่กำกับดูแลในเรื่องของหลักทรัพย์ว่าเข้าข่ายหลักทรัพย์หรือไม่ นอกจากต้องดูในเรื่องของการแบ่งปันผลประโยชน์แล้ว ก็ต้องดูเรื่องสิทธิในฐานะผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะสิทธิในการออกเสียง ซึ่งอะไรที่ไม่มี Voting rights ผมคิดว่าถ้านิยามตามกฎหมายไทย มันอาจจะไม่ใช่หลักทรัพย์เสียทีเดียว
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด