บทสัมภาษณ์จาก MIT Technology Review, รูปประกอบจากวิดีโอเปิดตัว o1 ของ OpenAI

ในยุคที่ ChatGPT กลายเป็นคำคุ้นหู และชื่อของ Sam Altman ขึ้นพาดหัวข่าวแทบทุกเดือนด้วยภาพลักษณ์ผู้กล้าฝ่าคลื่นเทคโนโลยี ไม่มีใครปฏิเสธว่า OpenAI คือบริษัทที่เดินนำหน้าวงการ AI ไปหลายช่วงตัว
แต่ถ้าเราเบนสายตาออกจากแสงแฟลช เราจะเห็นคนสองคนที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงนัก แต่กำลังเขียนอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ใบนี้อย่างเงียบๆ
พวกเขาคือ Mark Chen และ Jakub Pachocki หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OpenAI คนหนึ่งเป็นอดีตเทรดเดอร์จาก Wall Street ที่เชี่ยวชาญด้านโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง อีกคนคือนักทฤษฎีคอมพิวเตอร์ผู้ผันตัวจากวงการวิชาการมาสู่โลกของ AI เพื่อมาไขปริศนาสุดท้าทายของยุคสมัย: ทำยังไงให้ AI ‘คิดเป็น’

Mark Chen คืออดีตเทรดเดอร์สายคณิตจาก Wall Street เข้าร่วม OpenAI ในปี 2018 และเป็นเบื้องหลังของ DALL-E โมเดลสร้างภาพที่เคยสร้างไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ต เขายังอยู่เบื้องหลัง Codex ที่ช่วยให้ ChatGPT เขียนโค้ดได้ รวมถึงการสอนให้ GPT-4 เข้าใจภาพ
ในขณะที่ Jakub Pachocki เดินมาจากสายวิชาการ เขาเคยศึกษา theoretical computer science ก่อนจะมาเข้าร่วม OpenAI ตั้งแต่ปี 2017 และก้าวขึ้นมาเป็น Chief Scientist แทน Ilya Sutskever ในปี 2024 เขาคือสถาปนิกเบื้องหลังโมเดลที่เน้น “การให้เหตุผล” หรือ reasoning โดยเฉพาะโมเดลชื่อ o1 และ o3 ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานซับซ้อน เช่น การพิสูจน์คณิตศาสตร์ หรือแก้โจทย์เขียนโปรแกรม
ความผูกพันของทั้งคู่ไม่ได้เริ่มที่ OpenAI อย่างเดียว พวกเขาต่างเคยแข่งขันในโอลิมปิกวิชาการ ทั้งสายคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรม เคยเจอคู่แข่งระดับเทพมานับไม่ถ้วน และตอนนี้พวกเขากำลังทำให้ AI กลายเป็นหนึ่งในคู่แข่งนั้น
ซึ่งมีหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่าโมเดลของพวกเขาค้วาอันดับ 2 ในการแข่งขัน AtCoder World Tour Finals การแข่งขันเขียนโปรแกรมที่หินที่สุดรายการหนึ่งของโลก ส่วนผู้ที่คว้าแชมป์นั้นยังคงเป็น ‘มนุษย์’
ซึ่ง Mark Chen ก็พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “ผลลัพธ์นี้ underrated มากนะ ถ้าคุณได้เหรียญทองโอลิมปิกคณิตศาสตร์ คุณอยู่ในกลุ่ม 20–50 ของโลก แต่ถ้าได้ที่ 2 ใน AtCoder นั่นคืออยู่ในระดับสูงสุดของสายอาชีพเลย”
Jakub เสริม “คนที่ชนะเราคือ Psyho เขาเป็นตำนานในวงการนี้เลยนะ เคยทำงานกับผมที่ OpenAI ด้วย ตอนแข่งเขาโพสต์หลังจบว่า ‘ฉันแทบไม่รอด’” ซึ่งแม้ AI จะยังไม่ชนะ Psyho ได้ แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่นักวิจัยทั้งสองเรียกว่า “ความสามารถในการให้เหตุผลเชิงลึก” (deep reasoning) ที่พวกเขาพยายามผลักดันอย่างหนัก
“เพราะมันคือฐานของความคิดสร้างสรรค์” Jakub ตอบ “โจทย์เหล่านี้ไม่ได้มีคำตอบตายตัวเสมอไป มันต้องคิดนอกกรอบ ต้องเชื่อมโยงไอเดียจากที่ต่าง ๆ”
“โจทย์ของ AtCoder หรือ IMO ไม่ใช่แค่หาคำตอบถูก แต่มันต้องคิดนอกกรอบ ต้องแก้ปัญหาแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือสิ่งที่เราอยากให้โมเดลทำได้” Jakub อธิบาย
Mark เสริมว่า “เป้าหมายของเราคือสร้างโมเดลที่สามารถใช้เวลาอยู่กับปัญหายาก ๆ ได้โดยไม่หลงทาง นั่นคือคำจำกัดความของ AGI สำหรับผม”
เมื่อ 2 ปีก่อน Ilya Sutskever อดีตหัวหน้าวิทยาศาสตร์ของ OpenAI ตั้งทีม Superalignment ขึ้นมา เพื่อหาทางควบคุม AI ที่อาจฉลาดเกินมนุษย์ แต่วันนี้ทั้งทีม รวมถึงผู้ก่อตั้งทีมเอง ต่างก็ลาออกหมด
Jakub และ Mark ไม่ปฏิเสธว่ามีความตึงเครียดในเรื่องนี้ แต่ย้ำว่า “alignment ไม่ได้หายไปไหน มันเพียงแค่ไม่ได้อยู่ในทีมแยกต่างหากแล้ว แต่กลายเป็นเรื่องที่ ทุกคนในบริษัทต้องรับผิดชอบร่วมกัน
“ทุกวันนี้ความเสี่ยงของ AI ไม่ใช่แค่ในจินตนาการ แต่มาในรูปแบบปัญหาจริง ๆ ที่เราต้องรับมือ เช่น โมเดลจะพูดอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ไหม ? มันเข้าใจเจตนาคนใช้งานแค่ไหน ?” Jakub บอก
ตลอดบทสนทนากับ Mark และ Jakub เราได้เห็นภาพของ OpenAI ที่ต่างไปจากภาพลักษณ์ในสื่อ ไม่ใช่แค่บริษัทที่ปล่อยของล้ำ ๆ หรือซีอีโอที่พูดเรื่องอนาคตได้เร้าใจ แต่คือทีมวิจัยที่กำลังพาโมเดลก้าวข้ามความฉลาดแบบท่องจำ ไปสู่ความคิดแบบมนุษย์
การให้เหตุผล (reasoning), คณิตศาสตร์, และการเขียนโปรแกรม ไม่ได้เป็นเพียงโจทย์ให้ AI แก้ได้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่เป็นรากฐานของความคิดสร้างสรรค์ในแบบที่มนุษย์ใช้มานับพันปี หากโมเดลสามารถเชื่อมโยงไอเดีย ข้ามกรอบความคิด และอยู่กับปัญหาที่ยากโดยไม่หลงทางได้ นั่นคือก้าวแรกของ AGI ในความหมายที่พวกเขาเชื่อ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด