AirAsia ประกาศความร่วมมือระยะยาวครั้งสำคัญกับ Airbus ผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำจากยุโรป ขับเคลื่อนการวิจัย และพัฒนาด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน เพื่อหมุดหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภูมิภาคอาเซียน
บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสองบริษัท จะมุ่งเน้นการศึกษาการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) แบบกระจายศูนย์ โดยใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีทางเลือกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเชิงพาณิชย์และขยายการผลิต SAF ในภูมิภาค
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะร่วมกันศึกษาแนวทางปรับปรุงการจัดการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Management : ATM) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของ AirAsia และความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการบินของ Airbus โดยจะนำแนวทางจากโครงการวิจัย Single European Sky ATM Research (SESAR) ของยุโรปมาประยุกต์ใช้ในภูมิภาคอาเซียน
นายยัพ มุน ชิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน กลุ่ม Capital A กล่าวว่า
“AirAsia เป็นพันธมิตรหลักของ Airbus ในอาเซียน เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของการผลิตเครื่องบินขนส่งทางอากาศที่พัฒนาโดยใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีทางเลือก รวมถึงโครงการ ATM ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทีมนวัตกรรมของแอร์บัส ในฐานะสายการบินระดับภูมิภาคที่มีฐานอยู่ใน 5 ประเทศอาเซียน เรานำประสบการณ์การดำเนินงานที่เป็นผู้นำในภูมิภาคมาเสริมความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Airbus ความร่วมมือนี้ช่วยวางรากฐานสำหรับการสร้างโครงการร่วมกันในหลายระดับ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม”
AirAsia มีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยมีแผนอัปเกรดฝูงบินเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดน้ำมันและเพิ่มการใช้ SAF โดยเครื่องบิน Airbus ทุกลำที่ส่งมอบให้ AirAsia ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป จะใช้เชื้อเพลิงผสมที่มี SAF 5%
ปัจจุบัน AirAsia มีคำสั่งซื้อเครื่องบิน Airbus A321 จำนวน 361 ลำ เพื่อรองรับการเติบโตของฝูงบิน และความมต้องการเปลี่ยนเครื่องของสายการบินกลุ่มนี้ คาดว่าภายในปี 2035 การอัปเกรดฝูงบินจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 10% เมื่อเทียบกับปี 2019 ส่วนประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการใช้ SAF จะช่วยลดได้อีก 15%
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด