เจาะลึกอนาคตเศรษฐกิจสีเขียว ‘ฉลากสิ่งแวดล้อม’ ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นใบเบิกทางสู่ความยั่งยืน และความอยู่รอดทางธุรกิจ

ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้นทุกขณะ การปรับตัวสู่เศรษฐกิจสีเขียว ได้เปลี่ยนสถานะจากกระแสทางเลือกมาเป็นยุทธศาสตร์หลักที่จำเป็นต่อการอยู่รอดและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การเสวนาในหัวข้อ "อนาคตประเทศไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว" ได้กลายเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ มาถอดรหัสถึงทิศทาง โอกาส และความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ โดยมีฉลากสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่คือกลไกขับเคลื่อนที่เชื่อมโยงทุกองคาพยพของระบบเศรษฐกิจ ตั้งแต่นโยบายระดับมหภาคไปจนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภครายบุคคล

เวทีเสวนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รศ. ดร.ธำรงรัตน์ มุ่งเจริญ ประธานคณะกรรมการฉลากผลิตภัณฑ์หมุนเวียน คุณอมรรัตน์ เดชอุดมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารเขียวและที่ปรึกษาโครงการระดับนานาชาติ, และ คุณณพล ก่อก้องวิศรุต รองประธานกรรมการบริหารฝ่าย Ecosystem จากบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เป็นผู้ดำเนินรายการและร่วมให้มุมมอง

วิวัฒนาการฉลากเขียวในประเทศไทย

รศ. ดร.ธำรงรัตน์ มุ่งเจริญ ได้เริ่มต้นด้วยการพาย้อนกลับไปถึงจุดกำเนิดของการขับเคลื่อน ฉลากเขียวในประเทศไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาคลาสสิกแบบ 'ไก่กับไข่' กล่าวคือ ผู้ผลิตลังเลที่จะลงทุนเพราะไม่แน่ใจในตลาด ขณะที่ผู้บริโภคก็หาซื้อสินค้าทางเลือกได้ยาก ดร.ธำรงรัตน์เล่าว่า "การทลายกำแพงนี้จึงเริ่มต้นจากการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่ายและใกล้ตัว เช่น คลิปหนีบกระดาษ หรือตู้เหล็ก เพื่อสร้างความคุยเคยและพิสูจน์ให้เห็นว่าของรักษ์โลกไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป"

ในเชิงเศรษฐศาสตร์ รศ. ดร.ธำรงรัตน์ ได้เจาะลึกถึงต้นทุนที่แท้จริง โดยชี้ว่า การประเมินด้วยหลักการวัฏจักรผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment - LCA) แสดงให้เห็นว่า ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ทั่วไปนั้นสูงกว่าที่เห็น หากเรารวมต้นทุนภายนอก (Externality) หรือผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต้องร่วมกันจ่ายผ่านภาษีเพื่อการฟื้นฟู ในทางตรงกันข้าม หากตลาดผลิตภัณฑ์สีเขียวเติบโตจนเกิดการผลิตในปริมาณมาก (Economy of Scale) ต้นทุนต่อหน่วยจะลดลง และเมื่อบวกกับผลประโยชน์ภายนอก (Saving) ที่สังคมได้รับจากการลดมลพิษ ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์สีเขียวนั้นคุ้มค่ากว่าอย่างมหาศาล ซึ่งแนวคิดนี้เริ่มได้รับการยอมรับในภาครัฐ โดยกรมบัญชีกลางอนุญาตให้หน่วยงานรัฐสามารถจัดซื้อสินค้าสีเขียวได้แม้จะมีราคาสูงกว่าปกติถึง 15% หากมีเหตุผลอันสมควร

รศ. ดร.ธำรงรัตน์ ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านฉลากสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน โดยได้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและภูฏานในการพัฒนาระบบฉลากเขียวของตนเอง อย่างไรก็ตาม เขายังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายเชิงนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะการนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) มาปฏิบัติจริง ซึ่งยังคงติดปัญหาการทำงานแบบแยกส่วน (Silo) โดยยกตัวอย่างว่า "ยุทธศาสตร์ชาติที่ 5 ว่าด้วยการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควรเป็นหัวใจของทุกกระทรวง แต่ในทางปฏิบัติ หลายหน่วยงานยังมองว่าเป็นภาระหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เพียงหน่วยงานเดียว" ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการบูรณาการอย่างแท้จริง

แปลงนโยบายสู่การกระทำที่วัดผลได้

คุณณพล ก่อก้องวิศรุต ได้นำเสนอมุมมองจากภาคธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างโฮมโปร ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากที่สุด เขาชี้ว่าในฐานะผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่ โฮมโปรตระหนักดีว่าบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างขยะ แต่ในขณะเดียวกันก็มองเห็นโอกาสมหาศาลในการเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน

กลยุทธ์ของโฮมโปรนั้นลึกซึ้งกว่าแค่การรีไซเคิล โดยเริ่มต้นจากการ 'ยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ (Product Life Extension)' ผ่านการจัดตั้งศูนย์บริการซ่อมแซมที่ครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการซ่อมแทนการทิ้ง ก่อนจะเข้าสู่โครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ซึ่งเป็นระบบการรับคืนสินค้าเก่าจากบ้านลูกค้าโดยตรงและนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกอย่างเป็นระบบ จากข้อมูลพบว่าสามารถรวบรวมสินค้าเก่าได้แล้วกว่า 5 แสนชิ้น โดย 95% เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และกว่า 80% ของวัสดุที่เก็บกลับมา สามารถนำไปรีไซเคิลและป้อนกลับเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตใหม่ได้สำเร็จ เช่น สุขภัณฑ์เก่ากว่า 400 ตันที่ถูกนำไปผลิตเป็นกระเบื้องปูพื้น

คุณณพลยังได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ

  • ในอดีตราคาคืออุปสรรคสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าสีเขียว แต่ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า ปัจจุบันอุปสรรคหลักได้เปลี่ยนเป็นการขาดความหลากหลายของสินค้า (Lack of Choice) ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคมีความต้องการ แต่ตลาดยังตอบสนองไม่เพียงพอ
  • กลุ่มผู้บริโภค Gen Z และรุ่นถัดไป เติบโตมาพร้อมกับความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (Green Conscious) ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ในโรงเรียน คนกลุ่มนี้จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักของตลาดในอนาคตอันใกล้ และจะเลือกแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
  • ผู้บริโภคยุคใหม่มีความกังวลเรื่อง 'การฟอกเขียว (Greenwashing)' หรือการแอบอ้างว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น สินค้าที่ได้รับการรับรองจากฉลากที่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลที่โปร่งใส และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) จะสามารถสร้างความไว้วางใจและมีความได้เปรียบทางการตลาดอย่างชัดเจน

อาคารเขียว ตลาดมูลค่าล้านล้านบาทที่ขับเคลื่อนด้วยฉลากวัสดุ

คุณอมรรัตน์ เดชอุดมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารเขียว ได้เชื่อมโยงความสำคัญของฉลากสิ่งแวดล้อมเข้ากับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล โดยมูลค่าการก่อสร้างอาคารใหม่ในปีที่ผ่านมาสูงถึงระดับล้านล้านบาท และมีแนวโน้มที่อาคารเขียวจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่มีสัดส่วนไม่ถึง 1% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4% ของอุปทานใหม่ทั้งหมด โดยมีแรงขับเคลื่อนทั้งด้านกฎหมาย (เช่น Building Energy Code) และแรงจูงใจทางการเงิน (เช่น Thailand Taxonomy ที่ธนาคารจะใช้พิจารณาสินเชื่อ)

คุณอมรรัตน์ ชี้ให้เห็นว่า มาตรฐานอาคารเขียวที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็น TREES (ของไทย), LEED (ของสหรัฐอเมริกา), หรือ EDGE ล้วนมีข้อกำหนดที่ให้คะแนนกับการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทต่างๆ ทำให้ฉลากเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการพิสูจน์คุณภาพ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนของโครงการ คุณอมรรัตน์กล่าวว่า "ฉลากได้เปลี่ยนมุมจากสัญลักษณ์เชิงเทคนิค มาเป็นภาษาเดียวกันของความโปร่งใส"

ยิ่งไปกว่านั้น เทรนด์ของอุตสาหกรรมกำลังก้าวไปสู่ 'การออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล" (Data-Driven Design)' โดยสถาปนิกและวิศวกรยุคใหม่จำเป็นต้องคำนวณคาร์บอนฝังตัว (Embodied Carbon) ในวัสดุแต่ละชนิดตั้งแต่วันแรกของการออกแบบ เพื่อหาแนวทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ซึ่งหมายความว่า วัสดุก่อสร้างที่มาพร้อมข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เช่น ฉลาก EPD (Environmental Product Declaration) และ Carbon Footprint จะกลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูงและเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ ความยั่งยืนยังขยายขอบเขตไปถึงมิติของสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้งาน (Health & Wellbeing) ทำให้ฉลากที่รับรองเรื่องการปลอดสารพิษมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในโครงการโรงพยาบาลและโรงเรียน

ความร่วมมือคือหนทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน

การเสวนาครั้งนี้ได้สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในประเทศไทยได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่ไม่อาจหวนกลับ โดยมีแรงผลักดันจากทุกทิศทาง ทั้งกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้น, นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว, แรงจูงใจทางการเงิน, และที่สำคัญที่สุดคือจิตสำนึกและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ฉลากสิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ ได้กลายเป็นภาษาและเครื่องมือกลางที่ทุกภาคส่วนใช้ในการสื่อสาร วัดผล และสร้างความน่าเชื่อถือในเส้นทางสู่ความยั่งยืน มันได้สร้างโอกาสทางธุรกิจครั้งใหม่ให้กับผู้ผลิตที่พร้อมจะปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรม และในขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก อนาคตของธุรกิจไทยจึงไม่ได้วัดกันที่ผลกำไรระยะสั้นเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและส่งมอบโลกที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไปด้วย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะลึกรายงาน World Energy Outlook เมื่อโลกเข้าสู่ ‘ยุคแห่งไฟฟ้า’ และสมรภูมิชิงทรัพยากรที่เปลี่ยนจากน้ำมันเป็นแร่ธาตุ

เจาะลึก World Energy Outlook 2025 โลกเข้าสู่ยุคแห่งไฟฟ้าและสงครามแร่ธาตุ AI และ EV ดันดีมานด์ไฟพุ่ง จีนครอง Supply Chain ขณะที่ก๊าซ LNG จ่อล้นตลาด...

Responsive image

MIT เปิดตัวอุปกรณ์ Ultrasonic ดึงน้ำจากอากาศเร็วขึ้น 45 เท่า ความหวังใหม่ในโลกที่กำลังแห้งลง

MIT พัฒนาอุปกรณ์อัลตราโซนิกที่สกัดน้ำจากอากาศได้เร็วขึ้น 45 เท่า ใช้พลังงานต่ำและทำงานได้หลายรอบต่อวัน เปิดทางสู่อนาคตการผลิตน้ำสะอาดในพื้นที่แห้งแล้งและชุมชนขาดแคลนน้ำ...

Responsive image

อินเดียคิดค้นเครื่องจักร ‘เปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำดื่ม’ ที่ใช่แค่แดด + แรงโน้มถ่วง ไม่ต้องมีไฟฟ้า ใช้ง่าย ราคาถูก

นักวิทยาศาสตร์จาก Indian Institute of Science คิดค้นเครื่องเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำดื่มได้จริง โดยใช้เพียงแสงอาทิตย์และแรงโน้มถ่วงของโลก เทคโนโลยีราคาถูกที่อาจช่วยผู้คนนับพันล้านให...