จีนเตรียมรับมือผลพวงยุค EV กับ ‘ซากแบตเตอรี่’ ที่กำลังท่วมประเทศ เร่งสร้างระบบ ‘Closed Loop’ สู้วิกฤตขยะพลังงานยุคใหม่

ในปี 2025 ตลาดรถ EV ของจีนเติบโตแบบก้าวกระโดดจนเกือบ 60% ของรถใหม่ทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid ความสำเร็จนี้ทำให้จีนถูกยกให้เป็นผู้นำโลกด้าน EV 

แต่ภายใต้ภาพความสำเร็จนั้น กำลังเกิดปัญหาใหญ่ที่มีขนาดไม่ต่างจาก ‘สึนามิขยะ’ เมื่อรถ EV รุ่นบุกเบิกที่ออกสู่ท้องถนนเมื่อราวหนึ่งทศวรรษก่อนเริ่มหมดอายุการใช้งาน แบตเตอรี่นับแสนตัน กำลังไหลเข้าสู่ระบบรีไซเคิลที่ยังไม่พร้อมและไร้ระเบียบ รวมถึงตลาดมืดที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


ชีวิตหลังพวงมาลัยของแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้ามีวงจรการใช้งานไม่ต่างจากแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป กล่าวคือประสิทธิภาพจะค่อย ๆ ลดลงทุกปี ซึ่งหมายถึงการชาร์จที่ช้าลง ระยะทางที่สั้นลง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมจนเก็บประจุได้ต่ำกว่า 80% ก็มักถูกมองว่าถึงจุดปลดระวางแล้ว แต่การเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่มีต้นทุนสูงเกินกว่าที่ผู้ใช้จำนวนมากจะรับไหว ทางเลือกที่เกิดขึ้นจริงจึงไม่ใช่การซ่อม แต่คือการขายทิ้ง ผลลัพธ์คือขยะแบตเตอรี่รถ EV ในจีนสูงถึง 820,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 1 ล้านตันภายในปี 2030

โดยปกติแล้ว เมื่อแบตเตอรี่รถ EV ถึงเวลาต้องปลดเกษียณ จะมีเส้นทางไปต่อได้ 2 รูปแบบหลัก

  • การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Cascade Utilization): นำแบตเตอรี่ที่ยังพอมีประจุไปทดสอบและนำไปใช้ในงานที่ใช้พลังงานต่ำกว่าเดิม เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) หรือติดตั้งในรถความเร็วต่ำ
  • การรีไซเคิลเต็มรูปแบบ (Full Recycling): คือการแยกชิ้นส่วนลึกไปถึงระดับเซลล์ เพื่อสกัดเอาโลหะมีค่าอย่าง ลิเธียม, นิกเกิล, โคบอลต์ และแมงกานีส ออกมา ซึ่งจะถูกนำไปวนลูปใช้ผลิตแบตเตอรี่ก้อนใหม่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกระบวนการนี้หากต้องการทำให้ได้มาตรฐานจริง จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถแบกรับได้

กำไรบนคราบสารพิษ

แม้จีนจะมีบริษัทที่จดทะเบียนเกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลแบตเตอรี่กว่า 180,000 แห่ง แต่ปัญหาคือโรงงานเถื่อนขนาดเล็กมักให้ราคารับซื้อสูงกว่าผู้ประกอบการถูกกฎหมาย เพราะไม่ต้องแบกรับต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม ระบบป้องกันไฟไหม้ หรือภาษี และในจีนวันนี้ ยังมีนายหน้าจากตลาดมืดคอยติดต่อเสนอราคารับซื้อผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Douyin และ WeChat อย่างเปิดเผย 

โดยอดีตคนงานในโรงงานเถื่อนรายหนึ่งเปิดเผยว่า “พวกเขาแค่ทุบแบตเตอรี่ แยกเซลล์ออกมา ประกอบใหม่แล้วขายต่อเป็นของมือหนึ่ง ส่วนน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษก็ถูกเทลงท่อระบายน้ำโดยตรง” แบตเตอรี่ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้องมีความเสี่ยงสูงต่อการปล่อยสารพิษสู่ดินและแหล่งน้ำ ไปจนถึงอาจก่อให้เกิดไฟไหม้หรือการระเบิดได้

ซึ่งทางรัฐบาลจีนเองก็พยายามอย่างหนักที่จะผลักดันให้แบตเตอรี่เหล่านี้เข้าสู่ระบบที่ถูกต้องมากขึ้น โดยประกาศ ‘White List’ ของโรงงานรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานกว่า 156 แห่ง แต่อย่างไรก็ตามจำนวนดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะรองรับซากแบตเตอรี่ที่กำลังทะลักเข้าสู่ตลาด

ผู้เล่นรายใหญ่ต้องสร้างวงจรปิด (Closed Loop)

ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง CATL และ BYD จึงไม่อาจนิ่งเฉย พวกเขาลงทุนสร้างระบบจัดเก็บและรีไซเคิลของตนเองแบบครบวงจร พร้อมเสนอทางออกให้ลูกค้าที่ต้องการปลดระวางแบตเตอรี่เก่าโดยค่ายรถยนต์หลายรายได้ใช้เครือข่ายดีลเลอร์และศูนย์บริการแบบ 4S (Sale, Spare part, Service, Survey) ของตนเอง จัดทำโครงการรับซื้อคืน (Take-back schemes) หรือมอบสิทธิพิเศษให้นำแบตเตอรี่เก่ามาเทิร์นเป็นส่วนลดได้  

CATL ยักษ์ใหญ่ด้านแบตเตอรี่ของจีน ระบุว่าสามารถจัดการซากแบตเตอรี่ได้สูงถึง 270,000 ตันต่อปี และสกัดโลหะมีค่าอย่าง นิกเกิล โคบอลต์ และแมงกานีส กลับมาใช้ใหม่ได้สูงถึง 99% ส่วน BYD ก็มีความร่วมมือเฉพาะทางกับผู้เชี่ยวชาญด้านรีไซเคิล เพื่อดึงวัตถุดิบจากแบตเตอรี่กลับมาใช้ให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม Alex Li วิศวกรแบตเตอรี่ในเซี่ยงไฮ้ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า "ไม่มีใครที่จะจัดการกับแบตเตอรี่เหล่านี้ได้ดีไปกว่าบริษัทที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง" เพราะผู้ผลิตเหล่านี้เข้าใจทั้งโครงสร้างทางเคมี Supply Chain และรู้ดีที่สุดว่าวัสดุที่สกัดกลับมาควรนำไปใช้ต่ออย่างไร ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตแบตเตอรี่จำเป็นต้องร่วมกันสร้างระบบ ‘Closed Loop’ หรือวงจรการผลิตแบบปิดที่สมบูรณ์ให้ได้

โจทย์ใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตก

แม้ผู้เล่นรายใหญ่จะเริ่มขยับตัว แต่อุปสรรคสำคัญที่สุดคือปัญหาจาก ‘แบรนด์ที่หายไป’ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สตาร์ทอัพ EV จีนกว่า 400 ราย ต้องปิดตัวลงจากสงครามราคา ทิ้งรถยนต์และแบตเตอรี่จำนวนมหาศาลให้กลายเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีผู้ผลิตรับผิดชอบการรีไซเคิล

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้จีนกำลังถูกทดสอบอย่างหนักในการสร้างระบบติดตามและจัดการแบตเตอรี่แบบครบวงจร หากล้มเหลว ความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดรถ EV โลก อาจต้องแลกมาด้วย วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ประเมินค่าไม่ได้

อ้างอิง: MIT Technology Review


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AI อ่านสุขภาพข้าว! แค่ถ่ายรูปก็รู้ว่าข้าวแตกหน่อดีไหม ช่วยประเมินผลผลิตได้ทันที แม่นยำ 94–98%

TillerPET ถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์กอข้าวหลังการเก็บเกี่ยว จากภาพถ่ายธรรมดา โดยสามารถทำงานกับข้าวจริงในพื้นที่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องทดลอง...

Responsive image

ทำไมญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้ดีกว่าประเทศไหนในโลก? ถอดบทเรียนการออกแบบชีวิต เมือง และสังคมให้ไม่ล้มเมื่อโลกสั่น

ญี่ปุ่นรับมือภัยพิบัติได้อย่างโดดเด่นเพราะมี ‘วัฒนธรรมความยืดหยุ่น’ ที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวัน งานวิจัยของศาสตราจารย์ Miho Mazereeuw และหนังสือ Design Before Disaster เผยให้เห็นว่าก...

Responsive image

สตาร์ทอัพสวิสฯ พัฒนา ‘Aurin’ เปลี่ยนปัสสาวะเป็นปุ๋ยพรีเมียม จากเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียที่ ESA รับรอง

รู้จัก VunaNexus สตาร์ทอัพสวิสที่นำเทคโนโลยีอวกาศจาก ESA มาเปลี่ยนปัสสาวะให้เป็นปุ๋ย "Aurin" ช่วยลดมลพิษไนโตรเจนและสร้างระบบหมุนเวียนสารอาหารที่ยั่งยืนในอาคารสูง...